ตอนที่ 25 มันเกี่ยวอะไรกับเธอด้วย!

ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘

เขาทำอะไร มันเกี่ยวอะไรกับเธอด้วย!

แต่ความรู้สึกปวดแปลบในใจนี่มันอะไรกัน หรือจะเป็นกระบวนการทางเคมีที่เกิดจากความปรารถนาในท่อนล่างของแครอต?

ในขณะที่เธอกำลังเสียใจอยู่นั้นเอง จู่ๆ ก็รู้สึกคันยุบยิบบนแผ่นหลัง

เธอเอื้อมมือไปแตะดู ปรากฏว่าเป็นแมลงตัวหนึ่ง พอจับมาดูก็พบว่ามันคือแมลงสาบ!

ผ่านไปครู่หนึ่งก็รู้สึกคันขึ้นมาอีก จับมาดู คราวนี้เป็นมด!

ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง ข้างหูมีเสียงดังหึ่งๆๆ ที่แท้ก็มียุงด้วย!

นี่ๆๆ ในถ้ำนี่เป็นรังของแมลงหรือยังไง? แล้วจะนอนยังไงกัน?

กู้จิ้งทนไม่ไหวแล้ว เธอลุกพรวดขึ้นนั่ง มือล้วงยาฆ่าแมลงออกมาจากกระเป๋าแล้วตั้งท่าจะพ่นๆๆๆๆๆ โดยไม่สนใจตา卜ล่ำบึ้กอีก

คิดไม่ถึงว่าในตอนนั้นเอง ตา卜ล่ำบึ้กจะเงยหน้าขึ้นมองเธอแวบหนึ่งพลางขมวดคิ้วแน่น จากนั้นเขาก็ลุกพรวดขึ้นมาขวางหน้าเธอเอาไว้ ตามองยาฆ่าแมลงในมือของเธอด้วยสายตาลำบากใจอย่างที่สุด

 

(ตาล่ำบึ้ก*: สิ่งที่อยู่ในมือนางช่างคุ้นตาเหลือเกิน…)*

 

เซียวเถี่ยเฟิงนอนไม่หลับ เพราะสมองเอาแต่คิดเรื่องดูดไอหยาง

เขาพอจะเดาได้แล้วว่านางมีวิธีดูดไอหยางสองวิธี วิธีหนึ่งคือมีความสัมพันธ์กับผู้ชาย ส่วนอีกวิธีหนึ่งคือใช้เวทศาสตราที่มีหน้าตาเหมือนกับเคียวร่ายมนตร์ใส่ หลังจากถูกดูดไอหยางไปแล้ว ผู้ชายก็จะอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง

กำลังคิดอยู่ จู่ๆ ปีศาจสาวที่ด้านหลังก็ลุกพรวดขึ้นล้วงมือเข้าไปในถุงหนังงูสีดำ ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดจะทำอะไร

เขาหันไปมองด้วยความสงสัย ทันใดนั้น หัวใจก็กระตุกวูบ

นางหยิบเวทศาสตราออกมาอีก เวทศาสตราชิ้นนี้ดูคล้ายกับชิ้นที่เคยใช้ดูดไอหยางของเขามาก

ปีศาจสาวกำเวทศาสตราไว้ในมือแน่นแล้วเริ่มร่ายอาคม

เขากัดฟัน

ดูท่าปีศาจสาวคงต้องการไอหยางจริงๆ เมื่อครู่นางกระตุกชายเสื้อของเขาก็คงเพราะอยากให้เขามอบไอหยางให้ เขาไม่เต็มใจมอบให้ นางทนไม่ไหวก็เลยคิดจะใช้วิธีบีบบังคับ

เขาจะมอบให้ดีหรือไม่?

หากมอบให้ เขากลัวตัวเองจะอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง หากมีเสือมีหมาป่าบุกมา นางจะทำอย่างไร? แม้นางจะเป็นปีศาจ แต่ก็เป็นปีศาจที่โง่จนแยกหมากับหมาป่าไม่ออก

หากไม่มอบให้ นางจะโมโหจนวิ่งหนีไป หรือไม่ก็ไปหาผู้ชายคนอื่นหรือเปล่า?

ระหว่างที่เขากำลังลังเลอยู่นั้น มือซ้ายของปีศาจสาวก็แตะเวทศาสตราเบาๆ ทันใดนั้น มันก็พ่นไออะไรบางอย่างที่มีกลิ่นเหม็นมากออกมา

นี่…

เซียวเถี่ยเฟิงไม่กล้าลังเลอีก เขารีบขยับเข้าไปหานาง ตั้งท่าจะแย่งเวทศาสตรานั้นมา

“อย่างน้อยเจ้าก็รอหน่อยเถิด คืนนี้เรานอนอยู่ที่นี่ หากข้าไม่มีแรงปกป้องเจ้า เจ้าอาจจะมีภัยก็ได้!”

แต่ปีศาจสาวกลับกะพริบตาปริบๆ แล้วมองเขาด้วยสายตาไร้เดียงสา จากนั้นนางก็ขยับหลบแล้วเริ่มใช้เวทศาสตรานั้นอีก

เซียวเถี่ยเฟิงเอื้อมมือไปจับเวทศาสตราของนางไว้พลางกล่าวเสียงหนัก “ไม่ได้”

เขารู้ว่าปีศาจสาวไม่เข้าใจคำพูดของเขา ดังนั้นจึงเริ่มโบกมือไปมาเป็นเชิงบอกใบ้ เขาทำท่าเป็นลมหมดสติ จากนั้นก็ชี้ไปที่ความมืดมิดด้านนอก ความหมายคือฟ้ายังมืด อยู่บนเขา ถ้าหมดสติ นางต้องมีเรื่องยุ่งยาก

ปีศาจสาวตะลึงงันไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เลิกคิ้วขึ้นพลางแค่นหัวเราะเสียงเย็น

“@%&*$!” ภาษาปีศาจของนางบอกชัดว่ากำลังอารมณ์ไม่ดี จากนั้นนางก็เริ่มแกะมือของเขาออก

มือของเขาแข็งแรงมาก มือนุ่มนิ่มของนางย่อมทำอะไรไม่ได้

เขาสูดหายใจลึก จากนั้นก็กลั้นใจแย่งเวทศาสตรานั้นมา

ก่อนที่จะแน่ใจในความปลอดภัยของนาง เขาจะมอบไอหยางให้นางไม่ได้เด็ดขาด

คิดไม่ถึงว่าการกระทำของเขากลับทำให้นางโมโหขึ้นมาทันที สีหน้าของนางบอกชัดว่าทั้งขบขันทั้งดูแคลน จากนั้นนางก็ส่ายหน้าแล้วพุ่งเข้ามาแย่งเวทศาสตรากลับไป

เขากลัวตัวเองจะเผลอทำร้ายนาง ดังนั้นจึงไม่กล้าออกแรงมาก ได้แต่หลบไปหลบมาเท่านั้น

ปีศาจสาวโมโหมาก นางโผเข้ามาแย่งเวทศาสตรา ปากก็ร้องภาษาปีศาจ “@$%&$@” ไม่หยุด

ทั้งสองเริ่มโรมรันพันตู เจ้าหลบข้าแย่ง เจ้าแย่งข้าหลบ ในถ้ำเต็มไปด้วยเสียงร้องภาษาปีศาจ “@$%&*@” ดังโหวกเหวก

ทันใดนั้น เจ้าหมาดำก็วิ่งเข้ามาจากปากถ้ำแล้วกระโจนเข้าใส่ปีศาจสาว!

ที่แท้นับแต่หมาสีดำตัวนี้ถูกเซียวเถี่ยเฟิงช่วยชีวิตเอาไว้ ซ้ำเขายังโยนเครื่องในกวางให้กิน มันก็ซาบซึ้งในน้ำใจของเขามาก แต่กับผู้หญิงท่าทางประหลาดคนนั้น ในใจมันมีแต่ความแค้น หมาเองก็ไม่โง่ มันรู้ว่านี่คือคนที่แทงมันแถมยังรังแกมัน

พอเห็นผู้มีพระคุณของตัวเองกับปีศาจสาวร้าย ‘โรมรันพันตู’ กัน มันก็ย่อกายเตรียมพร้อม ตาสีเขียวทั้งคู่จ้องคนทั้งสองเขม็ง คอยจังหวะที่จะโจมตีปีศาจร้ายให้ถึงตาย

ในที่สุด มันก็ได้โอกาส เจ้าหมาดำกระโจนเข้าใส่ปีศาจร้ายทันที!

เซียวเถี่ยเฟิงกำลังพัวพันอยู่กับปีศาจสาว พอเห็นหมาสีดำดวงตาวาววับตัวนั้นพุ่งเข้าใส่แผ่นหลังของนาง เขาก็รีบเอื้อมมือไปกอดนางเอาไว้แล้วกระโดดหลบอย่างรวดเร็ว

เจ้าหมาดำโจมตีไม่ถูกเป้าหมาย กรงเล็บแหลมคมของมันครูดผ่านผนังถ้ำดัง “ครืด”

ปีศาจสาวเงยหน้าขึ้นมองหมาสีดำตัวนั้นด้วยความงุนงง ดวงตาสีเขียวดุร้ายของเจ้าหมาดำจับจ้องปีศาจสาวไม่วางตา

เห็นได้ชัดว่าปีศาจสาวตกใจมาก นางรีบกอดเอวของเขาเอาไว้แน่น ร่างทั้งร่างสั่นระริกไปหมด

เขากอดนางเอาไว้พลางตบหลังเป็นเชิงปลอบใจ ปากกระซิบเสียงเบาตรงข้างหู “ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นไรแล้ว”

ปีศาจสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาโกรธแค้นแกมน้อยอกน้อยใจ จากนั้นก็ชี้ไปที่หมาตัวนั้นเหมือนกำลังฟ้องพลางร้องเสียงดังว่า “หมา หมา หมา!”

เซียวเถี่ยเฟิงจนใจเหลือเกิน เขารู้ว่านางกำลังตกใจมาก เมื่อครู่หมาสีดำตัวนั้นดูน่ากลัวมากจริงๆ หากไม่ใช่เขาพานางกระโดดหลบได้ทัน เขาก็ไม่อยากคิดเลยว่าถ้ากรงเล็บของมันฝังเข้าไปในแผ่นหลังของนาง ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร

“ไม่ต้องกลัว ข้าจะสั่งสอนมันเอง”

แต่เสียดายที่ปีศาจสาวยังไม่พอใจ นางชี้ไปที่หมาตัวนั้นพลางส่ายหน้า แล้วก็ชี้ไปข้างนอก

เซียวเถี่ยเฟิงเดาความหมายของนางได้ เขารีบพูดว่า “ได้ๆๆ ไล่ไป ไล่มันไป”

เขาสงสารหมาตัวนั้นที่ถูกผู้คนข่มเหงแถมยังไม่มีบ้านให้กลับ แต่ไม่ว่าอย่างไร มันก็ไม่ควรโจมตีปีศาจสาว

ดังนั้น หลังจากเซียวเถี่ยเฟิงปลอบใจปีศาจสาวเสร็จ เขาก็สาวเท้ายาวๆ ไปหามัน ยามนี้มันยังโกรธแค้นไม่หาย เพราะมันยังคงแยกเขี้ยวใส่ปีศาจสาวพลางส่งเสียงคำรามไม่เลิก

เซียวเถี่ยเฟิงหิ้วคอมันขึ้นมาแล้วจับไปโยนทิ้งตรงพื้นที่ว่างนอกกองไฟ แถมยังเตะมันแรงๆ ครั้งหนึ่ง

หมาตัวนั้นเงยหน้าขึ้นมองเซียวเถี่ยเฟิงด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ เห็นได้ชัดว่ามันน้อยใจมาก จากนั้นมันก็หันไปมองปีศาจสาวในถ้ำด้วยสายตาโกรธแค้นแกมโศกเศร้า

มองท่าทางน่าสงสารของมันแล้ว เซียวเถี่ยเฟิงก็อดขมวดคิ้วไม่ได้

“ข้าเก็บนางได้ก่อนเจ้า ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องมีลำดับก่อนหลัง”

แต่คิดๆ ดูเหมือนจะไม่ถูกต้องนัก เขาจึงพูดใหม่ว่า “ต่อให้เก็บเจ้ามาก่อน ข้าก็ยังต้องเลือกนางอยู่ดี”

“ในใจข้าถือว่านางเป็นภรรยาของข้า”

“ถึงนางจะไม่ดีแค่ไหน เจ้าก็ห้ามทำร้ายนางเด็ดขาด”

สุดท้ายเซียวเถี่ยเฟิงก็แข็งใจกล่าวเสียงเย็นชา “เจ้าไปซะเถอะ ข้าให้เจ้าอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว”

หากเมื่อครู่เขาไม่อยู่ด้วย หมาตัวนี้คงจะพรากชีวิตของปีศาจสาวไปแล้ว

เขาจะปล่อยให้นางตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้ไม่ได้

กู้จิ้งรู้สึกว่าตัวเองโชคร้ายเหลือเกิน

ทำไมเธอต้องมาเจอเรื่องแปลกประหลาดแบบนี้ด้วย?

เธอแค่อยากจะพ่นยาฆ่าแมลงใส่ยุงกับแมลงวัน ทำไมตา卜ล่ำบึ้กต้องขัดขวาง? ก็ได้ บางทียาฆ่าแมลงอาจจะทำให้เขานึกถึงความทรงจำเลวร้ายเกี่ยวกับสเปรย์กันหมาป่าขึ้นมา แต่เธอไม่ได้พ่นใส่เขานี่นา? เธอยังแสดงให้เขาดูด้วย ดูสิๆๆ นี่ไม่เหมือนกับสเปรย์กันหมาป่า นี่มีเอาไว้พ่นยุง แถมฉันก็ไม่ได้พ่นใส่นายด้วย

แต่เสียดาย ตา卜ล่ำบึ้กยังคงพยายามขัดขวางเธอ แถมยังแย่งเอากระป๋องยาฆ่าแมลงไปด้วย

เธอจนใจ งุนงงสงสัย หรือว่ายุงแมลงสาบตัวเรือดในถ้ำเป็นสัตว์คุ้มครองของชาติที่ห้ามแตะต้อง?

ในตอนนั้นเอง แมลงวันตัวหนึ่งบินมาส่งเสียงหึ่งๆๆ อยู่ตรงข้างหู

เธอทนไม่ไหวแล้ว “เอาคืนมานะ ฉันจะฆ่าแมลงวันตัวนี้ ฉันเกลียดแมลงวันที่สุด ฉันทนไม่ได้”

แต่เสียดายที่ตา卜ล่ำบึ้กไม่ยอมคืนให้

เธอกระโดดเข้าไปแย่ง

แต่ตา卜ล่ำบึ้กกลับกุมข้อมือเธอเอาไว้ ทำให้เธอขยับไม่ได้

เธอเริ่มโมโห “นายนี่มันประหลาดจริงๆ! ต่อให้นายทำตัวเจ้าชู้วอแวกับคนนั้นคนนี้จนฉันต้องซวยถูกไล่มาอยู่ที่ถ้ำนี่ด้วย ฉันก็ไม่เคยว่าอะไรสักคำ ฉันยังรู้สึกซาบซึ้งใจที่นายรับฉันเอาไว้หาอาหารให้กินหาถ้ำให้อยู่เสียด้วยซ้ำ! แต่ว่าที่นี่มีแมลงวันกับตัวเรือดเต็มไปหมด นายทนได้ แต่ฉันทนไม่ได้ ทำไมถึงไม่ยอมให้ฉันพ่นยาฆ่าแมลงล่ะ?”

แต่เห็นได้ชัดว่าตา卜ล่ำบึ้กไม่เข้าใจคำพูดของเธอ เพราะเขายังกำกระป๋องยาฆ่าแมลงเอาไว้แน่น ไม่ให้ก็คือไม่ให้!

กู้จิ้งโมโหสุดขีด เธอพยายามกระโดดขึ้นไปแย่ง มือดึงแขนเขาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

ทั้งสองโรมรันพันตูอยู่ด้วยกัน

จากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น

จนถึงตอนนี้ คิดขึ้นมาเธอก็ยังตัวสั่น

หมาสีดำตัวใหญ่ซึ่งมีดวงตาสีเขียววาววับเหมือนหลอดไฟกระโจนเข้ามากัดเธอ

ตอนที่กรงเล็บแหลมคมของมันทิ่มเข้าใส่ผนังถ้ำดังครืดน่าสยดสยองนั้น เธอตกใจมากจริงๆ เพราะเธอรู้ว่าเฉียดไปแค่นิดเดียว กรงเล็บของมันก็คงฝังเข้าไปในแผ่นหลังของเธอแล้ว