ตอนที่ 394 ทำอะไรกับข้าสักหน่อย

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ผลสุดท้ายคนที่ลงมือช่วยเมื่อครู่ก็หายวับไปโดยที่ไม่แม้แต่จะทักทายกันสักคำ ช่างน่าแปลกเสียจริง

ไม่ง่ายเลยที่จะจัดการกับศัตรูได้ ทว่าจิตสังหารในมิติแห่งนี้กลับยิ่งน่ากลัวขึ้นไปอีกมาก

ดวงตาเย็นชาคู่นั้นสบกับดวงตาสีเขียวสุกใส ฉับพลันทันใดประกายไฟและจิตสังหารสาดกระเซ็นไปทั่วทุกสารทิศ

“เอามาให้ข้า” อาถิงยังคงดื้อรั้น

“ไม่ได้!” จิ่วเยี่ยกล่าวโดยไร้ซึ่งความรู้สึกเห็นใจใด ๆ

บรรยากาศรอบด้านตึงเครียดขึ้นมา  มู่เฉียนซีดึงตัวอาถิงไว้ นางกล่าวว่า “อาถิง เจ้าอย่าได้หุนหันพลันแล่น  หรือเจ้าลืมบทเรียนจากการต่อสู้ครั้งใหญ่กับจิ่วเยี่ยแล้วว่ามันทำให้เจ้าต้องหลับใหลไปนานเช่นนี้ ?”

อาถิงมองมู่เฉียนซีอย่างไม่สบอารมณ์  “ดูเหมือนว่าช่วงที่ข้าหลับใหล เจ้ากับบุรุษผู้นี้เข้ากันได้ดีมากขึ้น  เจ้านั้นเห็นแก่ตัว!  เขาเป็นผู้มีพันธสัญญากับเจ้าหรือว่าข้าเป็นผู้ที่มีพันธสัญญากับเจ้า”

มู่เฉียนซีถึงกับกล่าวคำใดไม่ออก ทว่านางก็รู้สึกเริ่มโกรธ “ข้าอยู่ข้างเขา ได้! เช่นนั้นข้าจะอยู่ข้างเขา เจ้าสู้กับเขา!  หากเจ้าถูกเขาลงมือสังหาร ข้าจะไม่รับผิดชอบเก็บศพเจ้า”

เวลานี้เอง มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้น “ยาหยีเจ้าเก่งมาก! พวกเขาสองคนหึงหวงเจ้าแล้วจะสู้ประมือกัน ไม่เสียทีที่เจ้าเป็นสตรีผู้เป็นที่รักของข้า”

ใบหน้าของมู่เฉียนซีหม่นคล้ำ “ตาข้างไหนของเจ้าเห็นพวกเขาทะเลาะกันเพราะหึงหวงข้ารึเจ้าหม้อบ้า!  อ้อ และเจ้าจงเรียกชื่อข้า หรือไม่ก็เรียกว่านายท่าน”

“นายท่านหวานใจของข้า ข้าจะบอกเจ้าให้ เจ้าทำพันธสัญญากับข้าแล้ว มิติแห่งนี้จะพังทลายลง  เจ้าต้องรีบหน่อย มิเช่นนั้นหากถูกฝังทั้งเป็นที่นี่คงไม่ดีแน่”

เมื่อเห็นว่าสองบุรุษใจร้อนนั้นกำลังจะลงมือ  มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นอย่างเกรี้ยวโกรธ “พวกเจ้าสองคนหยุดประเดี๋ยวนี้! มิติแห่งนี้จะพังทลายแล้ว พวกเรารีบออกไปกันก่อนเถอะ อย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง”

เมื่อได้ยินมู่เฉียนซีกล่าว  หวงฝูอวี้และคนอื่น ๆ ก็รีบตามออกไปด้วย

เมื่อพวกเขาพุ่งออกจากวังวนนี้ ซากปรักหักพังโบราณทั้งหมดก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ราวกับคลื่นหายนะขนาดใหญ่กวาดผ่านมา หมายจะทำลายทุกสิ่งให้ราบเป็นหน้ากลอง

โบราณสถานแห่งนี้เป็นสถานที่ที่หม้อเทพนิรันดร์อยู่เพื่อรอคอยผู้เป็นนาย เวลานี้มันได้ยอมรับนายท่านแล้ว เช่นนั้นสถานที่แห่งนี้ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะตั้งอยู่อีกต่อไป

รอคอยมานานหลายปีเช่นนั้น ในที่สุดก็ได้รอจนพบเข้ากับนักปรุงยาที่ตรงกับความชอบของตนแล้ว

เกาะหลานหนิงเป็นเกาะหลักแห่งทะเลหลานหนิง เป็นเกาะที่มีความสวยงามเป็นอย่างมาก

หลังจากที่มู่เฉียนซีเดินทางถึงเกาะหลานหนิงอย่างปลอดภัย อาถิงกับจิ่วเยี่ยก็เปิดศึกขึ้นอีกครั้ง

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเอือม ๆ “อาถิง เจ้ากลับเข้าไปในมิติเถอะ ข้าขอล่ะ”

อาถิงฟึดฟัด เขากล่าวด้วยอาการในแบบของคนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม “เจ้า….เจ้าดุข้าเพราะเขา เจ้า…”

มู่เฉียนซี “ข้าก็แค่ไม่อยากจะให้เจ้าก่อเรื่องด้วยอารมณ์และต้องหลับใหลไปอีกครั้งก็เท่านั้น”

ได้ฟังคำมู่เฉียนซี อาถิงจึงระงับอารมณ์เกรี้ยวกราดของตนเอง

“จิ่วเยี่ย มิใช่ว่าเจ้ามีเรื่องที่จะต้องให้อาถิงช่วยหรอกรึ ?” มู่เฉียนซีถามขึ้น

จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยเสียงเย็นชา “ศาลาเรือนรางเก้าชั้น เจ้าไม่ใช่คู่ต้อสู้ของข้า”

“เจ้า!” อาถิงกัดฟัน “เจ้าอย่าได้ใจไปนักเลย หากข้าอยู่ในสถานะขั้นสูงสุด เจ้าจะตายอย่างไรก็ยังไม่อาจรู้”

“เจ้ากับข้า ไปกล่าววาจากันตามลำพังตรงอื่น”

“ตามลำพัง” อาถิงชะงักไป “ได้ ข้าเองก็มีเรื่องที่จะสนทนากับเจ้า”

สิ้นเสียงอาถิง เงาร่างทั้งสองหายไปต่อหน้ามู่เฉียนซี   มู่เฉียนซีนั้นกลัวจริง ๆ ว่าพวกเขาทั้งสองจะสู้กันขึ้นมาอีกครั้ง  พวกเขานั้นดื้อรั้นนัก นางไม่อยากจะสนใจแล้ว  นางยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ

“ตลอดชีวิตนี้ ในเมื่อข้านั้นเป็นผู้ที่ทำพันธสัญญากับเจ้าแล้ว รอเมื่อข้ากลับถึงบ้านเมืองข้า เจ้าจะต้องถอนพิษให้กับท่านอาเล็กของข้า” นางกล่าวกับหม้อเทพนิรันดร์

หม้อเทพนิรันดร์ “พิษโบราณที่เจ้ากล่าวถึงนั้นมันไม่แน่นอน ข้าเกรงว่าเราจะต้องพบคนที่โดนพิษเข้าถึงจะได้รู้ข้อมูลมากขึ้น และยาแก้พิษนั่น เจ้าจะต้องเป็นคนหลอมปรุงมันด้วยตนเอง”

“ข้า…” ด้วยความสามารถของนางในวันนี้นั้น มิอาจที่จะแน่ใจได้เลยว่าจะสามารถหลอมปรุงยาระดับนั้นออกมาได้

“แน่นอนว่าต้องเป็นเจ้า!  ข้านั้นเพิ่งจะตื่นขึ้นมา พลังของข้าเมื่อเทียบกับเมื่อก่อนนั้นยังห่างไกลอีกมากโข อีกไม่นานก็จะต้องเข้าสู่ภาวะหลับใหลเพื่อฟื้นฟูพลังอีกครั้ง  ข้าว่าเจ้ารีบกลับบ้านเมืองเสียจะดีที่สุด ไม่ต้องไปสนใจสองคนนั้นหรอก”

“กำลังจะหลับใหลในไม่ช้ารึ ?” สีหน้ามู่เฉียนซีเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทว่านางก็ไม่ได้จากไปเลยในทันที

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ามู่เฉียนซีนั้นจะรีบร้อนเพียงใด นางก็ต้องรออาถิงกับจิ่วเยี่ยกลับมา

หวงฝูอวี้ “แม่นางมู่ ท่านผู้นำของหอการค้าขอให้พวกเรากลับไปโดยเร็ว เกรงว่าพวกเราจะต้องไปแล้ว”

มู่เฉียนซี “ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะไม่แพร่งพรายเรื่องในวันนี้ออกไป แต่หากว่าเป็นน่าหลานอวี้นั้นไม่เป็นไร  ส่วนผู้อื่น…”

นางได้รับหม้อเทพนิรันดร์ หากข่าวนี้แพร่ออกไป เมื่อถึงเวลานั้นคงจะเกิดความวุ่นวายขึ้นไม่น้อยเลย

หวงฝูอวี้ยิ้ม  กล่าวว่า “แม่นางมู่ เจ้าเชื่อใจพวกข้ามากเช่นนี้ ข้าจะไม่เปิดเผยเรื่องนี้ออกไปอย่างแน่นอน ”

พวกเขารู้ดีว่าหากนางต้องการที่จะป้องกันการรั่วไหลของข่าวนี้อย่างสมบูรณ์ มีวิธีมากมายที่จะปิดปากของพวกเขาได้ แต่นางกลับไม่ได้ทำ

หวงฝูอวี้ถามขึ้น “แม่นางมู่ เจ้ารู้จักจักรพรรดิเซี่ยหรือไม่ ?”

มู่เฉียนซีตกตะลึง “ผู้ใดคือจักรพรรดิเซี่ยรึ ?”

“เขาคือคนที่ลงมือช่วยแม่นางมู่ครั้งก่อน  อีกทั้งยังเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีพลังวิญญาณธาตุน้ำแข็ง” หวงฝูอวี้รู้สึกประหลาดใจมากที่มู่เฉียนซีไม่รู้จักจักรพรรดิเซี่ย แต่จักรพรรดิเซี่ยกลับช่วยชีวิตนาง

“จักรพรรดิเซี่ยเป็นใครหรือ ?” มู่เฉียนซีถามอย่างระมัดระวัง

“ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใคร แต่เขาเป็นผู้ควบคุมราชวงศ์ในทวีปหิมะ และเป็นคนที่น่ากลัวอย่างมาก” หวงฝูอวี้กล่าว

จักรพรรดิเซี่ยลงมือช่วยนางสามครั้ง ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร  เขาคงไม่ใช่ศัตรู

หลังจากที่หวงฝูอวี้กับคนของเขาจากไป อาถิงและจิ่วเยี่ยก็กลับมา ใบหน้าที่ดูละเอียดอ่อนของอาถิงเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า  เขาจ้องมองจิ่วเยี่ยก่อนจะกล่าวว่า “จุดประสงค์ของเจ้าได้บรรลุแล้ว เหตุใดเจ้ายังไม่ไสหัวไปอีก!”

จิ่วเยี่ยมองมู่เฉียนซีอย่างลึกซึ้ง   เขากล่าวว่า “ข้าจะไปที่แคว้นเฉียนเซี่ย”

“อืม”

“อ๊ะ! อืม…” เมื่อเห็นว่ามู่เฉียนซีไม่ได้เอ่ยคำใด  จิ่วเยี่ยถือวิสาสะจุมพิตนาง

อาถิงที่อยู่ด้านข้างกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยวทันที “บัดซบ! เจ้ารีบปล่อยมู่เฉียนซีเร็ว ๆ เลย”

“สตรีบ้า! เจ้าเองก็กลับทำได้ลงคอนะ”

“เจ้า เหอะ!  เจ้ามีรสนิยมแบบใดกัน ?!”

คนสองคนกําลังจูบกันอย่างร้อนแรง อาถิงที่อยู่ข้าง ๆ ถึงกับอ้าปากค้างเบิกตามอง ทว่ายิ่งอาถิงโกรธมากเท่าไหร่ จิ่วเยี่ยก็ยิ่งจุมพิตมู่เฉียนซีลึกซึ้งมากขึ้นเท่านั้น ทําให้อาถิงโกรธจนระเบิดออกมา

“พอได้แล้ว น่าขยะแขยงนัก!”

จิ่วเยี่ยถอนจุมพิต แต่เขาก็กอดมู่เฉียนซีเพื่อเก็บหนี้ขณะที่ยิ้มเยาะอาถิงเล็กน้อย

มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย เจ้าจะไปแคว้นเฉียนเซี่ยไม่ใช่หรือ ?  เหตุใดเจ้า…”

“ข้าไม่ได้รีบร้อนมากนัก” จิ่วเยี่ยกล่าวเสียงต่ำ

ศาลาเรือนรางเกาชั้นช่างไร้ประโยชน์เสียจริง ต่อให้ใช้พลังทั้งหมดก็สัมผัสถึงได้เพียงตำแหน่งอย่างพอประมาณเท่านั้น  นั่นคือแคว้นเฉียนเซี่ย

มู่เฉียนซี “แต่ข้ารีบ หม้อเทพนิรันดร์กําลังจะหลับใหลแล้ว ข้าต้องรีบกลับไปยังแคว้นจื่อเยี่ยเพื่อไปดูอาการป่วยท่านอา  ข้าไม่สามารถล่าช้าได้ ”

หากนางปล่อยตัว ยอมให้จิ่วเยี่ยหลงระเริง วันทั้งวันนางคงไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อย่างแน่นอน

จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีไว้แน่น สุดท้ายก็ตามนางไป

คนทั้งสองเดินออกจากทะเล  อาถิงเห็นเช่นนั้นก็ตะโกนขึ้นด้วยความโกรธเคือง “เฮ้!  พวกเจ้ารอข้าด้วย  รอด้วย!”

ในตอนนี้พลังของเขานั้นถูกใช้ไปจนหมดสิ้น แต่กลับโดนพวกเขาทิ้งไว้เช่นนี้  เขาทนไม่ได้!

เขาได้แปลงร่างกลายเป็นแสงสีเขียว แล้วพุ่งเข้าไปในร่างกายของมู่เฉียนซี

ลมทะเลนั้นพัดผ่านหูไป ความเร็วของจิ่วเยี่ยจัดได้ว่าท้าทายฟ้าดิน เพียงเวลาพริบตาเดียว เขาก็ได้มาถึงบนผืนทะเลของแคว้นซูรื่อ

จิ่วเยี่ยวางร่างมู่เฉียนซีลง ดวงตามองไปที่นาง  เขากล่าวขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา “ซี… ข้านั้นจะต้องจากไปช่วงเวลาหนึ่ง ซีไม่อยากจะทำอะไรกับข้าก่อนที่ข้าจะไปสักหน่อยหรือ ?”

.