ภาค 3 ธาตุแท้ของวีรบุรุษ บทที่ 284 หอเก็บคัมภีร์ไม่ได้มีแค่ยอดเหนือคน

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

หลังจากสิ้นใจ ร่างกายของสือซงเทาก็กลายเป็นควันดำ สลายหายไป

สือเถี่ยหลับตา ยืนอยู่กับที่ เนิ่นนานไม่พูดจา

กระนั้นไม่นานนัก เขาก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง แม้บาดแผลช่วงอกและเอวจะยังคงมีอยู่ ทว่าร่างกายเปลี่ยนเป็นสูงสง่าไม่ศิโรราบอีกหน

เขาเบือนหน้าหันกลับมองเยี่ยนจ้าวเกอและสวีเฟย ฝ่ายเยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยว่า “ข้าให้อาหู่แจ้งทางสำนักแล้ว”

“มหาค่ายกลแดนมารของเขตเชื่อมทะเลสาบถูกจัดการแล้ว พวกเราก็รีบกลับสำนัก ค่อยพูดกันระหว่างทางเถอะ” ครั้นสือเถี่ยชูมือขึ้น กระแสอากาศม้วนพาเยี่ยนจ้าวเกอและสวีเฟยขึ้น เหินลอยขึ้นสูง “หวังว่าทุกอย่างจะยังคงทันกาล”

โลงแก้วที่สามโลงนั้น ถูกเยี่ยนจ้าวเกอเก็บกลับกระเป๋าย่อส่วนของสือซงเทาอีกครั้งแล้ว จากนั้นจึงส่งต่อให้สือเถี่ย รับเก็บเอาไว้เงียบๆ

มอบงานให้กับจอมยุทธ์กว่างเฉิงคนอื่นๆ ที่เร่งมารับหน้าที่จัดการหลังเกิดเหตุแล้ว สือเถี่ยจึงพาอาหู่และพ่านพ่าน เหยียบย่างอากาศ ห้อตะบึงกลับสำนักไปพร้อมกัน

พวกเยี่ยนจ้าวเกอล้วนมองดูบาดแผลบนร่างสือเถี่ยด้วยความเป็นห่วง

อาการบาดเจ็บนั้นหาใช่เล็กน้อยไม่ ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ สือเถี่ยฝึกวิชากายเพชร ทั่วสรรพางค์กายไม่มีทางรั่วทะลุ ป้องกันและโจมตีผสานเป็นหนึ่ง พลังความสามารถแก่กล้าเกรียงไกร

กระนั้น หากเกิดความเสียหายขึ้นจนกายเพชรมีรูรั่ว จะทำให้พลังความสามารถของสือเถี่ยตกต่ำลงไม่น้อย ไม่ได้ส่งผลต่ออาการบาดเจ็บอย่างเดียวเท่านั้น

จอมยุทธ์บางคนได้รับบาดเจ็บ สามารถกดอาการเจ็บไว้ได้ แม้จะมีผลข้างเคียง แต่ก็ไม่ส่งผลต่อการปลดปล่อยพลังความสามารถในช่วงเวลาสั้นๆ

หากแต่สือเถี่ยในขณะนี้ กลับต้องรับผลกระทบอย่างไม่อาจเลี่ยงได้

หากเขายังคงประมือกับคนเดิมต่อไป จะยิ่งเพิ่มพูนอาการบาดเจ็บไม่หยุดยั้ง

สือเถี่ยเองกลับมีสีหน้าสงบเงียบ เด็ดเดี่ยวประดุจหินผา คล้ายกับไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย

เขาเร่งเดินทางไปพลาง กล่าวไปพลาง “มีบางเรื่องที่พวกเจ้ารู้ และมีบางเรื่องที่พวกเจ้าไม่รู้”

“การดำรงอยู่ของนพยมโลก มีอยู่ตั้งแต่โบราณกาล แต่สรรพสิ่งจำนวนมากในนั้น ทุกคนต่างไม่เข้าใจ เนื่องจากความหวาดหวั่นที่มีต่อนพยมโลก การสืบสำรวจอเวจีของทุกคนล้วนเป็นการเตรียมพร้อมและป้องกัน ความคืบหน้าเชื่องช้าอย่างยิ่งยวด”

“ศิษย์น้องฟางไปได้ลึกกว่าคนอื่น บางความลับในนั้น เขาเป็นผู้สัมผัสแรกเริ่มอย่างแท้จริง”

“แต่ไม่นานนักเขาก็สังเกตเห็นการสั่นคลอนและปลุกปั่นของนพยมโลกที่มีต่อจิตใจคน ดังนั้นจึงถอนตัวทันที ถอดใจจะเข้าลึกต่อไปอีก”

เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินแล้ว แววตาทอประกายแวบ “อาจารย์ลุงสองเป็นฝ่ายแข็งกร้าวตั้งแต่แรกเริ่ม!”

สวีเฟยเองก็สูดหายใจเข้าลึกเช่นกัน มองตรงยังสือเถี่ย “อีกทั้ง ยังเป็นแนวคิดที่แข็งกร้าวยิ่งกว่าท่าน ยิ่งกว่าท่านอาจารย์อาเยี่ยนเสียอีก ถึงขั้นที่เป็นคนที่มีรูปแบบท่าทีแข็งกร้าวแกร่งกล้าต่อภายนอกที่สุดทั่วทั้งเขากว่างเฉิง แทบจะถึงระดับที่ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล!”

สือเถี่ยผงกศีรษะ “ศิษย์น้องฟางก็เคยมีความคิดชักนำนพยมโลกมาเยือน บนเขตแดนของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์จริงๆ เช่นกัน”

“แสดงภาพลักษณ์ฝ่ายมั่นคงออกมา ก็เพื่อสลับจริงและลวง ทางหนึ่งวางแผนปกปิดให้แก่เขา ทางหนึ่งก็แสดงภาพลวงที่เขากับศิษย์น้องเยี่ยนเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน แม้แต่รูปแบบแนวคิดล้วนต่างกันลิบลับออกไปภายนอก ทำให้การแข่งขันระหว่างเขากับศิษย์น้องเยี่ยนยิ่งดุเดือดทวีคูณในสายตาของโลกภายนอก”

“แต่ไม่นานนักเขาก็ค้นพบ ว่าอันที่จริงแล้วนพยมโลกกำลังส่งผลกระทบต่อจิตใจของเขา ตั้งใจทำให้เขากลายเป็นผู้นำทางของนพยมโลก”

สวีเฟยกล่าวเชื่องช้า “ศิษย์น้องฟางไม่ใช่คนธรรมดา หลังจากค้นพบว่าตนถูกนพยมโลกค่อยๆ ชี้นำให้หลงผิด เขาก็ควบคุมตัวเองอย่างแน่วแน่ ยุติความพยายามตลอดมาของตน ปลีกตัวถอยออกจากบ่อโคลนทันเวลา”

“ภายนอก ท่าทีศิษย์น้องฟางเริ่มเปลี่ยนแปลงจากมั่นคง ไปในทางแข็งกร้าว โดยเฉพาอย่างยิ่งเขาแสดงความคิดเห็นที่แท้จริงของตัวเองออกมาในที่สุดก็แล้วไป เพียงแต่เพื่อที่จะเลี่ยงไม่ให้เปลี่ยนแปลงกะทันหัน ดังนั้นจึงค่อยๆ เป็นไปทีละขั้น”

สือเถี่ยมองทางเยี่ยนจ้าวเกอและสวีเฟย “เรื่องนี้ พวกเจ้าไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังนั้นธรรมดาอย่างยิ่ง เพราะทั่วทั้งเขากว่างเฉิง นอกจากศิษย์น้องฟางแล้ว มีเพียงสามคนคือท่านอาจารย์ ข้าแล้วก็ศิษย์น้องเยี่ยนที่รับรู้”

ทางหนึ่ง เมื่อคนที่รู้เรื่องมีจำนวนมาก ก็อาจจะมีคนชักจูงนพยมโลก

ในอีกทางหนึ่ง เป็นการรักษาชื่อเสียงของฟางจุ่นเช่นกัน อย่างไรเสียก็ไม่ใช่เรื่องที่มีเกียรติอะไรมากนัก

สือเถี่ยเอ่ย “ตอนเริ่มแรกที่เพิ่งรู้ว่ามีภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตอยู่ ท่านอาจารย์และข้าก็นึกถึงศิษย์น้องฟางเป็นอย่างแรก พร้อมทั้งดำเนินการตรวจสอบเขาหลายครั้ง”

“ผลการตรวจสอบ ศิษย์น้องฟางกลับไม่ได้เดินเส้นทางเก่าสายนั้นอีกครั้งแต่อย่างใด การก่อเกิดของภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต น่าจะไม่เกี่ยวกับเขา”

เสียงของสือเถี่ยทุ้มต่ำอยู่บ้าง “แม้ว่าศิษย์น้องฟางจะถอนตัวได้ทัน แต่กลับมีคนเก็บของแต่กาลก่อนของเขา แล้วเดินไปบนเส้นทางนี้”

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างเชื่องช้า “ท่านอาจารย์ปู่และท่านพ่อไม่มีทางเป็นประมุขภาคีไปได้ ไม่เช่นนั้นคงไม่ต้องวุ่นวายถึงเพียงนี้ สำนักเขากว่างเฉิงก็พินาศแล้ว”

“ท่านอาจารย์ลุงใหญ่เห็นชัดว่าไม่ใช่เช่นกัน ท่านอาจารย์ลุงสองเกินกว่าครึ่งก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน เขามีประสบการณ์ก่อนหน้าแล้ว ถึงแม้เขาเองจะหลงทางแต่ยังรู้จักหวนกลับ พวกท่านทั้งสามจึงเพ่งพิจารณาเขาเป็นพิเศษเช่นกัน เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย”

“ดังนั้นตัดความเป็นไปได้ที่ท่านอาจารย์ลุงสองซึ่งมากฝีมือกว่าอีกขั้นจะปิดความจริงพวกท่านทั้งหมด เช่นนั้นก็เหลือแค่คนเดียวแล้ว”

ประกายตาเยี่ยนจ้าวเกอเย็นยะเยือก “มีความรู้ซึ้งในด้านวิชากระบี่นภาไร้ขอบเขตเช่นนั้น ใต้หล้ามีเพียงสองคน คนหนึ่งคือท่านอาจารย์ลุงสอง อีกคนคือซินตงผิง!”

สือเถี่ยเอ่ย “ศิษย์น้องฟางมีความเป็นไปได้ที่จะหน้าไหว้หลังหลอก ปิดบังพวกเราจริงแท้”

“เพราะฉะนั้นก่อนหน้านี้ไม่มีหลักฐานสอดคล้องความจริง ผู้ใดก็ไม่อาจยืนยันแท้จริงแล้วประมุขภาคีเป็นใครกันแน่ และเป็นไปได้ที่จะไม่ใช่คนในสำนักเขากว่างเฉิงเช่นกัน”

“ทว่าวันนี้ประสบกับกระบี่นี้ ข้าสามารถยืนยันได้ ว่าไม่ใช่ศิษย์น้องฟาง กระนั้นก็เป็นไปได้เพียงอาจารย์อาซินแล้ว”

แววตาสือเถี่ยเคร่งขรึม “บางทีอาจารย์อาซินอาจจะค้นพบการศึกษาของศิษย์น้องฟางก่อนหน้านี้โดยไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นก็ถลำเข้าลึกต่อไปอีก หรือบางทีอาจารย์อาซินอาจจะสืบเสาะเอง แต่ท้ายที่สุดเขาก็เดินต่อไปบนเส้นทางเส้นนี้ ก่อตั้งภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตแล้ว”

“ยิ่งต้องการให้นพยมโลกมาถึงโลกแปดพิภพ จนกระทั่งมีพายุมรสุมกระหน่ำเฉกเช่นตอนนี้แล้ว”

เส้นสายตาสือเถี่ยมองออกไปยังทิศทางของเขากว่างเฉิงที่อยู่ไกลออกไป ประกายตาแทบจะเยือกแข็ง

สวีเฟยขมวดหัวคิ้วแน่น “ผู้อาวุโสซินซ่อนเจตจำนงไว้ในร่างกายของศิษย์พี่สือเพื่อลอบทำร้ายท่าน หาได้เกรงกลัวท่านจะมองฐานะของเขาออกไม่”

“กล่าวเช่นนี้แล้ว เกรงว่าคำเตือนของพวกเราคงสายไปแล้ว ในตอนที่พวกเรามาถึงเขตเชื่อมทะเลสาบ เริ่มจัดการมหาค่ายกลแดนมาร พบพานศิษย์พี่สือ ผู้อาวุโสน่าจะเริ่มลงมือที่สำนักแล้วเช่นกัน!”

ขณะกล่าวอยู่นั้น พวกเขาเดินทางมาถึงครึ่งทาง ก็ได้รับข่าวด่วนที่ส่งมาจากทางสำนัก

ข่าวสารคลุมเครือไม่กระจ่างชัดอยู่บ้าง ทว่ากลับทำให้ทุกคนอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมา

หุบเขาผนึกเวหาเบื้องล่างยอดเขาอรรณพที่ด้านเกิดความเปลี่ยนแปลง!

มีเขตไอมารแผ่ขยายจากศูนย์กลางหุบเขาผนึกเวหา มาทางรอบๆ เขากว่างเฉิง!

ฝูงชนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เยี่ยนจ้าวเกอพ่นปราณขุ่นมัวออกมายาวคำหนึ่ง “ถึงซินตงผิงแต่ไรมาจะปิดบังได้ดียิ่ง แต่ท่านอาจารย์ลุงใหญ่คงจะไม่ใช่ไม่เตรียมป้องกันแม้แต่น้อยกระมัง?”

เฝ้าดูเตรียมป้องกันและไม่เชื่อใจจนเลยเถิด คนที่ไม่กลับตัวเองล้วนอาจต้องบังคับให้กลับใจแล้ว แน่นอนเขากว่างเฉิงจะไม่ใช้วิธีเช่นนี้

ทว่าคนที่ควรแก่การเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัดเช่นซินตงผิงและฟางจุ่นนี้ การสังเกตพวกเขาก็หาผู้อื่นจะเทียบเคียงได้ไม่เช่นกัน

สือเถี่ยเหินตะบึงเต็มกำลัง สายตาจดจ้องทิศเขากว่างเฉิงไม่แปรเปลี่ยนสักวูบ “ถึงแม้จะมีการเตรียมป้องกัน แต่ขณะนี้เกิดเรื่องขึ้นมากยิ่งนัก”

“โดยเฉพาะอย่างยิ่งบัดนี้ศิษย์น้องฟางเองก็สูญหายไม่ชัดแจ้ง ยอดฝีมือสำนักเราพบอุปสรรคล้นเหลือ”

“ท่านอาจารย์กักตนเข้าฌาน ครานี้เห็นทีต้องพิจารณาศิษย์น้องเยี่ยนมากกว่าเดิมแล้ว”

เยี่ยนจ้าวเกอเองก็มองดูทิศเขากว่างเฉิงเช่นกัน ย่นหัวคิ้วขึ้น “ผู้ใดกล่าวว่าสิ่งที่อยู่ในหอเก็บคัมภีร์ล้วนเป็นยอดเหนือมนุษย์ เป็นของล้ำค่าที่สุด? ก็อาจจะเป็นของสิ่งอื่นได้เช่นกัน…”

—————————–