ตอนที่ 456 พบกันในวัง

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 456 พบกันในวัง

“พี่หญิง ช้าก่อนเจ้าค่ะ หลังแต่งงานพวกเราพี่น้องก็มิเคยได้พบกันอีกเลย ข้ามีบางอย่างอยากพูดกับพี่หญิงเพียงลำพัง ขอให้ท่านอ๋องขึ้นรถม้าไปก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ”

เป็นอย่างที่คิดไว้มิผิด

อันหลิงเกอจึงยิ้มออกมาอย่างรู้ทัน ก่อนคลายมือที่จับมู่จวินฮานออกแล้วพยักหน้าเบา ๆ เป็นการตกลง

มู่จวินฮานจึงหันไปมองสองคนพี่น้องแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็มิได้กล่าวอันใดออกมา

อันหลิงอีรู้ว่าอันหลิงเกอเก็บความรู้สึกเก่ง ตอนนี้พวกนางออกจากจวนโหวอันได้พักใหญ่แล้ว จิตใจของอันหลิงอีก็นิ่งขึ้นกว่าอดีตจึงอยากใช้โอกาสนี้เพื่อคืนดีกับอันหลิงเกอ

“พี่หญิง ที่ผ่านมาข้าทำผิดต่อท่าน ! ”

พอเดินมาถึงแปลงดอกไม้ อันหลิงอีก็เอ่ยพร้อมน้ำตาไหลริน หากมิใช่เพราะรู้จักนางดี อันหลิงเกอคงคิดว่านางพูดจริงไปแล้ว

“น้องหญิง นี่คืออันใด…”

อันหลิงเกอก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว แสร้งทำว่ากำลังตกใจ

“เมื่อก่อนตอนอยู่ที่จวน ฮือ…”

อันหลิงอีกล่าวไปพลางร้องไห้ไปด้วย

อันหลิงเกอมองด้วยสายตาเย็นชาแต่ก็ยื่นมือไปจับข้อมือของอีกฝ่ายไว้

อันหลิงอีเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นใบหน้าที่เหมือนทำอันใดมิถูกและกำลังลังเลของอันหลิงเกอ เห็นท่าทางเช่นนี้แล้วอันหลิงอีก็มั่นใจมากขึ้น

และนึกว่าอันหลิงเกอคงถูกมู่จวินฮานตามใจจนไร้สมองไปแล้ว ดูมิได้ฉลาดเหมือนตอนอยู่จวนโหว !

“ที่จริงแล้วสถานการณ์ของข้าในจวนอ๋องอี้มิดีเท่าไร ตอนนี้แม้ข้าตั้งครรภ์ก็ยังถูกอี้หวางเฟยรังแกมิเว้นแต่ละวันเจ้าค่ะ”

อันหลิงเกอฟังออกว่านางกำลังล่อให้ตนตกหลุมพราง

“ในเมื่อน้องหญิงแต่งงานแล้วก็มิควรคิดในสิ่งมิดี เจ้าควรอยู่อย่างสงบเสงี่ยมจักดีกว่า”

แม้อันหลิงเกอกล่าวเช่นนั้น แต่แสร้งทำท่าทางราวกับลำบากใจเพื่อหลอกให้ความหวังอันหลิงอี

“แม้กล่าวเช่นนั้น แต่ข้าก็อยากขอให้พี่หญิงช่วยขอร้องท่านพ่อรับข้ากลับจวนโหวได้หรือไม่เจ้าคะ” อันหลิงอีมิมีทางคิดเช่นนี้จริงหรอก นางเพียงต้องการทำให้อันหลิงเกอไปก่อเรื่องเท่านั้น

อันหลิงเกอหัวเราะเยาะในใจ แต่แสร้งมองอีกฝ่ายด้วยแววตาตื่นตกใจ จากนั้นจึงเห็นใบหน้าที่พึงพอใจของอันหลิงอี

“จริงหรือ ? ”

อันหลิงอีคิดว่าคนตรงหน้าติดกับของตนเข้าแล้ว

“ใช่แล้วเจ้าค่ะ ตอนนี้ท่านแต่งงานกับท่านอ๋องมู่แล้วก็อยู่ข้างเขาอย่างสบายใจไปเถิดเจ้าค่ะ ! ข้าเพียงอยากได้อิสระอีกครั้ง หวังว่าพี่หญิงจักช่วยเหลือเจ้าค่ะ”

หลังกล่าวจบ อันหลิงอีก็เหมือนพูดอันใดมิออกและอยากจากไป แต่อันหลิงเกอรู้สึกน่าขันเสียจริง กำลังคิดว่าตนหลอกง่ายเพียงนี้เชียวหรือ ?

เมื่อเห็นอันหลิงเกอมิได้ตามมา อันหลิงอีจึงหันไปอีกครั้งแล้วแสร้งทำท่าทางลำบากปนลังเลจนสุดท้ายก็เดินย้อนมาหาอันหลิงเกออีกรอบ

“พี่หญิง…”

“อันหลิงอี”

เดิมทีอันหลิงเกอยังอยากฟังให้จบ แต่ตอนนี้ฟังแล้วเป้าหมายของอีกฝ่ายชัดเจนมาก นางก็มิอาจทนฟังต่อได้อีกจึงรีบพูดขัดขึ้นมา

เมื่อเห็นท่าทางของอันหลิงเกอเปลี่ยนไป อันหลิงอีก็มีท่าทีระมัดระวังตัวเช่นกัน

เพราะตอนนี้บุตรีที่โปรดปรานของจวนโหวอันมีเพียงอันหลิงเกอคนเดียวเท่านั้น ตอนแรกที่นางแต่งกับอี้หมิงก็รู้อยู่แล้วว่าภายในใจของบิดาไร้นางอีกแล้ว อี้หมิงมิได้มีอำนาจอันใดในต้าโจว แต่มู่จวินฮานเป็นท่านอ๋องที่มีความสามารถและการทำเช่นนี้มองก็รู้ว่าท่านพ่อไร้ความยุติธรรม

“สิ่งใดทำให้เจ้าคิดว่าข้าต้องช่วยเหลือ ? ”

“พี่หญิง ข้ารู้ดีว่าท่านและท่านอ๋องผูกพันรักใคร่กัน หากเป็นไปได้ข้าจักช่วยท่านกำจัดอุปสรรคในจวนเหล่านั้นเอง เพียงแต่ตอนนี้คนลำบากที่สุดคือข้า ท่านเห็นแล้วมิช่วยมิได้เจ้าค่ะ ! ”

“เหตุใดเจ้าถึงคิดว่าข้ามีอุปสรรค ? เรื่องในจวนอ๋องมู่ของข้า ภรรยาซื่อจื่อเยี่ยงเจ้ามีสิทธิ์ก้าวก่ายตั้งแต่เมื่อไร ? ”

เมื่ออันหลิงอีเห็นสายตาดูแคลนของอันหลิงเกอพร้อมรอยยิ้มที่แปลกไปก็ทำให้นางรู้สึกหมดแรงขึ้นมาแต่ยังอยากพูดต่อ

“ข้าฟังเรื่องของเจ้าพอแล้ว ท่านอ๋องยังรอข้าอยู่”

กล่าวจบอันหลิงเกอก็หมุนตัวเดินจากไป ทิ้งอันหลิงอีที่ยังทำอันใดมิถูกไว้ตรงนั้นลำพัง

เมื่อขึ้นมาบนรถม้าแล้ว อันหลิงเกอก็รู้สึกได้ถึงสายตาของมู่จวินฮานท่ามกลางความมืด

“หนาวหรือไม่ ? ”

เดิมทีนางคิดว่าเขาคงเอ่ยถามเรื่องที่ตนไปคุยกับอันหลิงอีเมื่อครู่ แต่คาดมิถึงว่าเขากลับถามคำถามง่าย ๆ เช่นนี้แทน

อันหลิงเกอจึงส่ายหน้า ก่อนรู้สึกว่าเมื่อครู่ตอนอยู่ในสวนนางใช้พลังไปมิน้อย ฝ่ามือตอนนี้จึงซีดจากการกำไว้แน่นเป็นเวลานานและยังเย็นมากด้วย

เมื่อครู่ตอนเปิดม่านเข้ามาในรถม้า มือของนางไปโดนมือของมู่จวินฮาน มิน่าเขาจึงเอ่ยถามเช่นนั้น

ขณะที่นางกำลังตกอยู่ในห้วงความคิด ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ถึงเสื้อคลุมขนสัตว์เนื้อนุ่มที่กำลังคลุมขาของตน มือทั้งสองข้างที่เย็นเฉียบก็ถูกคลุมไว้ภายในด้วยเช่นกัน

นางเงยหน้ามองเขา แต่ท่าทีของเขามิได้สนใจนางเลยราวกับเป็นการกระทำโดยธรรมชาติเท่านั้น อันหลิงเกอจึงมิได้คิดมากอีก

“เหตุใดช่วงนี้ท่านจึงเย็นชากับข้าเจ้าคะ ? ”

อันหลิงเกอรู้ว่าการถามเช่นนี้โง่งมเพียงใด ทว่าสุดท้ายก็อดถามมิได้

“เจ้าคิดว่าใจของข้าเปลี่ยนไปหรือ ? ”

มู่จวินฮานเงยหน้าขึ้น จังหวะนั้นอันหลิงเกอก็รู้สึกว่าบนโลกนี้มีดวงตาที่อ่อนโยนเยี่ยงนี้ด้วยหรือ

“ทำไม…”

นางเอ่ยคล้ายละเมอ ในตอนนี้มิอยากเชื่อใจง่าย ๆ อีกแล้ว แต่ยามที่นางเห็นแววตาของอีกฝ่ายก็มิสามารถตัดใจได้

ซึ่งตอนนี้เขาแปลกไปมากนัก

“พระชายาของข้าคือเจ้าคนเดียวเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นข้าจักบอกเจ้าแน่นอน”

คำพูดของเขาราวกับแฝงความลำบากใจบางอย่างไว้ แต่อันหลิงเกอยังมิทันเอ่ยถามอันใด รถม้าก็หยุดลงกะทันหันจนร่างของนางพุ่งไปด้านหน้า ดีที่มือของมู่จวินฮานกันตัวนางเอาไว้จึงมิได้ร่วงลงจากที่นั่ง

“ผู้ใด ! กล้าขวางรถม้าของจวนอ๋องมู่หรือ ! ”

เสียงขององครักษ์ทำให้คนที่อยู่บนรถม้ารู้ว่ามีใครมาขวางการเดินทางเอาไว้

แต่เพิ่งออกจากวังหลวง หากเป็นนักฆ่าแล้ว การติดตามพวกตนระยะประชิดเช่นนี้ก็ดูโจ่งแจ้งเกินไป

“ส่งตัวอันหลิงเกอมา ! ”

ต้องการตัวนางหรือ ?

อันหลิงเกอได้ยินก็ขมวดคิ้วมุ่น ในราชวงศ์ต้าโจวแห่งนี้นางมีศัตรูที่ไหนกัน หากผู้ที่มามีเป้าหมายเป็นนางมิใช่มู่จวินฮาน ที่นางคิดออกตอนนี้ก็คงมีเพียงน้องสาวตัวดีเยี่ยงอันหลิงอีเท่านั้น

ทว่าเมื่อครู่อยู่ในวัง อันหลิงอีเหมือนมิได้มีแผนการอื่นอีกและมิน่าเตรียมการนอกวังได้รวดเร็วเช่นนี้ หรือบางทีอาจเป็นคนอื่น

“มิเป็นไร มิต้องออกไป”

น้ำเสียงของมู่จวินฮานนุ่มนวลมากราวกับที่อยู่ตรงหน้าเป็นแค่แมลงตัวเล็ก ทั้งยังใช้เสียงที่อบอุ่นปลอบมิให้นางหวาดกลัวอีกด้วย

มินานด้านนอกรถม้าก็หวนคืนสู่ความสงบ

อันหลิงเกอจึงเปิดม่านออกดูด้วยความสงสัยก็เห็นองครักษ์ของมู่จวินฮานลากตัวคนผู้นั้นขึ้นมาพอดี ทุกอย่างจัดการได้เรียบร้อยราวกับคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว

“เจ้าเป็นคนของมู่จวินฮานผู้นี้ ข้ามิมีทางปล่อยผู้ใดมาทำร้ายเจ้าเด็ดขาด”

อันหลิงเกอฟังออกว่าเขาแค่ปกป้องสิ่งของส่วนตัวเท่านั้นและเขามิได้หมายความถึงนางคนเดียว เป็นการสะท้อนให้เห็นความเผด็จการของมู่จวินฮานได้ดี

แต่มิเป็นไร ขอเพียงนางได้อยู่เคียงข้างบุรุษผู้นี้เพราะอย่างน้อยนางก็ยังปลอดภัย

“จัดการเรียบร้อยแล้วก็กลับจวนได้ ! ”

ยามค่ำคืนที่เงียบสงบ เสียงของมู่จวินฮานก็ไพเราะและคล้ายกระแทกลงกลางใจของอันหลิงเกอ