ตอนที่ 900 เรื่องราวที่เต็มไปด้วยความพลิกผัน

Elixir Supplier

900 เรื่องราวที่เต็มไปด้วยความพลิกผัน

 

หลังจากเดินไปได้สักพัก หวังเย้าก็เห็นหญิงสาวที่วิ่งหนีไปก่อนหน้านี้เธอร้องไห้เงียบๆอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มคนหนึ่งเธอดูเหมือนดอกไม้งามที่ถูกสายฝนหล่นกระทบทั้งงดงามและน่าสงสาร

 

“เอาล่ะ ไม่เป็นไรแล้วไม่เป็นไรแล้ว”ชายหนุ่มปลอบโยนเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

 

หวังเย้าคิดโอ้ยังดีที่ผู้ชายคนนั้นไม่ได้มาเห็นภาพนี้ถ้าไม่อย่างนั้นฉันกลัวว่าเขาคงจะพุ่งตัวเข้าหาพวกเขาทันทีแน่

 

“นี่เป็นของขวัญสําหรับคุณค่ะ” เธอพูดแล้วยิ้มทั้งน้ำตา “ของขวัญอะไรเหรอ?”

 

“มันคือสูตรลับจากต้นตระกูลของเขาค่ะ” เธอหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมา

 

“จริงเหรอ? คุณได้มันมาเหรอ?” ชายหนุ่มถามอย่างตื่นเต้น

 

นี่มันเรื่องอะไรกัน? หวังเย้าหยุดเดิน

 

ยังมีเรื่องต่ออีกเหรอเนี่ย?

 

เขาอดที่จะหันกลับไปมองไม่ได้

 

หวังเย้าคิด ถ้าผู้ชายที่เพิ่งถือมีดเพื่อไม่ให้ผู้หญิงคนนี้จากไปรู้เรื่องนี้เข้าเขาคงฆ่าทั้งสองคนนี้แล้วฆ่าตัวตายตาม!

 

เป็นความจริงที่ว่าคนที่มอบความรักมักพ่ายแพ้ให้กับคนไร้รัก!

 

น่าสมเพชน่าเศร้าน่าเสียดาย!

 

สายลมวูบหนึ่งพัดกระดาษแผ่นนั้นให้หลุดลอยออกจากมือของชายหนุ่มไป

 

“โอ้ ไม่นะ!”

 

เขารีบปล่อยหญิงสาวออกจากอกเพื่อวิ่งตามกระดาษแผ่นนั้นเขาเห็นกระดาษลอยขึ้นๆลงๆตามแรงลมมันหมุนเป็นวงกลมไปทางมุมหนึ่งแล้วสุดท้ายก็ตกลงไปในทะเลคลื่นซัดสาดพาให้กระดาษจมหายไป

 

“ไม่ ไม่ ไม่!” เขาชกต่อยราวกั้นริมชายฝั่งด้วยความผิดหวัง

 

“ไม่เป็นไรนะคะที่รัก”หญิงสาวพูดขึ้นเมื่อเห็นท่าทางของเขา “ฉัน…ฉันจะกลับไปเอามาให้

 

คุณอีก”

 

“ไม่ได้ ผมไม่ให้เธอกลับไป ผมรักคุณ” ชายหนุ่มกอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขน“เพื่อคุณฉันจะไปค่ะ”เธอพูด

 

โอ้ พระเจ้า! หวังเย้ารู้สึกอึ้งจนขนลุกไปทั้งตัว

 

ทําไมมันถึงได้น่าขนลุกแบบนี้?

 

ผู้หญิงคนนี้รักผู้ชายคนนี้แต่สายตาของผู้ชายกลับไม่ได้แสดงออกอย่างที่เขาพูดเขามีจิตใจลึกลับซับซ้อนและเต็มไปด้วยแผนการเป็นไปได้มากว่าเขาเพียงแค่ใช้ผู้หญิงคนนี้เท่านั้นหวังเย้าคิดฉันทนดูไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว!ฉันรู้สึกแย่แทนผู้ชายคนนั้นขึ้นมาซะแล้วสิ!ในตอนแรกหวังเข้าไม่ได้ชอบผู้ชายที่ถือมีดคนนั้นมากนักเขาคิดว่าสิ่งที่ผู้หญิงท่าเป็นเรื่องที่ถูกแล้วแต่หลังจากผ่านไปได้ 10 นาทีเรื่องก็กลับตาลปัตรตอนนี้เขาคิดว่าผู้ชายถือมีดนั้นน่า สงสารเธอเป็นผู้หญิงมากเล่ห์จริงๆจุ๊ๆ

 

เขาหันกลับไปแล้วก็ต้องชะงัก

 

ที่มุมหนึ่งของถนน เขาเห็นชายถือมีดคนนั้นเข้า อีกฝ่ายกําลังมองมาทางชายหญิงคู่นั้นถึงอีกฝ่ายจะอยู่หางจากหวังเย้าค่อนข้างมาก และหากเป็นคนธรรมดาคงไม่สามารถมองเห็นเขาได้แต่หวังเย้ามั่นใจว่าเขาก็คือชายถือมีดคนนั้น

 

นี่มันเรื่องอะไรกัน? ขนาดหนังที่เอามาฉายกันยังไม่มีเนื้อเรื่องสลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนขนาดนี้เลยจริงไหม?

 

ผู้ชายรักผู้หญิง แต่ผู้หญิงกลับรักผู้ชายอีกคนหนึ่งผู้ชายอีกคนไม่ได้รักผู้หญิงเขาเพียงแค่ต้องการใช้ผู้หญิงให้ไปเอาสูตรลับจากผู้ชายที่รักผู้หญิงก็เท่านั้นมันจะไม่สับสนเกินไปหน่อยเหรอ?

 

“เอาเถอะ คืนนี้ฉันได้เห็นอะไรเยอะเลย”หวังเย้าคิด

 

เขาก็ได้แต่หวังว่าจะไม่เกิดเรื่องร้ายขึ้น

 

หวังเย้าเดินจากไปพร้อมรอยยิ้ม

 

ค่าคืนยังคงมืดมิด

 

ลมทะเลพัดแรง คลื่นสาดซัดเร่งร้อน

 

เช้าวันต่อมา ท้องฟ้ามีเมฆมาก

 

หวังเย้าเดินทางกลับเขตเหลียนชานด้วยรถยนต์

 

ที่บริษัทหนานชานเภสัช เรื่องสมุนไพรถูกจัดการเป็นที่เรียบร้อย ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางและพร้อมสําหรับการผลิต

 

“คุณเจิ้ง จะเริ่มการผลิตวันนี้เลยไหมครับ?”

 

“รอก่อน” เจิ้งเหว่ยจวินพูดเขาจําเป็นต้องคุยกับหวังเย้าเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่งแต่หวังเย้าเดินทางไปปักกิ่ง

 

ไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาเมื่อไหร่

 

เขาส่งข้อความไปหาหวังเย้า

 

“อืม เขาจะกลับมาวันนี้ แบบนี้ก็เยี่ยมเลย” เขาพูดอย่างยินดี

 

เวลาประมาณ 11 โมง หวังเย้าก็มาถึงที่บริษัทหนานชานเภสัช โดยที่ยังไม่ทันได้กลับไปที่บ้านหลังลงจากรถมาแล้วเขาก็เดินเข้าไปในบริษัทหลังจากยืนยันว่าไม่มีปัญหาในเรื่องของสมุนไพร เขาก็เริ่มใส่สมุนไพรลงไปเพื่อเริ่มกระบวนการผลิตซุปเสี่ยวเผยหยวนกระบวนเป็นไปอย่างรวดเร็วเพราะทุกกระบวนการถูกท่าโดยเครื่องจักรที่ล้ำสมัยที่สุดคาดว่าผลิตภัณฑ์จะ

 

สามารถผลิตออกมาได้ภายในวันนี้ แต่เรื่องของคุณภาพยังต้องรอหน้างาน “นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว”เจิ้งเหว่ยจวินพูด“เราไปกินข้าวด้วยกันดีไหมครับ?”

 

“ดีครับ”

 

หวังเย้าอยู่ทานข้าวกลางวันกับเจิ้งเหว่ยจวินทั้งสองพูดคุยและปรึกษาขั้นตอนในการจัดจําหน่ายต่อจากนี้เรื่องกําหนดการถูกวางไว้โดยเจิ้งเหว่ยจวินหวังเข้าเพียงรับฟังเพราะในเรื่อง

 

ของการจัดการและการขายเขาทําได้แค่อยู่เฉยๆเท่านั้น

 

ตอนกลางวันเขาก็กลับไปที่หมู่บ้าน

 

ขาไปเขาไม่ได้พกอะไรไปมากแต่ขากลับเขากลับมาพร้อมกระเป๋าใบใหญ่ด้านในเป็นของ

 

ขวัญที่ซูเสี่ยวซวีซื้อให้พ่อแม่และพี่สาวกับพี่เขยของเขา

 

“ทําไมถึงได้ซื้อของเยอะแยะขนาดนี้ล่ะ?” จางซิวหยิงถามขึ้นมาเมื่อเห็นกระเป๋าที่ถูกอัดแน่น

 

ไปด้วยของฝาก

 

“มันเป็นของฝากจากใจของลูกสะใภ้แม่ยังไงล่ะครับ”

 

“จากใจ? ลูกฟังแม่นะลูกต้องจ่ายเงินสําหรับของทั้งหมดที่เสี่ยวซวีซื้อในอนาคตได้ยินที่แม่พูดไหมจ๊ะ?”

 

“ครับ ผมจะจ่าเอาไว้ครับ!” หวังเข้ารีบพยักหน้า

 

“ทําไมถึงชอบปล่อยให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายจ่ายเงินตลอดเลย? ลูกก็มีเงินนะ!”

 

“ผมก็อยากจะจ่ายเหมือนกันครับ” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม

 

เขาอยากจ่าย แต่ซูเสี่ยวซวีไม่ยอมให้เขาจ่าย

 

“เอาล่ะ ต้องไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกก็แล้วกัน”

 

“เข้าใจแล้วครับแม่”

 

“ลูกกินข้าวเที่ยงมารึยัง?”

 

“ผมกินจากในเมืองมาแล้วครับ”

 

เขาเข้าไปในบ้านและพูดคุยกับพ่อแม่ของเขาสักพักเขายังฝากคําทักทายจากซูเสี่ยวซวีมาให้พ่อแม่ของเขาด้วยจากนั้นหวังเย้าก็ออกจากบ้านและไปที่คลินิก

 

เมื่อเข้ามาด้านในคลินิกแล้วเขาก็อัพเดทสถานะลงในเวยป๋อช่วงบ่ายคลินิกก็ต้อนรับคนไข้ที่เข้ามา

 

หลังจากนั้นสักพักเจี๋ยจื้อจายก็เข้ามาเขาคอยดูมือถือและเห็นการอัพเดทเวยป๋อของหวังเย้า

 

เข้าพอดีเขาจึงตัดสินใจตรงมาที่คลินิก

 

“เชียนเชิง กลับมาแล้ว”

 

“ใช่ ผมกลับมาแล้วสองสามวันที่ผ่านมาทุกอย่างเรียบร้อยดีไหมครับ?”

 

“ไม่มีปัญหาอะไรครับเชียนเชิงยาที่ให้พวกเรากินไม่ใช่แค่ทําให้พวกเราแข็งแกร่งใช่ไหม

 

ครับ?”

 

“ทําไมอยู่ๆถึงถามขึ้นมาล่ะครับ?” หวังเย้าถาม “ผมปรับเปลี่ยนสูตรยานิดหน่อยน่ะครับมันจะทําให้คุณมีพลังและช่วยพัฒนาศักยภาพในด้านอื่นๆด้วย”

“ด้านอื่น? ด้านไหนครับ?”

 

“งู, แมลง, หนู, มด, และอื่นๆจะไม่กล้าเข้าใกล้คุณ แมลงพิษพวกนั้นก็ไม่มีผลกับคุณเช่นกัน”หวังเย้าพูดออกไปตามจริงสรรพคุณเหล่านั้นล้วนมาจากฤทธิ์ของต้นหลี่เฉา

 

“มันวิเศษขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”

 

“ฮาฮา หลังจากผ่านไปได้สักพักคุณก็จะรู้เอง” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม

 

เพราะฤทธิ์ของต้นหลี่เฉาค่อนข้างแรง ถึงจะใส่กุยหยวนเพื่อลดความแรงของมันลงแล้วก็ตามแต่ก็ไม่นับว่าเป็นปัญหาหวังเข้าไม่ได้ใส่ลงไปในปริมาณมากเพราะในความคิดของเขาไม่ว่าจะ

 

ทําอะไรเรื่องความปลอดภัยต้องมาก่อน นี่ไม่ใช่เรื่องการช่วยชีวิตคน ดังนั้นจึงทําอย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไปได้

 

“อ่อ ดีครับ” เจี๋ยจื้อจายพูด เขาเพิ่งได้ค้นพบว่ายาที่เขากินเข้าไปสามารถทําอะไรได้บ้างนอกจากยาจะสามารถรักษาโรคและช่วยชีวิตคนได้แล้วมันยังสามารถฆ่าคนได้ด้วย

 

เขาไม่ได้อยู่นาน เพราะมีคนไข้เข้ามา

 

เป็นสองสามีภรรยาที่พาลูกชายของพวกเขามา และเด็กชายคนนั้นก็คือเสี่ยวหลาน

 

“สวัสดีครับ/ค่ะ หมอหวัง”

 

หลังจากรักษาไปแล้วสามครั้งอาการลูกชายของพวกเขาก็ดีขึ้นอย่างมากตอนนี้เขาจะหมดสติแค่หนึ่งครั้งต่อวันเท่านั้นและระยะเวลาก็สั้นลงมากไม่นานเขาก็ได้สตินั่นคือสัญญาณของ

 

การฟื้นตัวที่ดี

 

“เขาดูมีชีวิตชีวาขึ้นมากเลยนะครับ” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม แววตาของเด็กน้อยดูสดใสซึ่งแสดงให้เห็นว่าร่างกายของเขาแข็งแรงขึ้น

 

“ใช่ค่ะ เสี่ยวหลานกินข้าวแต่ละมื้อได้เยอะมาก เขานอนหลับสนิททุกคืนและร่างเริงขึ้นหลายวันมานี้เขาดูมีความสุขและมีชีวิตชีวามากเลยล่ะค่ะ”เธอพูดเพราะลูกชายของพวกเขาอาการดีขึ้นพวกเขาจึงพาเขาไปที่สนามเด็กเล่นที่อยู่ในตัวเมืองเมื่อก่อนพวกเขาไม่กล้าทําแบบนั้นด้วยกลัวว่าเขาอาจจะหมดสติในตอนที่กําลังเล่นอยู่ได้

 

เด็กน้อยมีช่วงเวลาที่ดีในสนามเด็กเล่น ถึงยังไงเขาก็ยังเป็นเด็กคนหนึ่ง มันคือช่วงเวลาที่เขา

 

ควรได้เล่นสนุก

 

“อืม ดีครับ ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มการรักษากันเลย”

 

ฝังเข็ม,ส่งพลังฉีเข้าไป,กินยา…

 

มันเป็นขั้นตอนที่คุ้นเคย

 

“อีกสองวันให้กลับมาอีกครั้งนะครับ” หวังเย้าพูด

 

“ขอบคุณครับ/ค่ะ” สองสามีภรรยากลับไปด้วยความสุขใจ

 

หลังจากนั้นสักพัก จงหลิวชวนก็มาที่คลินิก ในเมื่ออาจารย์ของเขากลับมาแล้วเขาก็ควรมา

 

เยี่ยมเยียนอีกฝ่ายกลับ

 

ทั้งสองพูดคุยกันอยู่นานไม่มีคนไข้มาที่คลินิกอีกจงหลิวชวนมองดูเวลาและลุกขึ้นเพื่อขอตัว

 

เมื่อเริ่มเย็นลง ชายคนหนึ่งก็มาที่คลินิก เขาเดินกระโพรกกระเพรกเข้ามาอย่างรีบร้อน

 

“คุณลุงเป็นอะไรมาครับ?”ชายคนนี้เป็นคนในหมู่บ้านนี้เอง

 

“อ่อ ฉันจักรยานล้มน่ะช่วยดูให้หน่อยสิ”

 

“ได้ครับ”หวังเย้าตรวจดูอาการให้เขา เขาไม่ได้เป็นอะไรมากมีแค่แผลถลอกและกระดูกแขนเคลื่อน