ตอนที่ 102 ความลับเปิดเผย

ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง

เซียวส่ามองหน้าเซียวจิ่งซึ่งกล่าวต่อไปว่า “พี่ได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก หมอในโรงพยาบาลไม่สามารถช่วยชีวิตพี่ได้ โหรวโหรวเป็นคนผ่าตัดให้พี่ แม้แต่หมอผ่าตัดที่เชี่ยวชาญก็อาจต้องใช้เวลาทั้งวันในการผ่าตัดครั้งนี้ แต่โหรวโหรวใช้เวลาแค่หนึ่งชั่วโมงกับยี่สิบห้านาทีในการผ่าตัดจนเสร็จ และช่วยชีวิตพี่ไว้ได้”

 

 

“แต่หลังจากที่โหรวโหรวแจ้งว่าพี่ปลอดภัยแล้ว เธอก็ตกอยู่ในอาการโคม่า และตอนนี้ยังไม่ฟื้น” เซียวส่ากล่าว

 

 

เซียวเหยาขมวดคิ้ว สูดหายใจลึกๆ เมื่อนึกถึงภาพหญิงสาวที่ตกลงมาจากท้องฟ้า เขากำมือแน่น ถามเสียงต่ำว่า “หมอบอกว่ายังไง”

 

 

น้องสาวของเขาเป็นนางฟ้า เธอจะต้องไม่เป็นอะไร ในเมื่อเธอสามารถตกลงมาจากท้องฟ้าเพื่อช่วยชีวิตเขาได้ เธอก็ต้องรักษาตัวเองให้ปลอดภัยได้ เพื่อไม่ให้พวกเขาเป็นกังวล

 

 

เซียวส่าส่ายศีรษะตอบว่า “หมอตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติในตัวโหรวโหรว บอกแค่เพียงว่าโหรวโหรว ไม่ได้สมองตาย แต่… ก็บอกด้วยว่าระบบในร่างกายโหรวโหรวล้มเหลว แต่เขาไม่รู้ว่าส่วนไหนของร่างกายเธอล้มเหลว”

 

 

เซียวเหยาขมวดคิ้วอีกครั้ง “พวกนายเล่าเรื่องนี้ให้คุณพ่อคุณแม่ฟังหรือยัง”

 

 

เซียวจิ่งส่ายศีรษะ “ไม่ครับ ผมไม่กล้าเล่า ผมไม่กล้าบอกท่านเรื่องพี่ และไม่กล้าบอกท่านเรื่องโหรวโหรวด้วย ผมแค่บอกว่าโหรวโหรวจะไปอยู่บ้านเพื่อนร่วมชั้นเรียนหลายวัน เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในวันสองวันนี้ แต่เมื่อเช้าผมรู้สึกว่าคุณพ่อคุณแม่ไม่เชื่ออีกต่อไปแล้ว”

 

 

โชคดีที่พ่อกับแม่ไม่ได้ถามเขาเรื่องเซียวเหยา… พวกท่านเพียงแต่บ่นว่าพี่ชายเขาไม่เคยโทรกลับบ้านเลย เวลาไปไหนไกลๆ

 

 

“ช่วยพี่หน่อย” เซียวเหยาพยายามลุกขึ้น

 

 

เซียวจิ่งกับเซียวส่ารีบเข้ามาประคองให้เซียวเหยาลุกขึ้นจากทั้งสองด้าน เซียวส่าถามว่า “พี่เหยา พี่จะไปไหน”

 

 

เซียวเหยาขมวดคิ้วถามว่า “โหรวโหรวอยู่ไหน”

 

 

“ห้องถัดไปครับ” เซียวจิ่งตอบ “เพื่อความสะดวกของพวกเรา ผมเลยจัดให้ไม่มีผู้ป่วยอื่นในชั้นนี้ และโหรวโหรวอยู่ห้องติดกับพี่”

 

 

เซียวเหยาพยักหน้า “พาพี่ไปหน่อย พี่อยากเห็นเธอ”

 

 

บาดแผลของเขาเจ็บปวดอย่างรุนแรง และตอนนี้เขารู้สึกเจ็บแปลบจากการลุกขึ้นมาเมื่อกี้ แต่เนื่องจากมีชายหนุ่มฉกรรจ์สองคนคอยช่วยเหลือ เขาจึงสามารถ ‘ใช้แรง’ พวกเขา และประหยัดพลังงานของตัวเองได้

 

 

เซียวเหยามาถึงห้องพักฟื้นของถังซีด้วยความช่วยเหลือของน้องชายทั้งสอง เมื่อเขาเห็นเด็กสาวที่ซีดเซียวแต่ยังคงงดงามบนเตียงผู้ป่วย หัวใจเขาก็ปวดร้าว เป็นเพราะเธอใช้พลังจนหมดเพื่อช่วยเขา เธอจึงได้เป็นแบบนี้ใช่ไหม

 

 

เธอบอกว่าเธอเป็นนางฟ้า แต่เธอไม่เคยแสดงความสามารถของเธอต่อหน้าพวกเขา อย่างไรก็ตาม ในวันนั้นจู่ๆ เธอก็ปรากฏตัวขึ้นเพื่อช่วยชีวิตเขา…

 

 

โหรวโหรว ได้โปรดตื่นขึ้นมาเถอะ ถ้าเธอเป็นแบบนี้พี่จะยอมให้ตัวเองมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร เธอเสียสละตัวเองเพื่อช่วยชีวิตพี่ แม้ว่าพี่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป พี่ก็ต้องใช้ชีวิตอย่างเจ็บปวด และเศร้าโศกไปตลอดชีวิต เธอรู้ไหม

 

 

เซียวเหยาอยู่ในภาวะเสียขวัญเมื่อกลับมาที่ห้องพักของเขา เซียวจิ่งรีบเรียกหมอให้มาฉีดยาแก้ปวดให้เซียวเหยา แต่ฝ่ายหลังยกมือขึ้นห้ามหมอไม่ให้ฉีด เพราะเขาจะสามารถลืมความเจ็บปวดทางจิตใจได้ก็ด้วยความเจ็บปวดทางร่างกายเท่านั้น เซียวส่ากับเซียวจิ่งไม่สามารถเปลี่ยนใจเขาได้ จึงปล่อยให้คุณหมอกลับไป เซียวจิ่งกล่าวว่า “พี่เหยา ทำไมพี่ถึงโหดร้ายกับตัวเองอย่างนี้ล่ะ”

 

 

เซียวส่าเสริมว่า “ใช่ พี่เหยา โหรวโหรวไม่ต้องการเห็นพี่เป็นแบบนี้ พี่ต้องฟื้นตัวเร็วๆ นะ เพื่อโหรวโหรว”

 

 

เซียวเหยาไม่สนใจพวกเขา กล่าวขึ้นว่า “เอาโทรศัพท์มาให้พี่”

 

 

เซียวส่ามองหน้าเขาทันทีด้วยท่าทางตกใจ “พี่จะทำอะไร”

 

 

เซียวจิ่งส่งโทรศัพท์ให้เซียวเหยา เซียวส่าตะโกนเสียงดังทันที “เซียวจิ่ง คนทรยศ เราเก็บเรื่องนี้จากคุณพ่อคุณแม่มาหลายวัน ถ้าพี่เหยาโทรหาท่านตอนนี้ ท่านตีเราตายแน่!”

 

 

“หุบปาก!” แม้ขณะบาดเจ็บอยู่เซียวเหยาก็ยังคงมีอำนาจเหนือน้องๆ เซียวส่ารีบหุบปากอย่างรวดเร็ว เซียวเหยาโทรหาผู้บัญชาการของเขา หลังจากทางปลายสายรับโทรศัพท์ เซียวเหยาก็รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้บังคับบัญชาถามอะไรบางอย่าง ซึ่งเซียวเหยาตอบว่า” ใช่ครับ แล้วคลอสก็ถูกยิงตรงจุดนั้น…

 

 

…ผมจะพยายามหายเป็นปกติให้เร็วที่สุด และจะรายงานให้ท่านทราบเมื่อผมออกจากโรงพยาบาลครับ” ทางปลายสายอีกด้านหนึ่งมีคำถามอื่นตามมา เซียวเหยาขมวดคิ้ว แต่ก็ยังตอบว่า “โรงพยาบาลหลินอันที่เมือง A ครับผม!”

 

 

เขาวางสายแล้วหันกลับมามองน้องชายทั้งสองที่เฝ้ามองด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น และกล่าวอย่างเยือกเย็น “ถ้าพวกนายอยากถามอะไร เอาไว้ถามเมื่อพี่คุยโทรศัพท์เสร็จ”

 

 

สองพี่น้องพยักหน้า เซียวเหยามองหน้าพวกเขาก่อนจะโทรออกอีกครั้ง เขาพูดสั้นๆ สองสามคำแล้วบอกให้อีกฝ่ายมาที่โรงพยาบาลหลินอัน ทันทีที่เซียวเหยาวางสายน้องชายทั้งสองก็ถามว่า “พี่เหยา ที่โหรวโหรวบอกเป็นเรื่องจริงใช่ไหม พี่เป็นผู้บังคับการหน่วยรบพิเศษของกองกำลังพิเศษใช่ไหม”

 

 

เซียวเหยาพยักหน้าและบอกว่า “อย่าบอกเรื่องนี้กับใคร เข้าใจไหม”

 

 

สองพี่น้องพยักหน้าด้วยดวงตาเป็นประกาย จากนั้นก็ถามว่า “ว่าแต่พี่เข้าร่วมกองทัพตั้งแต่เมื่อไรน่ะ ไม่เคยเห็นพี่น็ฌ็๋๋ฝึกหรืออะไรตอนไหนเลย… พี่ต้องได้รับการฝึกฝน และคัดเลือก ถึงจะได้เข้าร่วมกองกำลังนี้ใช่ไหม แล้วตอนนี้พี่ก็เป็นพันโทแล้ว”

 

 

“พันตรี” เซียวเหยาแก้ไขให้ถูกต้อง “หลังจากภารกิจนี้พี่คิดว่าพี่จะได้เป็นพันโท”

 

 

อันที่จริงเขามีคุณสมบัติที่สมควรจะเป็นพันโทมานานแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสได้เลื่อนยศ นอกจากนี้การเลื่อนตำแหน่งของเขาก็เร็วเกินไป ดูจะไม่ยุติธรรม อย่างไรก็ตามภารกิจครั้งนี้สำคัญมาก และเขาสามารถฆ่าคลอสได้ ซึ่งเป็นความดีความชอบอย่างมาก…

 

 

เมื่อนึกถึงเพื่อนร่วมหน่วยรบที่เสียชีวิตเซียวเหยาก็ดูเศร้า เขากล่าวเสียงเรียบว่า “เอาล่ะ โทรหาคุณพ่อคุณแม่ได้แล้ว บอกท่านว่าพี่อยู่ที่โรงพยาบาล ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ โหรวโหรวพลาดตกบันไดและบาดเจ็บที่ศีรษะตอนมาเยี่ยมพี่”

 

 

เซียวส่ายิ้มเยาะอย่างไม่เห็นด้วย “พี่เหยา พี่คิดว่าคุณพ่อคุณแม่จะเชื่อหรือ”

 

 

เซียวเหยาก็รู้สึกเหมือนกันว่าเรื่องที่เขากุขึ้นไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไร ขณะนั้นนั่นเองโทรศัพท์มือถือของเซียวจิ่งก็ดังขึ้น เซียวจิ่งหยิบโทรศัพท์ออกมาดูหน้าจอ แล้วโยนลงไปบนเตียงคนไข้ทันทีด้วยความตกใจ “โอ บ้าไปแล้ว พูดถึงก็มาเลย!”

 

 

เซียวเหยามองหน้าเซียวส่า แสดงท่าทางให้น้องชายส่งโทรศัพท์ให้เขา เซียวส่าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งให้เซียวเหยาแต่โดยดี และฝ่ายหลังก็รับสาย “คุณแม่ครับ…”

 

 

หยางจิ้งเสียนกับเซียวหงลี่มาถึงโรงพยาบาลเกือบจะพร้อมกัน เมื่อเห็นเซียวเหยานอนอยู่บนเตียงพวกเขาก็เป็นห่วงมาก โดยเฉพาะเซียวหงลี่ เมื่อพบว่าลูกชายบาดเจ็บสาหัส และเห็นว่าการบาดเจ็บนั้นเป็นบาดแผลจากกระสุนปืนอย่างชัดเจน เขาก็ร้องโวยวาย “ลูกควรให้เหตุผลที่ดีกับพ่อ ไม่อย่างนั้นลูกกับน้องๆ ทุกคนจะไม่มีวันได้ออกจากบ้านอีกเลย!”

 

 

หยางจิ้งเสียนเป็นห่วงเซียวโหรว แทนที่จะถามถึงอาการบาดเจ็บของเซียวเหยาต่อไป เธอจึงหันมองไปรอบๆ ห้องพักคนไข้และถามเบาๆ ว่า “โหรวโหรวอยู่ไหน ส่าบอกแม่ไม่ใช่เหรอว่าสองสามวันที่ผ่านมาน้องอยู่ที่โรงพยาบาลเหมือนกัน น้องมาอยู่ที่นี่เพื่อดูแลเหยาใช่ไหม”