ตอนที่ 100 ซีซี กลับบ้านกับผมนะ

ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง

ทันใดนั้นภาพที่เห็นก็เปลี่ยนไป ถังซีเห็นคนสองคนยืนอยู่ที่ชายทะเล คนหนึ่งคือเฉียวเหลียง และอีกคนคือเพื่อนสนิทของเธอ ฉินซินหยิ่ง ซึ่งดูเหมือนจะพร่ำพูดอะไรกับเฉียวเหลียงราวกับคนเสียสติ แต่เฉียวเหลียงยังคงนิ่งเฉยและเอาแต่จ้องมองทะเล… ถังซีว่ายน้ำไปหาเขาสุดแรงเท่าที่จะทำได้ แต่กลับพบว่าเธอขยับไม่ได้เลยไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม จากนั้นภาพก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง เธออยู่ในบ้านพักหลังหนึ่งซึ่งเฉียวเหลียงถือกล่องเล็กๆ ที่มีนิ้วมือเธออยู่ข้างใน

 

 

เขาทิ้งตัวลงบนเตียงและร้องไห้…

 

 

น้ำตายังคงพร่างพรูจากดวงตาถังซี ขณะที่เธอร้องออกมาดังๆ “เฉียวเหลียง! เฉียวเหลียง! ฉันอยู่นี่! ฉันอยู่ตรงนี้ หันมามองฉันสิ! ได้โปรดหันมามองฉัน!”

 

 

เธอเห็นภาพนั้นด้วยตาตัวเอง ภาพที่เฉียวเหลียงซุกตัวอยู่บนเตียง มือกุมที่หัวใจ ร้องไห้อย่างสิ้นหวัง พร้อมกับร้องออกมาไม่รู้จบว่าเขารักเธอ ขอร้องให้เธอกลับมาหาเขา เธอรู้สึกว่าหัวใจเธอปวดร้าวราวกับถูกบีบเค้นด้วยมือขนาดใหญ่ เธอร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง “เฉียวเหลียงมองดูฉันสิ ฉันยังไม่ตายจริงๆ … ฉันยังไม่ตาย อย่าเศร้าไปเลย”

 

 

ขณะกำลังนอนอยู่บนเตียง ทันใดนั้นเฉียวเหลียงก็ลุกขึ้นเดินไปที่ห้องน้ำ ถังซีรีบตามเขาไป เมื่อเห็นเฉียวเหลียงชกกระจกในห้องน้ำ และเห็นว่ามือเขากลายเป็นสีแดงเพราะชุ่มโชกไปด้วยเลือด เธอก็รู้สึกเสียใจมากยิ่งขึ้น “เฉียวเหลียง ฉันขอร้อง อย่าทำร้ายตัวเองแบบนี้… เป็นความผิดของฉันทั้งหมด ถ้าฉันได้เข้าไปดูอีเมลในกล่องจดหมาย ฉันก็จะรู้ว่าคุณยังคงรักฉันเนิ่นนานมาตลอด และฉันจะไม่ใจแข็งปฏิเสธไม่ติดต่อกับคุณ ได้โปรด… อย่าทำร้ายตัวเองอย่างนี้…” ถังซีก้าวออกไปจับมือเฉียวเหลียง แต่พบว่าเธอไม่สามารถจับมือเขาได้…

 

 

เธอเป็นเพียงภูตผีวิญญาณในตอนนี้ และทำอะไรไม่ได้เลย!

 

 

ถังซีรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวเหลือเกิน ขณะมองดูมือเธออย่างสิ้นหวัง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ เธอสัมผัสเฉียวเหลียงไม่ได้… ใครก็ได้ช่วยที…

 

 

เธอไม่เคยสิ้นหวังมากมายขนาดนี้มาก่อน แม้แต่ตอนที่พบว่าตัวเองตายและกลับมาเกิดใหม่เป็นเซียวโหรว แต่ตอนนี้เธอรู้สึกหมดสิ้นหนทาง เธอสัมผัสเฉียวเหลียงไม่ได้ และเขามองไม่เห็นเธอ เขาทำร้ายตัวเอง… แต่เธอทำอะไรไม่ได้เลย!

 

 

เธอคุกเข่าอยู่ข้างๆ เฉียวเหลียง ร่างกายเขาเปียกโชกอยู่ใต้ฝักบัว เลือดจากมือเขายังคงไหลและถูกชะล้างไปกับสายน้ำ…

 

 

เป็นเวลานานกว่าเฉียวเหลียงจะลุกขึ้นในที่สุด จากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น… เฉียวเหลียงรับโทรศัพท์ในชุดคลุมอาบน้ำ แล้วเธอก็เห็นใบหน้าเขาค่อยๆ เปลี่ยนไป เขาตะโกนอย่างดุดันว่า “คุณเป็นใคร”

 

 

ถังซีพยักหน้าด้วยความประหลาดใจ และรู้สึกมีความสุข เธอโถมตัวเข้าหาเขาพลางพยักหน้าอย่างสิ้นหวัง กล่าวว่า “ฉันเอง อาเหลียง นี่ฉันเอง! คุณเห็นฉันไหม คุณเห็นฉันใช่ไหม ฉันซีซีไง มองดูฉันสิ…”

 

 

“ถังซีหรือ” น้ำเสียงเฉียวเหลียงสั่นสะท้าน ราวกับเขาไม่เชื่อว่าบุคคลที่อยู่ปลายสายคือถังซี แต่เขามีลางสังหรณ์และสัมผัสแปลกๆ มาจากส่วนลึกของหัวใจ นี่คือถังซีจริงหรือ เขาจ้องมองรอยแผลที่มือขณะถามว่า “นั่นถังซีใช่ไหม”

 

 

ถังซีพยักหน้า เอื้อมมือไปแตะใบหน้าเฉียวเหลียง “ฉันเอง ฉันอยู่ข้างๆ คุณตรงนี้แล้ว มองดูฉันสิ… อาเหลียง มองดูฉัน…”

 

 

ทันใดนั้นเฉียวเหลียงก็โยนโทรศัพท์มือถือทิ้งและนั่งลงบนเตียง ดวงตาเขาแดงก่ำ น้ำเสียงเขาต่ำเมื่อเย้ยหยันตัวเอง “เธอตายไปแล้ว เธอจะโทรหาแกได้อย่างไร เฉียวเหลียง หยุดเพ้อฝันได้แล้ว! อะไรทำให้แกคิดว่าแกจะอยู่ในความฝันได้ตลอดไป”

 

 

“อาเหลียง คุณไม่ได้อยู่ในความฝัน! คุณไม่ได้อยู่ในความฝัน ฉันอยู่ข้างๆ คุณนี่ไง! ฉันอยู่ข้างๆ คุณ!” ถังซีตะโกนอย่างบ้าคลั่ง เมื่อได้ยินถ้อยคำอันที่ไร้ชีวิตจิตใจของเฉียวเหลียง แต่เขาไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูด… จู่ๆ ถังซีก็ลุกขึ้น พยายามทำลายข้าวของเพื่อดึงความสนใจจากเขา แต่กลับพบว่าเธอไม่สามารถสัมผัสอะไรได้เลย…

 

 

เธอคุกเข่าลงข้างๆ เฉียวเหลียง ซุกหน้าลงกับฝ่ามือด้วยความเศร้า “ทำไมถึงเป็นแบบนี้… ทำไมถึงเป็นแบบนี้…”

 

 

ในนาทีนั้นถังซีก็ได้ยินเสียงสัญญาณเตือนดังขึ้น ตามมาด้วยภาพเฉียวเหลียงผุดลุกขึ้นราวกับถูกสารอะไรบางอย่างกระตุ้น เขาวิ่งไปเปิดแล็ปท็อป แล้วเปิดกล่องจดหมายอีเมล…

 

 

เมื่อเห็นเวลาและชื่อผู้ส่งอีเมล ถังซีก็ระเบิดเสียงร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ปรากฏว่าเหตุการณ์นี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น… ในวันนั้น…

 

 

ทันใดนั้นบรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นสีดำ และภาพทั้งหมดเปลี่ยนไปอีกครั้ง เธอมาอยู่ที่ลองบีชซึ่งเธอไม่คุ้นเคยเลย เธอมองไปรอบๆ เห็นเฉียวเหลียงเดินอยู่คนเดียวริมทะเล เขาดูไม่ดีเท่าไร หนวดเคราค่อนข้างยาวเหมือนไม่ได้โกนมานาน ทำให้เขาดูเหมือนคนที่ต้องเผชิญโชตชะตาอันพลิกผัน

 

 

ถังซีไม่มีอารมณ์ใดๆ อีกต่อไปหลังจากเห็นภาพในบ้าพัก เธอตามเฉียวเหลียงไปเงียบๆ ดูเขาเดินไปตามชายหาดทีละก้าวๆ และหยุดมองเธอเป็นครั้งคราว ราวกับเธอมีตัวตน

 

 

ถังซียื่นมือออกไปพร้อมด้วยรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้า ถามเบาๆ ว่า “คุณยิ้มทำไม”

 

 

เฉียวเหลียงยิ้มอย่างอ่อนโยน จับปอยผมทัดหูให้เธอ พร้อมกับเอ่ยเบาๆ ว่า “ผมยิ้ม เพราะภาพลวงตาในวันนี้ช่างเหมือนจริงมาก คุณยิ้มให้ผม”

 

 

ถังซีรู้สึกว่าหัวใจเธอปวดร้าวขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อได้รู้ว่าเขาเดินไปตามชายหาดอย่างสงบไม่ใช่เพราะเขาลืมเธอ แต่เพราะเขากำลังอยู่ในความฝันที่เขาถักทอขึ้นเพื่อตัวเอง เขาเพ้อฝันว่าเธออยู่ข้างๆ เขา เธอกอดเฉียวเหลียงและกระซิบว่า “นี่ไม่ใช่ภาพลวงตาค่ะ ฉันอยู่เคียงข้างคุณ อาเหลียง คุณเห็นฉันใช่ไหม”

 

 

“ใช่ ผมเห็นคุณ เพราะฉะนั้นนี่ไม่ใช่ภาพลวงตา” เฉียวเหลียงเอื้อมมือมากอดถังซี แต่ถังซีเห็นว่าเขากอดความว่างเปล่า น้ำตาเธอร่วงพราวอย่างไม่อาจหักห้าม…

 

 

เป็นอย่างนี้ได้อย่างไร… เป็นไปได้อย่างไร

 

 

เขาเห็นเธอ เธอจับมือเขาได้แล้วตอนนี้ แต่ทำไมเขาถึงสัมผัสเธอไม่ได้! ทำไม

 

 

ทันใดนั้นเฉียวเหลียงก็เดินไปทางทะเล ถังซีร้องตะโกนด้วยความตกใจ “อาเหลียง ตอนนี้มืดแล้ว เรากลับบ้านกันเถอะ น้ำทะเลเย็นมาก อย่าลงไปในทะเลเลย!”

 

 

เฉียวเหลียงมองไปด้านข้าง แล้วหันมาข้างหลัง ทันใดนั้นเขาก็ขมวดคิ้วแล้วพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม กล่าวว่า “ตกลง กลับบ้านกันเถอะ กลับไปทานอาหารค่ำกันซีซี คุณหิวใช่ไหม”

 

 

ถังซีพยักหน้า “ฉันหิวแล้ว ฉันอยากทานกุ้งก้ามกราม กลับไปทานกุ้งก้ามกรามกันเถอะนะ ดีไหม อย่าอยู่ริมทะเลต่อไปเลย”

 

 

ถังซีกลัวจริงๆ เธอกลัวว่าเฉียวเหลียงจะฆ่าตัวตาย เขากำลังพยายามทำร้ายตัวเองโดยการเดินลงทะเล…

 

 

เธอเอื้อมมือไปจับมือเฉียวเหลียง เขาโอบกอดเธอไว้ และกล่าวเบาๆ ว่า “เรามาที่นี่กันหลายวันแล้ว ซีซี กลับเมืองจีนกับผมในวันสองวันนี้เถอะนะ ตกลงไหม ที่ลองบีชนี่ไม่สนุกเลย”