ตอนที่ 313 คู่แข่งฝั่งตรงข้าม

หยางโปรู้สึกแปลกใจมาก เขารู้สึกว่าชายหนุ่มคนนั้นต้องบ้าไปแล้วอย่างแน่นอน แต่เมื่อมานั่งคิดๆอย่างละเอียดดูแล้ว เขากลับรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง เพราะดูเหมือนอีกฝ่ายตั้งใจจะพุ่งเป้ามาหาเขาโดยตรง !

การเปิดร้านตรงข้ามกับสืออี๋ถาง เอาราคาที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่ามายั่วยุตัวเอง แม้กระทั่งในตอนที่บอกชื่อของตัวเองด้วยความลำพองใจในตอนสุดท้าย ท่าทางสบายอกสบายใจในตัวเองแบบนั้น เหมือนกับกำลังเผชิญหน้ากับความพ่ายแพ้ของลูกน้องยังไงอย่างนั้น ทำให้หยางโปเกิดความสงสัยมากมายทีเดียว !

สุดท้ายหยางโปก็คิดไม่ออก ว่าเคยไปล่วงเกินใครเอาไว้รึเปล่า แต่จนถึงวันนี้ การหาข้อมูลของคนๆหนึ่ง สำหรับหยางโปแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่ยากอะไร !

 

หยางโปโทรศัพท์ไปหาลัวย่าวหัว แล้วพูดเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้อีกฝ่ายฟัง

ลัวย่าวหัวยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า ” นายดูเหมือนกับกระต่ายตื่นตูมไปรึเปล่า ? องค์กรของสืออี๋ถางก็ไม่ได้ใหญ่มากนัก ถึงจะโจมตีใส่สืออี๋ถางจนย่อยยับ แล้วมันจะได้อะไรละ ? หรือว่าเป็นเพราะความรู้สึกของการประสบความสำเร็จละ ? “

หยางโปส่ายหน้า ” ฉันเองก็ไม่รู้ ก็เลยอยากจะให้นายช่วยฉันหาข้อมูลให้หน่อย ! “

” ได้ ฉันจะช่วยนาย ! ” ลัวย่าวหัวพูด

” จริงสิ เรื่องห้องใต้ดินของซื่อเหอหยวน เมื่อไหร่จะเริ่มก่อสร้างละ ? ” หยางโปถามขึ้น

 

” วางใจเถอะ ฉันมอบหมายให้คนอื่นไปแล้ว รับประกันได้ว่าเดือน 10 เริ่มก่อสร้างได้อย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นนายก็แค่ไปตรวจสอบงานก็พอ ” ลัวย่าวหัวพูดขึ้น

” งั้นก็ตามนี้ ” หยางโปวางใจลง

ลัวย่าวหัวครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะลองถามหยั่งเชิงไปว่า ” ในเมื่อนายก็คิดไม่ออกว่าเคยไปล่วงเกินใครมา งั้นคนข้างกายนายละ มีใครเคยบาดหมางกับใครมาก่อนรึเปล่า ? ฉันรู้สึกว่าเขาเหมือนกับมือสมัครเล่น รอบตัวนายกว่าครึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคนในสายงานเดียวกัน เข้าใจกฎกติกา ถ้าเป็นมือสมัครเล่นละก็ อาจจะเป็นตระกูลชุยก็ได้ ? “

เมื่อลัวย่าวหัวพูดถึงตรงนี้ ก็ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า ” ฉันเพียงแค่เดาแล้วก็พูดจามั่วๆไปเท่านั้น นายไม่ต้องสนใจหรอก “

 

เมื่อพูดจบ ลัวย่าวหัวก็วางสายไป แต่หยางโปกลับเคร่งขรึมขึ้นมา

ถ้าเป็นไปตามที่ลัวย่าวหัวพูดจริงๆ เพราะความสัมพันธ์ทางด้านอาชีพ คนที่อยู่ข้างกายของเขามากมายเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นนักสะสมหรือไม่ก็จิตรกรที่ต้องติดต่อค้าขายกันทั้งนั้น คนกลุ่มนี้มักเข้าใจกฎกติกาในอาชีพนี้เป็นอย่างดี ไม่จำเป็นต้องพูดถึงมือสมัครเล่นประเภทนั้นเลย ตระกูลชุยมีความเป็นไปได้มากที่สุดแล้ว

หยางโปเกิดความลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเลื่อนไปยังเบอร์ติดต่อของชุยอี้ผิง นิ้วชี้ของเขากดลงบนโทรศัพท์ แต่ก็ต้องหยุดไปอีกครั้ง

เมื่อผ่านไปสักพัก หยางโปก็ถอนหายใจ เขาไม่อยากโทรศัพท์ไปหาเบอร์นี้ ตอนนี้เขาไม่อยากไปมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับตระกูลชุยมากเกินไป

 

วันเวลาผ่านล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว หยางโปก็ยังไม่ได้ข่าวคราวจากลัวย่าวหัว ส่วนร้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนั้นได้เปิดทำการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

หยางโปนั่งอยู่ในร้าน พร้อมกับถือมีดแกะสลักอยู่ในมือ กำลังทำการแกะสลักรูปหนูตัวหนึ่งอยู่ เสียงประทัดดังเปรี๊ยงปร๊างจากฝั่งตรงข้ามได้ดังลอดผ่านเข้ามาในประตูใหญ่ นอกจากนี้ก็ยังมองเห็นว่าร้านฝั่งตรงข้ามนั้นเต็มไปด้วยกลุ่มคนที่กำลังยืนออกัน มีคนจำนวนมากทะลักเข้าไปภายในร้าน ดูแล้วคึกคักมากทีเดียว

หยางโปยิ้มเล็กน้อย เปิดร้านขายวัตถุโบราณต้องเป็นแบบนี้เหรอ ?

หยางโปไม่ได้สนใจสถานการณ์ของฝั่งตรงข้ามมากมายเท่าไหร่ ธุรกิจค้าขายของร้านฮ้าวซวนเก๋อที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนั้นเปิดร้านกันอย่างคึกคักมาก มองดูแล้วเหมือนกับเปิดร้านค้ายังไงอย่างนั้น ในเมื่อเป็นที่ชัดเจนว่าฝ่ายตรงข้ามกลายเป็นคู่แข่งกับสืออี๋ถาง หยางโปก็ไม่จำเป็นต้องไปเดินเยี่ยมชม ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สถานการณ์ของฝ่ายตรงข้ามแบบชัดเจน

 

ในช่วงบ่าย ฝั่งตรงข้ามก็ยังคงคึกคักอย่างยิ่งยวดเช่นเดิม จนทำให้เถ้าแก่ร้านขายวัตถุโบราณในละแวกนี้ไม่น้อยต้องวิ่งมาถามไถ่สถานการณ์ภายในร้านของหยางโปกันเลยทีเดียว เพราะใคร ๆก็ต่างดูออกว่าร้านนี้ต้องการโจมตีใส่สืออี๋ถาง !

” เถ้าแก่หยาง เป็นยังไงบ้าง ? รู้สึกกดดันมากเลยใช่ไหม ? ” หลิวเหลียงอวี่ของร้านจี๋หย่าถางก็วิ่งตามๆกันมา จากนั้นก็เอ่ยถามประโยคหนึ่ง

หยางโปยังคงแกะสลักต่อไป เขาส่ายหน้าก่อนจะพูดขึ้นในขณะที่ดวงตาของเขากำลังจ้องมองไปยังไม้แกะสลักว่า ” มีอะไรเหรอครับ ? ทำไมจะต้องกดดันด้วยละ ? ถึงแม้ว่าผมจะไม่เคยไปดูฝ่ายตรงข้ามมาก่อนก็ตาม แต่ก็เป็นร้านขายวัตถุโบราณเหมือนกันนิ ถ้าเป็นของปลอม ราคาก็ย่อมต่ำเป็นธรรมดา ในร้านจึงได้คึกคักมากมายขนาดนั้น ! “

 

ในขณะที่พูด หยางโปก็เงยหน้าขึ้นมา ” ถ้าเขาเหมือนกับผมฝั่งนี้จริง ๆ ที่เป็นของจริงทั้งร้าน เหอะเหอะ ราคาต่ำขนาดนี้ ยังไงก็ต้องจมลงไปในหลุมที่ไร้ซึ่งทางออกอย่างแน่นอน ยืนหยัดต่อไปได้ไม่นานหรอกครับ ! “

หลิวเหลียงอวี่โบกมือไปมา ” เดิมทีฉันเองก็คิดว่านายคงจะดูไม่ออก เมื่อกี้ในตอนที่ฉันโทรศัพท์ไปหาเฉาหยวนเต๋อ เขายังโน้มน้าวให้ฉันมาปลอบใจนายเลย จึ๊จึ๊ นึกไม่ถึงเลยจริงๆว่า นายจะเข้าใจเหตุผลเหล่านี้ ดูท่าแล้ว เหมือนนายกำลังเผชิญกับสิ่งที่ดูน่าเกรงขามแต่ไร้ซึ่งอำนาจไปโดยสิ้นเชิงยังไงอย่างนั้น ! “

เถ้าแก่เปาของร้านเสี่ยวหยาจายก็มานั่งในร้านสืออี๋ถางด้วยเช่นกัน เมื่อได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน เขาจึงได้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงต่ำๆพร้อมหัวเราะออกมาว่า ” ทั้งสองคนคงจะตะขิดตะขวงที่จะไปอย่างแน่นอน ฉันหลาวเปาก็ไม่ได้สนใจมากขนาดนั้น เมื่อตอนเช้า ฉันได้ไปเดินเยี่ยมชมภายในร้านมารอบหนึ่ง ในร้านนั้นมีแต่ของปลอม ของปลอมแปลง อีกทั้งราคาก็ไม่ได้ต่ำอะไรอีกด้วย แต่ฝั่งนั้นมีระบบสมาชิก ในช่วงครึ่งเดือนแรกของการเปิดร้าน หากทำบัตรสมาชิก 1 ใบ จะได้เสพสุขกับส่วนลดกว่า 8 เจ๋อเลยทีเดียว ! “

 

” นี่ไม่ใช่ร้านค้าแล้ว ใครเค้าจะมาซื้อวัตถุโบราณในทุก ๆวันกันละ หรือพูดอีกอย่างก็คือ ร้านขายวัตถุโบราณร้านนี้แตกต่างจากร้านอื่น ถ้าคิดว่าการพึ่งพิงความก้าวหน้าของระบบจัดการจะสามารถสร้างเม็ดเงินมหาศาลได้ พวกเราที่นี่จะมัวรออะไรละ ฉันที่ไปเรียนปริญญาตรีสาขาการอุตสาหกรรมและการพาณิชย์มา จะไปรอให้เขาดึงดูดระบบใหม่เข้ามาทำไมกันเล่า ? “

หยางโปยิ้มแล้วพูดออกมา ” เป็นของปลอมทั้งหมด แต่ทำไมฉันเห็นว่ามีคนไม่น้อยยอมควักเงินออกมาซึ้อละ ? “

” หน้าม้าไง ! ” เถ้าแก่เปาพูดเสียงต่ำๆ

หยางโปมองตากับหลิวเหลียงอวี่ ก่อนจะพากันส่ายหน้า นี่เป็นการขูดรีด วิธีการนี้จะใช้ได้ไม่นาน ร้านค้าแห่งนี้จะต้องปิดตัวลง ร้านขายวัตถุโบราณแห่งนี้ไม่มีทางดำเนินการต่อไปได้อย่างแน่นอน !

 

หยางโปเงยหน้าขึ้นมองฝ่ายตรงข้าม ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เห็นซ่งห้าวซวนเถ้าแก่ของฮ้าวซวนเก๋อเดินออกมาพอดี ซ่งห้าวซวนดูเหมือนกับคนทั่วไป เขามองมาทางฝั่งนี้ ด้วยใบหน้าที่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจ !

ซ่งห้าวซวนแสดงอากัปกิริยาด้วยการชูนิ้วกลางไปทางหยางโปเล็กน้อย

เดิมทีหยางโปไม่ได้สนใจอะไรมากนัก แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายยั่วยุมาแบบนี้ ก็อดที่จะฉุนเฉียวออกมาไม่ได้ การเผชิญหน้ากับคู่แข่งแบบนี้ เขาที่เดิมทีตั้งใจจะนั่งมองดูความคึกคักเท่านั้น แต่เมื่อดูจากตอนนี้แล้ว ถึงเวลาที่เขาจะต้องเข้าร่วมแล้ว เปลวไฟแห่งความโกรธเคืองได้แผดเผา เขาจะทำให้ธุรกิจของซ่งห้าวซวนยิ่งเจริญเติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ !

หลิวเหลียงอวี่เองก็สีหน้าเปลี่ยนสีไป ” มันหยามกันเกินไปแล้ว ! “

 

เถ้าแก่เปาที่เดิมทีตั้งใจจะมาดูความคึกคักเท่านั้น ไม่ฝักฝ่ายอยู่ข้างไหน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้ ก็พูดขึ้นมาโดยที่ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือเสแสร้งกันแน่ว่า ” เถ้าแก่หยาง เราปล่อยเขาไปไม่ได้เด็ดขาด ! “

หยางโปไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านี้อีก ทำได้เพียงแค่รอให้เถ้าแก่ทั้งสองออกไป เขาถึงจะได้มานั่งครุ่นคิดอย่างละเอียดอีกครั้ง

เรื่องบางเรื่องก็ไม่เหมาะสมที่เขาจะต้องลงมือทำด้วยตัวเอง ถ้าเขาจำเป็นจะต้องรบกวนคนอื่น เพียงแค่ให้ใครก็ได้ไปช่วยตั้งกับดัก ก็สร้างปัญหาใหญ่โตได้แล้ว !

เมื่อถึงเวลาพลบค่ำ ท้องฟ้าก็ได้มืดมิดลง หยางโปล็อคประตูร้าน กำลังจะเดินจากไป

” เถ้าแก่หยาง เฝ้าร้านมาตลอดทั้งวัน คงจะลำบากน่าดูเลยนะ รสชาติของการกางตาข่ายจับนกกระจอกได้ มันน่าจะสบายมากกว่าไม่ใช่เหรอ ! “

 

หยางโปหมุนตัวกลับไปมอง ก็เห็นว่าซ่งห้าวซวนยืนอยู่ด้านหลังของเขา

” กิจการค้าขายของซ่งห้าวซวนเจริญรุ่งเรืองมาก แต่ก็อย่ายุ่งจนไม่สบายไปซะก่อนนะครับ ! ” หยางโปขมวดคิ้วพร้อมพูดขึ้น

ซ่งห้าวซวนยิ้มออกมา ” ไม่ต้องลำบากให้เถ้าแก่หยางมาเป็นห่วงหรอกครับ นายไม่รู้หรอกว่าถึงร้านขายของเล็กๆแห่งนี้จะเปิดทำการได้เพียงวันเดียว แต่กิจการก็ดำเนินจนมีมูลค่าถึง 300,000 หยวนเลยทีเดียว ฮ่าฮ่า จะพูดยังไงดีละว่ามันเทียบเท่ากับรายได้ตลอด 1 ปีเต็มของร้านสืออี๋ถางซะอีก ? “

” อ่า ? เหรอครับ ? ” หยางโปยิ้มออกมาเล็กน้อย เขารู้สึกขบขันมากทีเดียว ” ฉันยังคิดว่าอย่างน้อยก็จะต้องได้ 3 ล้านหยวนซะอีก ! “