ตอนที่ 314 คอยดูละกัน

สีหน้าของซ่งห้าวซวนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ” งั้นเรามาคอยดูกัน ! “

” ได้สิ งั้นก็ค่อยมาดูละกัน ฉันละอยากเห็นจริงๆ ว่าซ่งห้าวซวนจะรุ่งเรืองไปได้ซักกี่น้ำ ! ” หยางโปพูดขึ้น

” ซ่งห้าวซวนจะต้องรุ่งเรืองต่อไป อย่างน้อยก็มากพอที่จะไล่ตามสืออี๋ถางทัน ! ” ซ่งห้าวซวนพูดขึ้นเสียงดัง

เมื่อพูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินจากไปทันที

หยางโปมองไปทางแผ่นหลังที่เดินจากไปของซ่งห้าวซวน จึงอดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ เรื่องนี้ดูเหมือนจะไม่ง่ายขนาดนั้นซะแล้ว ซ่งห้าวซวนต้องการฆ่าล้างผลาญเขาให้หมดอย่างนั้นเหรอ ?

ตัวเองจะต้องเร่งมือสักหน่อยแล้ว !

 

ในคืนนั้น เมื่อหยางโปกลับมาถึงบ้าน เขาก็เอาแต่ครุ่นคิดอยู่นานทีเดียว จากนั้นเขาก็โทรศัพท์ไปหาลัวย่าวหัว

” ตอนนี้นายพอจะมีคนที่เชื่อใจได้สักคนไหม ? “

….

วันที่สอง ในขณะที่หยางโปกำลังนั่งแกะสลักอยู่ในร้านนั้น ฝีมือการแกะสลักของเขาดูชำนาญมากขึ้นเรื่อยๆ สัตว์แต่ละตัวที่ถูกเขาแกะสลักออกมานั้น ดูสมจริงราวกับมีชีวิตขึ้นมายังไงอย่างนั้น

ฮ้าวซวนเก๋อที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็ยังคงคึกคักครื้นเครงอยู่เหมือนเดิม เครื่องขยายเสียงที่โฆษณาอยู่หน้าประตูก็ส่งเสียงดังกังวานอยู่ตลอดเวลา บรรดากลุ่มคนก็ยังคงทะลักเข้าไปภายในร้านราวกับคลื่นทะเล เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้ตลอดทั้งวัน

 

หยางโปทำได้เพียงแค่เงยหน้าขึ้นมองแวบหนึ่ง โดยที่ไม่ได้มองมากมายเท่าไหร่นัก เพราะในร้านของเขาก็มีลูกค้าอยู่คนหนึ่งเช่นเดียวกัน ซึ่งมองดูแล้วก็รู้สึกคุ้นหูคุ้นตามากทีเดียว ไม่นานหยางโปก็นึกออกว่าคนนี้คือลูกค้าที่มาซื้อของในร้านสืออี๋ถางเมื่อปีที่แล้ว

” คุณถาง สวัสดีครับ ! ” หยางโปยิ้มพร้อมกล่าวทักทายขึ้น

ผู้มาเยือนมองมาทางการแกะสลักที่อยู่ในมือของหยางโป ก่อนจะยิ้มแล้วพูดกับหยางโปว่า ” เถ้าแก่นี่ความจำดีจริงๆ อีกทั้งยังมีความอดทนและยังมีอารมณ์สุนทรีย์มากอีกด้วย ฝั่งตรงข้ามมีร้านขายวัตถุโบราณเปิดใหม่ ได้ยินมาว่าราคาก็ถูกลงมากอีกด้วย เถ้าแก่ก็ยังนั่งติดที่อยู่เหมือนเดิม ? “

 

” นี่เป็นการทำธุรกิจครับ มันไม่ใช่เรื่องที่นั่งติดหรือไม่ติดที่นิครับ ? ” หยางโปพูดพร้อมยิ้ม ” การทำธุรกิจเป็นเรื่องธรรมชาติ ก็เหมือนกับคุณถางยังไงละครับ ในเมื่อฝั่งตรงข้ามคึกคักออกอย่างนั้น คุณก็ยังไม่ได้ไปเลยใช่ไหมละครับ ? “

คุณถางยิ้มออกมา ” เถ้าแก่ช่างมีความเชี่ยวชาญด้านการทำธุรกิจจริงๆนะครับ ! “

ในขณะที่พูด คุณถางก็ได้ยกนิ้วขึ้นมาชี้ไปฝั่งตรงข้าม ” จริง ๆ แล้ว ผมเองก็เคยไปฝั่งตรงข้ามมาแล้ว หลังจากที่เดินดูของไปบางส่วนแล้ว ก็พบว่าของฝั่งนั้นล้วนแล้วแต่เป็นของปลอมทั้งหมด ถ้าเป็นของจริงย่อมราคาแพงเกินขีดจำกัดกว่านี้อยู่แล้ว อีกอย่างของบางอย่างก็ยังมีจุดด่างพร้อยอีกด้วย “

หยางโปหัวเราะเหอเหอออกมา ” ผมยังไม่เคยไปดูของฝั่งตรงข้ามเลย ! “

 

คุณถางส่ายหน้า ” ถ้าทำธุรกิจเหมือนกับฝั่งตรงข้ามละก็ โลกใบนี้ก็คงจะวุ่นวายน่าดูเลยนะครับ ดังนั้นผมจึงยังมาร้านสืออี๋ถางแห่งนี้ เพราะอยากจะมาดูว่าร้านนี้ของเถ้าแก่มีของอะไรที่น่าซื้อบ้าง “

หยางโปชี้ไปบนตู้วางหนังสือ ” เชิญดูได้ตามสบายเลย ! “

คุณถางมองตามไปแวบหนึ่ง ด้วยความสงสัยเล็กน้อย ” ทั้งหมดนี้เป็นของจริงทั้งหมดเลยเหรอ ? “

หยางโปพยักหน้า ” ทั้งหมดนี้เป็นของจริงแท้แน่นอน ! “

คุณถางมองไปทางหยางโปด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็ยิ้มออกมา ” เป็นแบบนั้นจริงๆ ร้านขายของที่อยู่ฝั่งตรงข้ามไม่มีค่าพอที่จะต้องไปกังวลอะไรเลยซินะครับ ! “

เมื่อพูดจบ คุณถางก็เดินไปเลือกของอย่างละเอียดถี่ถ้วน

 

หยางโปก้มหน้าลงแกะสลักต่อ แต่ในใจกลับล่องลอยออกไปไกลแล้ว หวังว่าการจัดการของเขาจะประสบความสำเร็จ

สุดท้ายคุณถางก็เลือกภาพวาดดอกกล้วยไม้ขึ้นมา 1 ชิ้น นี่เป็นผลงานของจิตรกรเหวิน เผิงในราชวงศ์หมิง

” คุณถางช่างตาถึงมากจริงๆ ” หยางโปอดที่จะออกปากชื่นชมออกมาไม่ได้

คุณถางหยิบภาพวาดนั้นขึ้นมาวางบนโต๊ะ ” มันดียังไง ? “

หยางโปยิ้มแล้วพูดว่า ” ภาพวาดดอกกล้วยไม้ชิ้นนี้เป็นภาพวาดที่มีราคาสูงที่สุดในร้านของผม นึกไม่ถึงว่าผลงานชิ้นนี้จะถูกคุณถางเลือกออกมาเลยนะครับ ! “

 

คุณถางหัวเราะฮ่าฮ่าออกมา ” เถ้าแก่ก็พูดเป็นเล่นไป ภาพวาดอื่นๆล้วนแล้วแต่เป็นผลงานในสมัยราชวงศ์ชิงทั้งนั้น มีเพียงภาพนี้ภาพเดียวที่เป็นของราชวงศ์หมิงราคาก็เลยสูงขึ้นมาหน่อย อีกอย่างเหวิน เผิงก็ไม่ใช่จิตรกรที่มีชื่อเสียงโด่งดังอะไรด้วย เพียงแต่เพราะว่าพ่อของเขาเป็นคนที่มีชื่อเสียง จึงทำให้แสงสุขสกาวของเขาถูกปกคลุมไป “

เหวินเผิงเป็นลูกชายคนโตของเหวินเจิ้งหมิง ชำนาญด้านการวาดภาพ และชำนาญด้านการแกะสลักตราเป็นอย่างยิ่ง ได้รับการยอมรับว่าเป็นบรรพจารย์รุ่นบุกเบิกด้านการแกะสลักตราสัญลักษณ์ในราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง

หยางโปยิ้มออกมา ” งั้นคุณก็ตาถึงมากจริงๆ ภาพนี้ช่างงดงามดูเรียบๆ ไม่ฉูดฉาด โดดเด่นไม่เหมือนใคร ดูวิเศษเลิศล้ำมากจริงๆ ! “

 

คุณถางส่ายหน้า ” เอาละ เถ้าแก่ คุณไม่จำเป็นจะต้องยกยอปอปั้นขนาดนั้นกับผมขนาดนั้นก็ได้ จะให้ราคาผมเท่าไหร่ ? “

หยางโปยิ้มแล้วพูดว่า ” 1.8 ล้านหยวนครับ ! “

” แพงมาก ! ” คุณถางตื่นตกใจขึ้นมาทันที

….

ธุรกิจของฮ้าวซวนเก๋อนั้นดีมาก จนทำให้ซ่งห้าวซวนหยุดเดินไม่ได้เลยทีเดียว เขาซื้อคอมพิวเตอร์ที่ใช้ชำระเงินมาจากธนาคารโดยเฉพาะ ดูเหมือนตอนนี้เขาจะฉลาดปราดเปรื่องมากจริงๆ ในขณะที่มองไปยังลูกค้าที่อยู่ตรงหน้า เข้าก็อดที่จะด่าทอออกมาในใจไม่ได้ ทุกคนต่างก็โง่งมกันทั้งนั้น ของราคาถูกเหล่านี้ พวกเขายังอยากมาซื้อกันอีก มิน่าละฝั่งตรงข้ามถึงได้เปิดทำการต่อไปได้ ที่แท้ร้านขายของวัตถุโบราณก็สร้างกำไรมหาศาลแบบนี้นี่เอง !

 

ณ ช่วงเที่ยงวัน ร้านค้าที่คึกคักเมื่อสักครู่นี้ก็ไม่มีลูกค้าอีก

ซ่งห้าวซวนจึงซื้อข้าวมาจากข้างนอก และสร้างกำลังใจให้แก่ทุกคน ตัวเองถึงจะได้นั่งลง

ในตอนนั้นเอง ชายวัยกลางคนสวมใส่เสื้อจีนผ่าหน้าสีดำ กางเกงคลุมเท้า ใส่รองเท้าผ้าคนหนึ่งเดินเหยียบย้ำเข้ามา

ซ่งห้าวซวนมองพิจารณาของแวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายใส่แหวนมรกตขนาดใหญ่วงหนึ่งบนนิ้ว นอกจากนี้บนหัวแม้โป้งก็ยังมีแหวนหยก บนข้อมือก็สวมใส่กำไลลูกประคำ บนคอห้อยหยกเจ้าแม่กวนอิมสีขาว และถือชามเซรามิคสีเหลืองอร่ามอยู่ในมือ เขาจึงได้ยิ้มออกมาแล้วกล่าวทักทายในทันที ” สวัสดีครับ ! “

ชายวัยกลางคนมองมาทางซ่งห้าวซวน ” สวัสดีเถ้าแก่ ! กำลังกินข้าวอยู่เหรอ ? ฉันไม่ได้มารบกวนการทานข้าวของพวกคุณหรอกใช่ไหม ? “

 

ซ่งห้าวซวนส่ายหน้า ” ร้านนี้เปิดเพื่อการค้าขาย จะเป็นการรบกวนได้ยังไงกันละครับ คุณต้องการอะไรเหรอครับ ? “

” ฉันอยากเอาชามนี้มาขาย เถ้าแก่เสนอราคามาได้เลย ! ” ชายวัยกลางคนพูดขึ้น

” หลาวหลิว นายมานี่ ! ” ซ่งห้าวซวนหันไปกวักมือเรียกชายแก่คนหนึ่งที่อยู่ด้านข้าง

หลาวหลิวคืออาจารย์เนตรศักดิ์สิทธิ์ที่ซ่งห้าวซวนเชิญมาโดยเฉพาะ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถวิเคราะห์วัตถุโบราณได้ก็ตาม แต่เขาก็รู้ว่าภายในร้านจำเป็นต้องมีอาจารย์ที่มีความสามารถด้านการวิเคราะห์ด้วยสักคนหนึ่ง เหมือนกับเหตุการณ์ตรงหน้า ชามใบนี้จำเป็นต้องให้เขาเป็นคนวิเคราะห์ และอาจจะสามารถซ่อมแซมจุดรั่วไหลได้

 

จากการได้ยินข้อมูลของเขา แซ่หยางที่อยู่ฝั่งตรงข้ามคนนั้น สาเหตุที่เปิดร้านขายของได้ เป็นเพราะเขาสามารถซ่อมแซมรอยตำหนิได้อย่างนั้นเหรอ ?

อาจารย์หลิวนำชามใบนั้นวางลงบนโต๊ะ เขารู้สึกได้ถึงความกระวนกระวายใจของเถ้าแก่อยู่เงียบๆในใจ แต่หลังจากที่ใช้ทักษะไปประมาณ 3-5 นาที เขาสามารถกินข้าวไปตรวจไปได้ มาให้ตรวจสอบในเวลานี้ เขาก็ต้องกินข้าวนี่นา ?

อาจารย์หลิวเดินไป จากนั้นก็หยิบถ้วยเล็ก ๆสีอ่อนขึ้นมาจากโต๊ะ จากนั้นก็พลิกไปดูใต้ท้องถ้วย แล้วก็เห็นว่าเป็นชามที่ถูกสร้างขึ้นมาในสมัยจักรพรรดิกวังซวี่ในราชวงศ์ชิง บนตัวชามยังมีรูปมังกรขดตัวอยู่อีกด้วย มังกรที่ร่ายระบำไปมาเหล่านี้ ช่างดูดุร้ายและทรงอำนาจมากทีเดียว

 

อาจารย์หลิวถือว่าเป็นอาจารย์วิเคราะห์ที่อยู่ในระดับกลางในสายอาชีพนี้เลยก็ว่าได้ หลังจากที่เขามองดูไปสักครู่แล้ว ก็ไม่พบปัญหาใดๆ เขาจึงหมุนตัวแล้วเดินไปทางซ่งห้าวซวน ก่อนจะกระซิบข้างหูของเขาว่า

” ของจริงครับ เป็นชามลายที่ใช้กันในสมัยจักรพรรดิกวังซวี่ในราชวงศ์ชิง ! “

ซ่งห้าวซวนรีบแสดงสีหน้าปิติยินดีขึ้นมาทันที เขาเองก็รู้ว่าชามสีเหลืองสดใสแบบนี้ต้องเป็นของที่จักรพรรดิทรงใช้อย่างแน่นอน จึงอดที่จะถามอีกฝ่ายไม่ได้ว่า ” ชามใบนี้ของคุณ จะขายอยู่ที่เท่าไหร่ครับ ? “

ชายวัยกลางคนยิ้ม ” เถ้าแก่ คุณพูดผิดแล้วครับ คุณเป็นคนเสนอราคามา เรามาขายของ เพื่อให้ได้ราคาที่สูง ถนนสายนี้ ร้านไหนให้ราคาสูง เราก็ขายร้านนั้นแหละครับ ผู้เฒ่าเก๋อเราก็ไปมาแล้ว แต่ร้านนั้นมีของขายอยู่ไม่น้อยเลย โอกาสในการร่วมมือกันหลังจากนี้ก็น่าจะเยอะมากอีกด้วย !

 

เมื่อซ่งห้าวซวนได้ยินประโยคนี้ จึงได้เกิดความรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที ” ในเมื่อเป็นชามที่จักรพรรดิทรงใช้ งั้นก็ให้ 2 ล้านหยวน ! “

อาจารย์หลิวเดินกลับไป จากนั้นก็หยิบชามข้าวขึ้นมากำลังทำท่าจะกินต่อ เมื่อได้ยินว่า ” 2 ล้านหยวน ” สามคำนี้ เขาก็อึ้งงันขึ้นมาในทันที ราคานี้สูงเกินไปรึเปล่าเนี่ย !