ตอนที่ 457 ออกศึก
หลังงานเลี้ยงวันนั้นผ่านไปเพียงมิกี่วัน มู่จวินฮานก็ได้รับราชโองการให้ออกศึกเนื่องจากมีชนเผ่าชายแดนก่อความวุ่นวายขึ้น
แม้ดูเหมือนเป็นโอกาสดีในการสร้างผลงาน แต่ใครต่างก็รู้ดีว่าท่านอ๋องผู้ครองดินแดนศักดินาแห่งนั้นเป็นท่านตาของอี้หมิงและเป็นบิดาของอี้หวางเฟยคนปัจจุบัน
การที่ฮ่องเต้ส่งอี้หมิงไปกับมู่จวินฮานด้วยคือมีเป้าหมายที่ชัดเจน มิใช่เพื่อให้จวนอ๋องอี้และจวนอ๋องมู่ร่วมมือกันแต่ต้องการให้ทั้งสองฝ่ายแตกหักกันต่างหาก
การที่จวนอ๋องอี้เปี่ยมไปด้วยทรัพย์สินส่วนจวนอ๋องมู่มากด้วยกำลังทหาร กอปรกับความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของอันหลิงเกอและอันหลิงอี เท่านี้ย่อมมีเหตุผลเพียงพอที่ฮ่องเต้ทรงหวาดระแวง
มู่จวินฮานก็รู้ว่าฮ่องเต้ให้ความสำคัญต่อตนมิน้อยและยิ่งรู้ดีว่าศึกครั้งนี้อี้หวางเฟยมิมีทางปล่อยไปโดยง่าย ทำให้ศึกในครั้งนี้อันตรายมากกว่าหลายครั้งที่ผ่านมาแน่นอน
แม้อี้หมิงเป็นคนโง่เขลา แต่คนอื่นมิใช่คนโง่ตามไปด้วยหรอก
ตอนนี้ไร้หนทางให้ถอยหลังได้อีก เขาจึงทำเพียงเดินหน้าเท่านั้น
หลังมู่จวินฮานออกเดินทาง ภายในใจของอันหลิงเกอก็อดกังวลมิได้ สถานการณ์ในตอนนี้นางก็มองออกเช่นกัน หากเขาเป็นอันใด ตัวนางก็ไร้ที่ยืนได้อีกต่อไป
“ปี้จู เจ้าไปนำชุดของท่านพ่อที่ข้าขโมยมาที”
อันหลิงเกอและปี้จูได้เปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว ทั้งยังปลอมตัวได้อย่างแนบเนียนอีกด้วย
คนที่พวกนางปลอมตัวเลียนแบบก็คืออันหลิงหยูบุตรชายของเว่ยซื่อแห่งจวนโหวอันและบ่าวรับใช้ของเขานั่นเอง หลังจากนั้นพวกนางก็ออกเดินทาง
ตลอดหนทางยาวไกล ภายในใจของอันหลิงเกอเฝ้าคะนึงหาแต่มู่จวินฮานเพียงผู้เดียว
“คนของจวนโหวมาหรือ ! ”
ทันทีที่อันหลิงเกอก้าวเข้าไปในค่ายทหารทุกคนก็เต็มไปด้วยความแปลกใจ มิมีผู้ใดคิดว่าพระประสงค์ของฮ่องเต้ชัดเจนเพียงนี้แล้ว จวนโหวยังส่งคนมาสนับสนุนพวกเขาอีก
แต่การมาของคนจวนโหวนี้ก็ทำให้คนของมู่จวินฮานพากันวางใจ
“ครั้งนี้ข้ามาเพราะได้รับคำสั่งจากท่านพ่อเพื่อมาช่วยท่านอ๋องมู่สู้ศึก”
แม้อันหลิงเกอรู้เรื่องการรบมิมากนัก แต่ที่นางมาก็เพราะเป็นห่วงมู่จวินฮาน
“คนของจวนโหวต่างก็เป็นคนกล้าหาญ แม้แต่พระชายาของท่านอ๋องมู่ก็ยังมีความสามารถเรื่องการทหาร ! ”
คำพูดของทหารนายหนึ่งดังขึ้นซึ่งมิง่ายเลยที่พวกคนหยาบกระด้างเยี่ยงพวกเขาจักกล่าวเช่นนี้ออกมา แต่เมื่อพูดแล้วก็น่าขันมิน้อย อันหลิงเกอจึงยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน
“แล้วตอนนี้คนจวนโหวอยู่ที่ใดกันหรือ ? ”
“ค่ายพักแรมด้านข้าง”
เมื่อได้ฟังแล้วอันหลิงเกอก็สะบัดชุดของตนก่อนเดินเข้าไปยังกระโจมผู้บัญชาการ นางมีความมั่นใจในการปลอมตัวมิน้อยและคิดว่ามู่จวินฮานจดจำนางมิได้แน่นอน
“เจ้าคือ ? ”
แท้จริงยามที่เห็นใบหน้าคล้ายอันหลิงเกอนั้น มู่จวินฮานก็พอรู้คำตอบบ้างแล้วว่าคนผู้นี้คือใคร
“อันหลิงหยูขอรับ” พวกเขาเคยเจอกันก่อนหน้านี้แล้ว ทว่าชิงเฟิงที่อยู่ข้างกายมู่จวินฮานก็กระซิบบอกเจ้านายที่ข้างหูอีกครั้ง
“ท่านอ๋องมู่ ได้โปรดช่วยชี้แนะข้าน้อยด้วยขอรับ”
อันหลิงเกอพยายามกดเสียงไว้ กอปรกับเสื้อเกาะที่รัดอยู่จึงทำให้เสียงต่ำกว่าเดิมเล็กน้อย มู่จวินฮานจึงฟังมิออกว่าเป็นเสียงนาง
“มิกล้า เจ้าเองก็มีความสามารถมิน้อยเช่นกัน”
มู่จวินฮานก็ตอบอย่างสุภาพ
“ชนเผ่านั้นอยู่ในตำแหน่งที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาทั้งสี่ด้าน ตอนนี้มิเหมาะที่เราจักบุกเข้าไป แต่พวกมันก็มิสามารถหนีออกมาได้ง่ายเช่นกัน” ทั้งสองคนกำลังปรึกษากันถึงสถานการณ์ปัจจุบัน
มู่จวินฮานเพิ่งรู้สึกว่าก่อนหน้านี้ตนมิได้สังเกตคุณชายแห่งจวนโหวอันผู้นี้มากนัก ในเมื่อคนผู้นี้มีความสามารถ ดูท่าแล้วหลังกลับไปคงต้องดึงตัวมาใช้งานบ้างแล้ว
“ท่านอ๋องมู่ องค์ชายเจ็ดเสด็จมาขอรับ”
หืม ?
จ้าวหลานหยู่มาด้วยเหตุใด ?
“วันนี้ก็มืดแล้ว ข้าน้อยต้องขอตัวก่อน ท่านอ๋องพักผ่อนเถิดขอรับ”
หลังกล่าวจบอันหลิงเกอก็เดินจากไปเพราะองค์ชายเจ็ดผู้นี้มีจิตใจโหดเหี้ยม มิเคยสนใจเรื่องของแผ่นดินมาก่อน บัดนี้มาถึงค่ายทหารจึงทำให้อันหลิงเกออดรู้สึกแปลกใจมิได้
หรือว่าเรื่องที่นางปลอมตัวจักโดนจับได้แล้ว ? แต่อันหลิงเกอมิรู้ว่าแท้จริงแล้วเป้าหมายขององค์ชายเจ็ดมิใช่นาง
กลางดึก อันหลิงเกอกำลังหลับสนิทโดยมีปี้จูที่แต่งกายเป็นบุรุษเฝ้าอยู่ข้างกาย
“คุณชายอัน แย่แล้วขอรับ ! ”
เช้าวันต่อมา อันหลิงเกอถูกเสียงของทหารนายหนึ่งปลุกขึ้นมา
“เกิดอันใดขึ้น ? ”
“ท่านอ๋องมู่และท่านแม่ทัพใหญ่อีกสองนายโดนจับตัวไปขอรับ มิทราบว่าถูกจับไปที่ใด มิรู้ว่าใช่ท่านอ๋องของเผ่านั้นจับไปหรือไม่ขอรับ ? ”
“เป็นไปมิได้ ! ”
อันหลิงเกอมิเพียงเชื่อในความสามารถของมู่จวินฮานเพราะจากภาพรวมแล้วย่อมมิมีทางเป็นไปได้
ตอนนี้ต้าโจวมิได้ส่งทหารมามากนัก การจับแม่ทัพนายหนึ่งไปก็มิได้มีประโยชน์อันใด แต่การจับท่านอ๋องและแม่ทัพใหญ่ของต้าโจวไปก็เพื่อมิให้พวกตนสามารถบุกโจมตีชนเผ่าก็เท่านั้น
การช่วยชนเผ่าและการนำตัวบุรุษที่มีวรยุทธสูงส่งทั้งสามไปได้ก็ต้องอาศัยการวางยาพิษและผู้ที่วางยาพิษทั้งสามคนพร้อมกันได้ก็เกรงว่าเป็นคนในกองทัพ
องค์ชายเจ็ด !
หรือเป็นอี้หมิง ?
แม้อี้หมิงจะเป็นคนโง่ แต่เขาก็มีแรงจูงใจมากที่สุด
“ตอนนี้องค์ชายเจ็ดอยู่ที่ใด ? ”
“พระองค์กำลังล่าสัตว์บนภูเขาขอรับ”
ล่าสัตว์หรือ ? บอกว่าล่าสัตว์ ทว่าแท้จริงคงกำลังรอนางไปหามากกว่า !
เมื่อคิดได้เยี่ยงนั้น อันหลิงเกอก็กระโดดขึ้นม้าแล้วมุ่งหน้าไปบนภูเขาทันที
องค์ชายเจ็ดจับพวกเขาไปคงต้องการคุยเงื่อนไขกับตนเป็นแน่
“องค์ชายเจ็ด ! ”
อันหลิงเกอยกกระบี่ขึ้นก่อนฟันไปที่ม่านด้านหน้าและพุ่งตรงไปที่องค์ชายเจ็ดด้วยความโกรธทันที
แม้นางมิเก่งเรื่องการต่อสู้แต่รู้ดีว่าตอนนี้มาหาเขาโดยใช้ชื่อของอันหลิงหยู ทุกคนในค่ายต่างก็รู้กันหมด องค์ชายเจ็ดมิมีทางกล้าทำอันใดตนอย่างแน่นอน
เพียงแต่คนผู้นี้มีจิตใจอำมหิต มิรู้ว่าพวกมู่จวินฮานเป็นอย่างไรบ้าง
“คุณชายอันมาแล้วหรือ ? ”
ท่าทีขององค์ชายเจ็ดดูมั่นอกมั่นใจมิน้อย
ทว่าจากประสบการณ์ของอันหลิงเกอแล้ว นางมิยอมให้ผู้อื่นมาคุกคามได้เช่นกัน
เป็นเหตุให้แววตาของนางคล้ายมีเปลวไฟแผดเผาอยู่ กระบี่ของนางชี้ไปด้านหน้าก่อนตวัดลงที่ต้นขาขององค์ชายเจ็ดซึ่งนั่งอย่างสบายใจ
“โอ๊ย ! ”
องครักษ์ขององค์ชายเจ็ดมิทันได้ตั้งตัว ขณะที่พวกเขากำลังก้าวเข้ามา อันหลิงเกอก็พลิกกระบี่ไปที่ใบหน้าแสดงความเจ็บปวดขององค์ชายเจ็ด
“บอกมา พวกเขาอยู่ที่ใด ! ”
เพราะที่นี่เป็นเพียงกระท่อมไม้ที่สร้างขึ้นแบบง่าย ๆ แค่มองก็รู้ว่ามิมีผู้ใดอยู่อีก ดูท่าพวกเขาคงถูกองค์ชายเจ็ดนำตัวไปซ่อนไว้ที่ไหนสักแห่ง
“เจ้ากล้าทำร้ายข้าหรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นถึงองค์ชาย ! เจ้ามิกลัวพวกเขาตายหรือไร เจ้าอยากให้พี่สาวกลายเป็นม่ายตั้งแต่ยังสาวอย่างนั้นหรือ ? ”
องค์ชายเจ็ดยังปากแข็ง แต่เมื่อเอ่ยถึงมู่จวินฮานก็ทำให้อันหลิงเกอไขว้เขวมิน้อย
“เหอะ องค์ชายน่ะหรือ ? มิมีราชโองการแต่กล้าออกจากเมืองหลวงมายังค่ายทหาร พระองค์ต่างหากที่มีโทษประหาร ! ”
เมื่อได้ยินคำพูดของอันหลิงเกอ องค์ชายเจ็ดก็โมโหมาก
องครักษ์เห็นว่าอันหลิงเกอบุกมาแต่ก็ยังช้ากว่า เพราะตอนนี้แค่นางตวัดกระบี่ก็ทำให้เลือดขององค์ชายเจ็ดเปื้อนชุดของนางไปหมด
ทว่าองค์ชายเจ็ดยังฝืนสู้ แม้อันหลิงเกอมิเก่งเรื่องการต่อสู้ทว่าตอนนี้ร่างกายของนางยังแข็งแรง กอปรกับตอนนี้องค์ชายเจ็ดเสียเลือดและเจ็บปวดอย่างมากจึงทำให้มิใช่คู่ต่อสู้ของนาง เขาจึงเตรียมหนีไปทางหน้าต่าง
แต่อันหลิงเกอไวกว่าจึงหยิบแท่นฝนหมึกบนโต๊ะแล้วปาใส่คนที่เตรียมหนี แท่นฝนหมึกกระทบกับเข่าข้างขวาที่บาดเจ็บขององค์ชายเจ็ดพอดี
“จักบอกหรือไม่ ? ข้าขอถามเป็นครั้งสุดท้าย” ดวงตาของอันหลิงเกอเหมือนมีเปลวไฟลุกโชนพร้อมแผดเผาองค์ชายเจ็ดให้มอดไหม้เป็นจุลก็มิปาน
“หากเจ้าอยากให้พวกมันตาย เจ้าก็บังคับข้าเช่นนี้ต่อไปสิ แต่เจ้าควรรู้ไว้ว่าสิ่งที่ข้าได้รับเป็นเพียงเศษเสี้ยวที่พวกมันได้รับเท่านั้น”
ใบหน้าขององค์ชายเจ็ดเต็มไปด้วยความชั่วร้ายจนอันหลิงเกอรู้สึกหนาวจับขั้วหัวใจ องค์ชายเจ็ดช่างอำมหิตยิ่งนัก ครั้งนี้เขาต้องการสังหารมู่จวินฮานจริงหรือ !
“ทางที่ดีเจ้าอย่าข่มขู่ข้าดีกว่า ! ”
แม้อันหลิงหยูมีรูปร่างมิสูงมาก แต่บัดนี้คนที่อยู่ใต้หน้ากากคืออันหลิงเกอ แววตาที่มองมาจึงทำให้องค์ชายเจ็ดรู้สึกหวาดกลัวมิน้อย