ตอนที่ 101 เรื่องน่าสงสัย

ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง

เมื่อได้ยินคำพูดของเฉียวเหลียง ถังซีก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจ เธอคิดว่าเขาจะต้องได้รับข่าวการส่งอีเมลไปยังกรรมการบริหาร บอกทุกคนว่าเธอกำลังเดินทางไปต่างประเทศตามลำพัง เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอไม่ได้กลับประเทศจีนในช่วงเวลานั้น เขาต้องสืบหาพื้นที่เครือข่ายอินเตอร์เน็ทของเธอ จึงมาที่ลองบีช

 

 

เธอพยักหน้ากล่าว่า “ตกลง เราจะกลับบ้านกันในวันสองวันนี้ แต่ตอนนี้เรากลับไปทานอาหารค่ำกันก่อนเถอะ คุณไม่ได้ทานอะไรเลยมานานเท่าไหร่แล้ว”

 

 

ก่อนหน้านี้เขาผอม แต่ตอนนี้เขาผอมลงกว่าเดิม กลายเป็นหนังหุ้มกระดูกไปแล้ว หัวใจเธอเจ็บแปลบเมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้

 

 

ดวงตาเฉียวเหลียงเป็นประกายขึ้นเมื่อได้ยินว่าเธอเห็นด้วย เขาพาเธอไปที่บ้านพักพร้อมกับกล่าวว่า “ตกลง กลับไปทานอาหารค่ำกัน”

 

 

เมื่อกลับถึงบ้านพักเฉียวเหลียงขอให้ถังซีไปนั่งดูโทรทัศน์รอที่โซฟา ขณะที่เขาไปทำอาหาร อาห้ากับอาหกมองเห็นเฉียวเหลียงพูดกับความว่างเปล่า “คุณดูทีวีอยู่ตรงนี้ก่อนนะ ผมจะไปเตรียมอาหารทะเลที่คุณโปรดให้คุณ” ทั้งสองมองหน้ากันและกันอย่างเงียบกริบและคิดในใจ เจ้านายเสียสติไปแล้วหรือ

 

 

เฉียวเหลียงมองกลับไป เห็นลูกน้องทั้งสองกำลังอ้าปากค้างมองมาที่เขาจากมุมห้องนั่งเล่น ในขณะที่อาหกยังถือแล็ปท็อปค้างอยู่ในมือ เฉียวเหลียงหน้าบึ้งถามอย่างเยือกเย็น “พวกนายมาทำอะไรที่นี่”

 

 

เฉียวเหลียงคิดอย่างไม่พอใจว่า สองคนนี้ไร้สติจริงๆ! ไม่เห็นหรือว่าซีซีของเขาอยู่ที่นี่

 

 

อาห้ากับอาหกพยักหน้าทันทีและรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ทั้งสองไปยืนมองหน้ากันอยู่ในสวน “เจ้านายดูเหมือนจะเป็นบ้าไปแล้ว”

 

 

“ภาพหลอนของเขาดูเหมือนจะรุนแรงขึ้นมากวันนี้” อาห้าดูเป็นกังวลขณะพูดถึงเรื่องนี้ “เมื่อสองวันก่อนเขายังไม่เป็นอะไรเลย แค่เหม่อลอยบ้างเป็นครั้งคราว แต่ตอนนี้เขาดูเหมือนจะแน่ใจว่ามีคุณถังอยู่ข้างๆ เขา”

 

 

อาหกกล่าวว่า “เจ้านายไม่ได้กินอะไรเลยในช่วงสองวันที่ผ่านมา เขาจะต้องหิวเกินไปจนเสียสติแน่ๆ”

 

 

ถังซีออกมาข้างนอกกับสองคนนี้ด้วย เธอฟังการสนทนาและมองกลับไปที่เฉียวเหลียง เขาทำราวกับว่าเธอยังคงนั่งอยู่ที่โซฟา เขายิ้มไปทางนั้นขณะกำลังปรุงอาหาร

 

 

ถังซีตระหนักทันทีว่าสิ่งที่เขาเห็นไม่ใช่เธอ เป็นแค่เพียงจินตนาการที่เขาสร้างขึ้นเอง และบังเอิญบทสนทนาของเธอเกิดไปสอดคล้องกับภาพลวงตาของเขา

 

 

เมื่อคิดเช่นนี้ถังซีรู้สึกเศร้าใจ ถ้าขืนเขาทำอย่างนี้ต่อไป เขาจะทำลายตัวเองในวันหนึ่ง!

 

 

เธอต้องหาวิธีให้เขารู้ให้ได้ว่าเธอมีตัวตนอยู่!

 

 

เธอรีบเข้าไปดึงดูดความสนใจเฉียวเหลียง แต่เขาไม่เห็นเธอเลย เขายังคงพูดไปที่โซฟาต่อไป “รอเดี๋ยวนะ ซอสกุ้งใส่ต้นหอมกับกุ้งก้ามกรามใกล้เสร็จแล้ว”

 

 

ถังซีพยายามคว้าเครื่องมือทำอาหารในมือเขา แต่เธอแตะต้องอะไรไม่ได้เลย เธอเอื้อมมือไปเคาะกระจกที่เคานเตอร์บาร์ แต่ไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหน เธอก็แตะกระจกไม่ได้…

 

 

ไม่ได้ผลหรอก เธอทำไม่ได้ เธอต้องกลับไปที่ร่างเซียวโหรวเพื่อติดต่อกับเขาอีกครั้ง…

 

 

แต่เธอจะกลับไปได้อย่างไร!

 

 

ถังซีหลับตาและตั้งจิตแน่วแน่ที่จะกลับไป แต่ไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหน เมื่อลืมตาขึ้นมาเธอก็ยังเห็นเฉียวเหลียงทำอาหารให้เธออยู่ในห้องครัว เธอไม่สามารถกลับไปได้

 

 

 

 

ในโรงพยาบาลหลินอันที่เมือง A เซียวส่าและเซียวจิ่งเริ่มร้อนใจมากขึ้นเรื่อยๆ เซียวเหยาฟื้นแล้ว และถามหาเซียวโหรวไม่หยุด แต่เธอยังคงอยู่ในอาการโคม่าอย่างหนัก ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาไม่สามารถเก็บซ่อนเรื่องนี้จากพ่อกับแม่ได้อีกต่อไป ทั้งสองขอลาป่วยที่โรงเรียนให้เซียวโหรว แต่โฆษณาโทรทัศน์จะเริ่มถ่ายทำในวันเสาร์ ตอนนี้พวกเขาไม่รู้จะหาทางอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ แก่เฮ่อหว่านหนิงอย่างไร…

 

 

พี่น้องตระกูลเซียวไม่เคยสูบบุหรี่ แต่ตอนนี้ทั้งเซียวจิ่งและเซียวส่าคาบบุหรี่ไว้ที่ปาก เดินไปเดินมาอยู่ตรงทางเดินทั้งคู่ สีหน้าทั้งสองวิตกกังวลอย่างมาก เซียวจิ่งสูบบุหรี่เข้าไปลึกๆ กล่าวเสียงเบาว่า “ตอนที่ผมกลับไปบ้านเมื่อเช้า คุณพ่อคุณแม่ถามผมอีกแล้ว ผมคิดว่าเราคงเก็บความลับไว้ไม่ให้ท่านรู้อีกต่อไปไม่ได้แล้วล่ะ แล้วอีกอย่างผมก็เจอคุณป้าที่ประตูหน้าบ้านอีกด้วย”

 

 

เซียวส่าขมวดคิ้ว สูบบุหรี่เข้าไปลึกๆ และพ่นควันออกมา “เราคงปิดบังพี่เหยาไม่ได้เหมือนกัน เขาถามพี่ว่า หรือว่าเมื่อคืนนี้โหรวโหรวประสบอุบัติเหตุ”

 

 

พยาบาลเข้ามาเตือนพวกเขาว่าห้ามสูบบุหรี่ พี่น้องทั้งสองจึงดับบุหรี่แล้วโยนลงถังขยะ ทันใดนั้นประตูห้องพักคนไข้ก็เปิดออก เซียวเหยาซึ่งบาดเจ็บสาหัสก้าวออกมา เขามองสองพี่น้องเขม็ง และถามอย่างเย็นชาว่า “โหรวโหรวอยู่ห้องไหน”

 

 

เซียวส่ากับเซียวจิ่งมองหน้ากัน เซียวส่ายิ้มออกมาอย่างรวดเร็ว รีบวิ่งไปพยุงเซียวเหยา แล้วพูดเสียงดังว่า “พี่เหยา พี่พูดอะไรหรือ โหรวโหรวก็ต้องไปโรงเรียนสิวันนี้ และไม่มีเวลามาเยี่ยมพี่ ถ้าพี่คิดถึงเธอพี่โทรหาก็ได้นี่”

 

 

เซียวจิ่งพยักหน้ากล่าวว่า “ใช่ครับ พี่เหยา แต่พี่ลุกออกมาจากเตียงแบบนี้ไม่ได้นะ กลับไปนอนเถอะครับ”

 

 

เซียวเหยาจ้องหน้าน้องทั้งสองเขม็ง ก่อนจะค่อยๆ เอนตัวพิงกำแพง เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่ทำตัวผิดปกติ และหลังจากเหวี่ยงสายตาเหลือบดูทั้งคู่ เขาก็เอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง “อย่าให้พี่ถามอีกครั้ง บอกมาว่าเกิดอะไรขึ้นกับโหรวโหรว”

 

 

สองพี่น้องสบสายตากันโดยเร็ว เซียวส่ายักไหล่ เซียวจิ่งจึงกล่าวว่า “ไปคุยเรื่องนี้กันในห้องเถอะครับ ตรงนี้มัน…”

 

 

เซียวเหยาหันหลังกลับเดินเข้าไปในห้องพัก และน้องชายทั้งสองรีบตามเขาเข้าไป เซียวส่าช่วยพยุงเซียวเหยาให้นอนลงบนเตียงผู้ป่วย ปรับเตียงให้ และวางหมอนสองใบไว้ใต้ศีรษะเซียวเหยา

 

 

เซียวจิ่งเดินไปนั่งบนโซฟาหนังสีดำ เอ่ยขึ้นด้วยท่าทางขึงขังว่า “พี่เหยา อันที่จริงเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับโหรวโหรว วันนั้นจู่ๆ เธอก็ให้เราไปรับกลับมาบ้าน แล้วบอกเราว่าพี่ไปทำภารกิจที่เมือง J เธอเล่าให้เราฟังเรื่องงานของพี่ และบอกว่าพี่อาจตกอยู่ในอันตรายในครั้งนี้”

 

 

“เราถามว่าเธอรู้ได้อย่างไร” เซียวส่ากล่าว “เธอบอกว่าทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ของเธอดีมาก เธอสามารถเจาะเข้าไปในฐานข้อมูลของกองกำลังพิเศษได้ ผมไม่เชื่อในตอนแรก แต่สิ่งที่เธอพูดตรงกับสิ่งที่ผมรู้”

 

 

เซียวเหยาขมวดคิ้ว จ้องหน้าน้องทั้งสอง เซียวส่ากล่าวต่อไปว่า “ตอนราวๆ บ่ายสามโมงเธอบอกว่ามีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับพี่ แล้วเธอก็หายวับไปจากห้องนั่งเล่น” เซียวส่ายังรู้สึกตื่นตกใจไม่หาย เมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้น เขาจบคำพูดว่า “เธอหายตัวไปในอากาศเฉยๆ เลย แม้แต่รองเท้าก็ไม่ได้สวมไป…”

 

 

เซียวเหยาพยักหน้า ขณะพยายามนึกดูว่าเธอจะหายตัวไปต่อหน้าต่อหน้าเซียวส่าทันทีทันใดได้อย่างไร “อย่างนั้นหรือ”

 

 

“โหรวโหรวเคยบอกว่าเธอเป็นนางฟ้า” เซียวจิ่งกล่าว “เราก็เลยคิดว่าโหรวโหรวต้องไปช่วยชีวิตพี่แน่ๆ เราถึงได้มาเตรียมโรงพยาบาลไว้ แล้วโทรหาเธอ แต่ทันทีที่วางสายเธอก็พาพี่กลับจากเมือง J มาถึงเมือง A ใครจะมีความสามารถอย่างนี้ได้ นอกจากเทวดานางฟ้าหรือพวกเซียน”

 

 

“แล้วถ้าอย่างนั้นเกิดอะไรขึ้นกับโหรวโหรว!” เซียวเหยาคำราม “ตอบมา!”

 

 

เซียวส่าเม้มริมฝีปากแล้วกล่าวว่า “อย่าเพิ่งโมโหสิ พี่เหยา ต้องใช้เวลาเล่าอีกนาน เรื่องมันยาวกว่าจะจบ…”

 

 

“ก็พูดมาเร็วๆ สิ!” เซียวเหยาตะโกนด้วยสีหน้าบึ้งตึง…