ตอนที่ 393 อาถิงตื่นขึ้น

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ผู้อาวุโสรอง “ท่านอย่าเข้ามายุ่งเรื่องนี้จะดีกว่า”

ความแข็งแกร่งของชายผู้นี้ดูเหมือนจะเป็นเพียงขั้นจักรพรรดิเท่านั้น แต่พลังอันแข็งแกร่งที่กดดันพวกเขากลับน่าเกรงกลัวกว่าเจ้าสำนักมากนัก คนผู้นี้ไม่อาจล่วงเกินได้ ไม่อาจล่วงเกินได้เด็ดขาด

“อ๊า!” อวิ๋นฮุ่ยกรีดร้องขึ้นมาเสียงดังลั่น ชายผู้นี้นับว่าเป็นฝันร้ายของนางเลยก็ว่าได้

“ใครก็ตามที่กล้าแตะผู้หญิงของข้า มันต้องตาย”

พลังอันแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านออกมาอีกครั้ง เหล่าคนที่อยู่รอบ ๆ พลันกลายเป็นโครงกระดูกขาวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  คนเหล่านั้นตายไปอย่างลึกลับ อย่าว่าแต่โอกาสตอบโต้เลย พวกเขาไม่มีแม้กระทั่งโอกาสที่จะป้องกันตัวด้วยซ้ำ

— ปัง!  ปัง!  ปัง! —

เมื่อคำกล่าวของจิ่วเยี่ยดังก้องขึ้น พลังน้ำแข็งในการสู้รบที่อยู่ข้าง ๆ ก็รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

ดวงตาเย็นยะเยือกคู่นั้นจ้องมองจิ่วเยี่ยและมู่เฉียนซี คิดอยากจะพรวดเข้าไปถกเถียงสักหน่อย แต่แล้วก็ต้องอดทนอดกลั้นเอาไว้  เขาหมายใจจะต่อสู้กับศัตรูเสียก่อน

มู่เฉียนซีจับมือจิ่วเยี่ยไว้  นางกล่าว “เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่ ? ไม่ได้มีผลกระทบอันใดต่อคำสาปของเจ้าใช่หรือไม่ ?”

จิ่วเยี่ยกล่าว เสียงเขาเย็นชาเหมือนเช่นเคย “ไม่มีปัญหา”

“ถึงจะไม่เป็นไรแต่ก็เจ้าก็ยังไม่ควรลงมือด้วยตัวเองเช่นนี้”

ทันใดนั้นมีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้น  ฉับพลันเกิดแสงสีเขียวอ่อนส่องประกายครอบคลุมไปทั่วทั้งพื้นที่

“หยุดเวลา!”

ทุกคนในที่นี้หยุดนิ่งลงทุกการเคลื่อนไหวทันที  มู่เฉียนซีรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น นางรีบใช้โอกาสนี้จัดการกับศัตรูอย่างรวดเร็วที่สุด

— ตูม! —

เป็นอาถิงนั่นเอง  ถึงแม้ว่าอาถิงจะหลับใหลไปในช่วงเวลาหนึ่งแล้วเพิ่งจะตื่นขึ้นมา แต่ระยะเวลาในการหยุดเวลานี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก นางจัดการศัตรูไปได้ไม่เท่าไหร่เวลาก็กลับมาเดินเป็นปกติอีกครั้ง

ผู้อาวุโสที่สาม อีกทั้งเจ้าสำนักอวิ๋นเห็นร่างของคนในสำนักตนเองล้มลงไปกับพื้นอย่างแปลกประหลาด  พวกเขารู้สึกใจแปลกใจขึ้นมา

เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้ ?!

คนเหล่านี้ของพวกเขา ถูกฆ่าสังหารไปตั้งแต่ตอนไหนกันหรือ ?

ผู้อาวุโสรองแค่นเสียงเข้มขรึม “หากเจ้ายังยืนยันที่จะปกป้องสตรีผู้นี้ เช่นนั้นข้าก็จะไม่เกรงใจเจ้าแล้ว!”

ทันใดนั้นแสงสีเขียวสว่างวาบขึ้น  ร่างที่งดงามของชายหนุ่มผู้หนึ่งปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน

คิ้วงามโค้งเหมือนภาพวาดหมึกดำ ผิวขาวราวหิมะ ใบหน้าที่งดงามหมดจดราวกับภาพวาดของจิตรกรฝีมือดี ผมยาวสีเขียวอ่อนสยายลงมาจากไหล่ราวกับไหมชั้นดี ภายใต้ขนตาราวกับปีกผีเสื้อกระพือนั้น คือดวงตาสีเขียวสุกใสที่ดูพร่างพราวชวนให้หลงใหล

พลังอันแข็งแกร่งอย่างไร้เทียมทานของจิ่วเยี่ยในตอนที่เขาปรากฏตัวนั้น ทำให้ทุกผู้คนตกใจจนลืมมองความงดงามของเขาไป แต่การปรากฏตัวของอาถิง กลับทำให้ทุกคนทึ่งในความงดงามราวเทพเซียนของเขา  เขาดูอ่อนช้อยไร้ซึ่งความก้าวร้าวใด ๆ

“พวกขยะไร้ประโยชน์!” อาถิงตะโกน

หลังจากที่อาถิงกล่าวดูแคลน ความงดงามตระการตาทุกอย่างก็ได้จางหายไปทันที

ผู้อาวุโสแห่งหุบเขาหมอเทวดา “เจ้ารนหาที่ตายเพิ่มอีกคนแล้วรึ ?  ดี! ข้าจะได้จัดการเสียทีเดียว”

อาถิงยกมือโบกเบา ๆ พร้อมส่งเสียงออกมาอย่างเชื่องช้า “ย้อนเวลากลับ”

ผู้อาวุโสหุบเขาหมอเทวดาที่กำลังพุ่งพรวดเข้ามา เดิมทีผมของเขาเป็นหงอกขาว แต่ภายในชั่วพริบตาเดียว ผมของผู้อาวุโสพลันเปลี่ยนเป็นสีเขียว ส่วนพลังวิญญาณที่เขามีก็ย้อนกลับไปเป็นพลังตอนที่เขายังหนุ่ม

ผู้อาวุโสรองยิ้มกริ่ม “ฮ่า ๆ ๆ  ข้ากลับมาเป็นหนุ่มอีกครั้ง เจ้าหนุ่ม นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมีความสามารถทำให้คนกลับมาเยาว์วัยได้  ดูเหมือนว่าข้าจะฆ่าเจ้าไม่ได้แล้ว  แต่ข้าจะพาเจ้ากลับไปยังหุบเขาหมอเทวดา จะทำการศึกษาในตัวเจ้าสักหน่อย ฮ่า ๆ ๆ”

มู่เฉียนซีเห็นเช่นนี้ก็ตกใจเล็กน้อย “อาถิง เจ้ากำลังทำให้เรื่องยุ่งยากไปมากกว่าเดิม เจ้าช่วยให้ศัตรูกลับไปเป็นหนุ่มอีกครั้งเช่นนี้ได้อย่างไร  เจ้าทำเช่นนี้ก็เท่ากับว่าเขายิ่งมีกำลังแข็งแกร่งขึ้น”

ทว่าในเวลาต่อมา ผู้อาวุโสรองถึงกับยิ้มไม่ออก ร่างกายเขาย้อนกลับไปเป็นตอนหนุ่มอีกครั้งก็จริง แต่พลังความแข็งแกร่งของเขาก็ย้อนกลับไปเป็นตอนที่เขายังหนุ่มด้วยเช่นกัน

เมื่อย้อนกลับไปถึงตอนที่เขาอายุยี่สิบปี พลังวิญญาณของเขายังแข็งแกร่งไม่เท่ากับมู่เฉียนซี  เท่านั้นยังไม่พอ พลังของอาถิงนั้นทำให้อายุเขาลดลงไปอย่างต่อเนื่อง  มันลดลงมาถึงตอนที่เขายังเป็นเด็ก และเด็กลงไปเรื่อย ๆ  สุดท้ายร่างของเขาก็กลายเป็นทารกตัวน้อย ๆ ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้

ให้ตาย! เด็กทารก!

ผู้อาวุโสรองตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมาก เขาจะร้องตะโกนออกมา แต่เสียงร้องของเขากลับเป็นเสียงร้องของเด็กทารก

“อุแว้ อุแว้ อุแว้!”

เมื่อคนอื่นเห็นเช่นนี้ต่างก็ร่นตัวถอยหลังด้วยความตกใจ

“ตัวประหลาด… ตัวประหลาดชัด ๆ…” เพียงแค่ขยับฝ่ามือเล็กน้อยก็สามารถทำให้คนกลายเป็นเด็กทารกได้ พลังนี้ช่างน่ากลัวอย่างมิอาจเปรียบได้โดยแท้

อาถิงหันมองพวกเขาด้วยแววตาดูถูกเหยียดหยาม เขาเป็นถึงศาลาเรือนรางเก้าชั้น มีความสามารถในการควบคุมเวลาได้ สามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้มันจะไปแปลกอะไรกันเล่า ?!

“พวกเราต้องนำตัวสตรีผู้นี้ไปให้เร็วที่สุด อย่าเพิ่งไปสู้กับสองคนนั้น!” ผู้อาวุโสที่สามรีบกล่าว

เวลานี้ร่างของผู้อาวุโสรองกลับกลายเป็นเด็กทารกไปแล้ว แต่ผู้อาวุโสที่สามยังไม่ยอมถอดใจ ถึงอย่างไรหม้อเทพนิรันดร์ก็เป็นเรื่องสำคัญที่สุด

อาถิง “พวกเจ้าล้วนแต่รนหาที่ตายกันทั้งสิ้น! ต้องสั่งสอนให้หลาบจำ”

— ตูม! —

ทว่าอาถิงยังไม่ทันได้ลงมือ ร่างของคนเหล่านั้นที่จะพุ่งเข้ามาหามู่เฉียนซีก็ได้กลายเป็นโครงกระดูกขาวไปเสียแล้ว

อาถิงกล่าวด้วยความไม่พอใจอย่างสุดซึ้ง “เจ้า! ใครใช้ให้เจ้าลงมือตัดหน้าข้า ?”

จิ่วเยี่ยเหลือบมองอาถิง แต่เขาไม่สนใจ กลับยังคงลงมืออย่างต่อเนื่อง

อาถิงกัดฟันกรอดด้วยความโกรธ แสงสีเขียวสาดส่องปกคลุมคนเหล่านั้น  จากนั้นร่างของคนเหล่านั้นพลันกลายเป็นเด็กทารก

“อุแว้ อุแว้ อุแว้!”

ความคิดของพวกเขานั้นยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่ร่างกายของพวกเขากลายเป็นเด็กทารกไปแล้ว ขยับไปไหนไม่ได้ พูดก็ไม่ได้ พลังวิญญาณที่แข็งแกร่งนั้นก็ว่างเปล่า  พวกเขาทำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่อย่างเดียว

นี่เป็นฝันร้ายที่ร้ายกาจที่สุด พวกเขามองร่างที่กลายเป็นโครงกระดูกขาวข้าง ๆ พวกเขา  เวลานี้พวกเขานั้นทรมานกว่าโครงกระดูกเหล่านั้นหลายเท่าพันเท่า

คนของหุบเขาหมอเทวดาถูกกำจัดไปจนหมดสิ้น บ้างก็กลายเป็นโครงกระดูกขาวโง่ ๆ ด้วยฝีมือจิ่วเยี่ย  บ้างก็กลายเป็นเด็กทารกที่ไร้พลังวิญญาณด้วยฝีมือของอาถิง

ส่วนคนของสำนักอวิ๋นเยียนนั้นเห็นท่าไม่ดี พวกเขาลอบถอยหนีไปในตอนที่จิ่วเยี่ยลงมือกับคนของหุบเขาหมอเทวดา  อย่างไรก็ตาม พวกเขานึกไม่ถึงเลยแม้สักนิดว่าบุรุษชุดดำเยือกเย็นกับบุรุษนัยน์ตาเขียวสุกใสผู้มีใบหน้างดงามราวเทพเซียนจะมีพลังน่าสะพรึงกลัวได้ถึงเพียงนี้

พวกเขาสามารถฆ่าสังหารคนของสำนักนิกายระดับสองได้อย่างง่ายดายราวกับฆ่ามดฆ่าแมลง  เป็นเช่นนี้แล้วพวกเขาก็คง…

— ปัง!  ปัง!  ปัง! —

เจ้าสำนักอวิ๋นในเวลานี้รู้ชะตากรรมตนเอง เขารีบคุกเข่าลงเพื่อร้องขอชีวิต “ท่าน… ได้โปรด… ไว้ชีวิตข้าเถิด ได้โปรด! ท่าน…”

“ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับหม้อเทพนิรันดร์นั่นแล้ว ส่วนสิ่งที่ได้ล่วงเกินไปนั้น ข้าจะชดเชยให้” อวิ๋นฮุ่ยเองก็รีบกล่าว แม่แต่นางผู้ที่อิจฉาริษยามู่เฉียนซี เมื่อนางเห็นฝีมืออันท้าทายสวรรค์ของจิ่วเยี่ยกับอาถิง นางถึงกับตกใจจนอกสั่นขวัญหาย ไม่มีแม้แต่อารมณ์จะต่อว่ามู่เฉียนซี

“ฮือ ๆ ๆ ข้ายังไม่อยากตาย ต่อไปนี้ข้าจะไม่ล่วงเกินเจ้าอีกแล้ว”

— ฟึ่บ!  ฟึ่บ!  ฟึ่บ! —

เข็มยาของมู่เฉียนซีพุ่งออกไปอย่างไร้ความปรานี ร่างคนของสำนักอวิ๋นเยียนต่างก็ล้มลงไปกับพื้นทีละคน ๆ

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชา “ข้าไม่ชอบปล่อยเสือเข้าถ้ำ เพราะฉะนั้นทางที่ดีที่สุดก็คือให้พวกเจ้าตายอยู่ที่นี่”

ในขณะที่มู่เฉียนซีกำลังจะลงมือกับเจ้าสำนักอวิ๋น ทันใดนั้นเจ้าสำนักอวิ๋นเอามือตบไปที่หน้าอกของตัวเองอย่างรุนแรง เขากระอักเลือดคำโต เลือดนั้นเปื้อนแผ่นหยกแผ่นหนึ่ง จากนั้นควันสีขาวก็ปกคลุมร่างเขาเอาไว้

อาถิง “คนผู้นั้นมีแผ่นมิติ เขากำลังจะหนี!”

— ฟึ่บ! —

การควบคุมเวลาของอาถิงนั้นไม่สามารถใช้ได้ในมิติ

เข็มยาเข็มหนึ่งของมู่เฉียนซีพุ่งออกไป ในขณะเดียวกันนั้น อวิ๋นฮุ่ยรีบพรวดเข้าไปหาท่านพ่อของนาง “ท่านพ่อ ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง  ท่านพ่อมีของล้ำค่าเช่นนี้ด้วย ท่านพ่อรีบพาข้าหนีเร็วเข้า ท่านพ่อรีบพาข้าหนีนะเจ้าคะ”

เจ้าสำนักอวิ๋นรู้สึกได้ว่าเข็มยาของมู่เฉียนซีที่กำลังพุ่งเข้ามานั้นอันตรายอย่างยิ่งยวด  พลังวิญญาณขั้นจักรพรรดิของเขาผลักร่างของอวิ๋นฮุ่ยออกไปขวางเข็มยานั้นไว้

— ขวับ! —

เข็มยาของมู่เฉียนซีปักเข้าที่ร่างของอวิ๋นฮุ่ยทันที ส่วนเจ้าสำนักอวิ๋นฉวยโอกาสนี้หนีไปอย่างรวดเร็ว

— ตุบ! —

ร่างของอวิ๋นฮุ่ยล้มกระแทกลงกับพื้น นี่เป็นพิษร้ายแรง  นางจะมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกไม่นาน ดวงตาของนางเบิกกว้าง  นางไม่อยากจะเชื่อเลยว่าท่านพ่อจะทิ้งนางไป

“ท่านพ่อ… เหตุใดท่านพ่อถึง…?”

มู่เฉียนซียิ้มเย้ยหยัน หนีอะไรก็หนีได้ แต่ไม่อาจหนีความตายไปได้

นอกจากเจ้าสำนักอวิ๋นแล้ว คนอื่น ๆ ไม่มีใครหนีรอดไปได้  ทันใดนั้นมู่เฉียนซีนึกขึ้นได้ว่ายังมีใครอีกคนหนึ่ง  นางหันไปมองตรงตำแหน่งที่ชายผู้นั้นยืนอยู่ก่อนหน้านี้

.