“หัวหน้ากู่,เสี่ยวหลัว เขาไปที่ คาสิโน ฮวางเทียน ของ หลง ซานกุย”
ขณะที่ รถโคโคล่า สีขาวของ จาง ซูซาน หยุดอยู่ที่ประตูทางเข้าของคาสิโน ฮวางเทียน รถสีดำที่ตามมาข้างหลังก็หยุดอยู่ไม่ไกลไปจากกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจในชุดธรรมดาสองคนในรถรายงานสถานการณ์ต่อ กู่ กุ้ยหลิน ในทันที
เพื่อรวบรวมหลักฐานการละเมิดกฎหมายของเสี่ยวหลัว กู่ กุ้ยหลิน จึงได้ใช่วิธีการที่โง่และตรงไปตรงมาที่สุดนั่นก็คือการฝ้าติดตามเขาตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อเสี่ยวหลัวได้ทำสิ่งใด สิ่งนั้นก็จะถูกรายงานไปที่เธอในทันที
กู่ กุ้ยหลิน ที่อยู่ที่อีกด้านของสายโทรศัพท์ หยุดครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอจึงพูดออกมาว่า “ดำเนินการตรวจสอบต่อไป หากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ให้รายงานให้ฉันทราบในทันที!”
“รับทราบ!”
เจ้สหน้าที่ตำรวจพยักหน้าอย่างหนักแน่นและวางสายไป
อย่างไรก็ตามในเวลานี้ทั้งสองคนต่างก็ได้มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป เพราะว่าตอนนี้พวกเขาเห็นเสี่ยวหลัวและพรรคพวกของเขาลงจากรถและเดินตรงมาหาพวกเขา
ถูกจับได้งั้นเหรอ?
ทั้งสองคนมองหน้ากันและเห็นความตกใจจากดวงตาของกันและกัน ในฐานะที่เป็นตำรวจที่มีประสบการณ์ในการติดตามและเฝ้าติดตามผู้ต้องสงสัย ทักษะการเฝ้าติดตามนี้พวกเขาได้ฝึกฝนมาเป็นเวลานาน และพวกเขาก็ไม่เคยถูกค้นพบโดยเป้าหมายของพวกเขาเลย นี่ถือเป็นครั้งแรกสำหรับพวกเขาที่ถูกค้นพบ มันเหนือความคาดหมายของพวกเขาโดยสิ้นเชิง พวกเขาแทบจะรู้สึกได้ว่าหัวใจของพวกเขามันกำลังจะกระโจนออกมาจากลำคอ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะกระจกรถดังก้องภายในรถ เมื่อพวกเขาหันไปมอง พวกเขาก็ได้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาที่ไม่แยแสของเสี่ยวหลัวที่กำลังจ้องมองมาที่พวกเขาอยู่
ตำรวจในชุดธรรมดาที่นั่งอยู่บนเบาะคนขับ ลดกระจกลงมาอย่างช้าๆ และถามอย่างระมัดระวังว่า“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?”
เสี่ยวหลัวพูดอย่างไม่สบอารมณ์“พวกคุณติดตามพวกเรามาตั้งแต่โรงพยาบาลแล้วไม่ใช่เหรอ กู่ กุ้ยหลิน ส่งพวกคุณมาหละสิ” เขาชี้ไปที่โทรศัพท์มือถือในมือของตำรวจในชุดธรรมดาที่นั่งอยู่ที่เบาะของผู้โดยสาร แล้วพูดออกมาว่า“โทรหาเธอ ฉันจะคุยกับเธอสักหน่อย”
คำพูดของเขามันแฝงไปด้วยคำสั่งที่ห้ามมิให้ผู้ใดขัดขืน ดูเหมือนว่าตราบใดที่พวกเขาปฏิเสธสิ่งที่เลวร้ายมันก็จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ทั้งสองคนนั่งเกร็งไม่กล้าที่จะหายใจ ตำรวจที่สวมชุดธรรมดาที่นั่งอยู่ในตำแหน่งของผู้โดยสาร โทรศัพท์หา กู่ กุ้ยหลิน อย่างเชื่อฟัง หลังจากที่เสี่ยวหลัวยื่นมือมาที่เขา เขาก็ส่งโทรศัพท์มือถือไปให้เสี่ยวหลัวทันที
“มีเรื่องอะไรใหม่?” ในอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ กู่ กุ้ยหลิน รีบสอบถามอย่างกระวนกระวายในทันที
“เจ้าหน้าที่กู่ นี่คือเสี่ยวหลัว”
คำพูดง่ายๆของ เสี่ยวหลัว มันทำให้ กู่ กุ้ยหลิน ตัวแข็งค้างไปในทันที
หลังจากที่หายจากอาการตกตะลึง กู่ กุ้ยหลิน ก็ถามเสียงดังในทันทีว่า “คุณทำอะไรกับพวกเขา?”
“ฉันไม่ได้ทำอะไร ฉันแค่อยากจะบอกกับคุณว่า วิธีการในการเฝ้าติดตามของคุณนั้นมันแย่มาก” เสี่ยวหลัว พูดกดเสียงต่ำลงอย่างเย็นชา
คำพูดเหล่านี้มันให้ตำรวจทั้งสองคนที่สวมเสื้อผ้าธรรมดาๆ หน้าแดงด้วยความอับอาย แต่พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะหาอะไรมาหักล้างได้เลย เพราะว่าพวกเขาถูกค้นพบจริงๆ
“คุณ …”
กู่ กุ้ยหลิน ขบฟันด้วยความโกรธ
เสี่ยวหลัว พูดออกมาอย่างดูถูก”เจ้าหน้าที่กู่ วันนี้คุณได้ละเลยหน้าที่ของคุณ ร้านค้าของ หลัวฝาง ได้ถูกพวกอันธพาลบุกเข้ามาทำลาย ฉันไม่เห็นว่าคุณจะเข้าไปจับกุมพวกมันแ ละชดเชยค่าเสียหายอะไรให้กับฉันเลย ความยุติธรรมที่คุณพูดกับฉันเมื่อวันก่อนมันหายไปอยู่ที่ไหนแล้วหละ ”
“เสี่ยวหลัว ฉันไม่ได้มีหน้าที่นั้น ร้านค้าของ บริษัท ของคุณ มันอยู่ในเขตรับผิดชอบของตำรวจเจียงเฉิงคนอื่น ฉันจะรับผิดชอบเฉพาะเรื่องของตัวเองเท่านั้น” กู่ กุ้ยหลิน พูด
เสี่ยวหลัว ดูถูก: “งานของคุณคือการเฝ้าติดตามฉันงั้นเหรอ? เจ้าหน้าที่กู่ คุณนี่ช่างมีเวลาว่างจริงๆ”
“ที่ฉันเฝ้าติดตามคุณ ฉันไม่จำเป็นที่จะต้องอธิบาย คุณเองก็คงจะรู้อยู่แก่ใจ” กู่ กุ้ยหลิน ตอบอย่างไม่พอใจ
“ดูเหมือนว่าไม่ว่ายังไง คุณก็ไม่สามารถที่จะขจัดความสงสัยเกี่ยวกับฉันได้”
เสี่ยวหลัว เลิกคิ้วขึ้นพร้อมหัวเราะออกมาเบาๆ “ในกรณีนี้ทำไมคุณไม่มาที่นี่ด้วยตัวเองซะเลยหละ ฉันอาจจะสร้างเรื่องอะไรบ้างอย่างที่ คาสิโน ฮวางเทียน ก็ได้ หากไม่มีคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยตรวจสอบการกระทำของฉัน ฉันกังวลว่าฉันอาจจะทำสิ่งผิดกฎหมายโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ”
โดยไม่รอให้ กู่ กุ้ยหลิน ได้ตอบกลับ เขาก็วางสายลงไปในทันทีและโยนโทรศัพท์มือถือกลับไปที่ตำรวจที่ใส่ชุดธรรมดาที่นั่งอยู่ที่เบาะของผู้โดยสาร
“เสี่ยวหลัว แกกำลังพยายามที่จะทำอะไร ขอให้ตำรวจมาจับตาดูในขณะที่แกกำลังจะสร้างปัญหาเนี้ยนะ สมองของแกมันลัดวงจรอยู่หรือไง”
จาง ซูซาน เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจกับการกระทำของ เสี่ยวหลัว เขาคิดกับตัวเองว่า“คนอื่นๆ ขณะที่พวกเขากำลังจะสร้างเรื่องก็สร้างเรื่องตอนที่พวกตำรวจไม่อยู่ แต่เมื่อพวกตำรวจมาถึงพวกเขาก็หนีหายไปไกล แต่กับเสี่ยวหลัวแล้วเขากลับมาบอกกับพวกตำรวจล่วงหน้าแทน ให้ตายเถอะ”
เสี่ยวหลัว ส่ายหัวแล้วพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “แกรู้ไหมว่าทำไม ฉันถึงให้แกไปเป็นตัวแทนของ บริษัท หลัวฝาง ในศาล?”
จาง ซูซาน ไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ และเขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไม เสี่ยวหลัว ถึงได้เปลี่ยนหัวข้อไปเป็นการพิจารณาคดีสาธารณะ ที่เขารู้สึกภาคภูมิใจกับมันมาก
จาง ซูซาน พยักหน้า: “มันเป็นเพราะว่าฉันเป็นคนที่แกไว้ใจได้ที่สุดใช่ไหมหละ”
“นอกเหนือจากนี้ มันยังมีจุดที่สำคัญที่สุดอยู่อีก”
เสี่ยวหลัว มองไปที่ จาง ซูซาน อย่างจริงจังแล้วพูดว่า “ฉันต้องการให้แกสร้างชื่อเสียง แกจะได้เป็นคนที่น่าเชื่อถือ เมื่อแกเข้ายึดครอง หลัวฝาง”
จาง ซูซาน ตกใจเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เสี่ยวหลัว จะวางแผนให้กับเขาเช่นนี้
“เราได้กำจัด ฝาง ฉงเหล่ ไปแล้ว และในตอนนี้เราก็กำลังเผชิญหน้ากับ หลง ซานกุย การจัดการกับ หลง ซานกุย เราจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการที่รุนแรงให้มากที่สุด แกก็จะต้องเป็นตัวแทนในภาพลักษณ์ที่ดีของ บริษัท หลัวฝาง ในอนาคต และแกก็จะต้องไม่มีสิ่งใดมาแปดเปื้อน นั่นคือเหตุผลที่ฉัน จะเป็นคนดำเนินการมาตรการที่รุนแรงทั้งหมดนี้เอง” เสี่ยวหลัว อธิบาย
“แกพูดอะไรออกมาห่ะ! แกกำลังหมายถึงอะไร แกกำลังจะกีดกันฉันงั้นเหรอ!” จาง ซูซาน ตอนนี้เขาได้เข้าใจถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของ เสี่ยวหลัว แล้ว
เสี่ยวหลัว ตบไหล่ของเขา “ฉันไม่ได้จะกีดกันแก แต่มันเรียกว่าการแบ่งงาน ฉันก็เป็นเช่นเดียวกันกับ หลง ซานกุย ที่อยู่เบื้องหลัง ที่ไม่เคยรับผิดชอบต่อสิ่งอื่นใด เขาทำเพียงแต่งตั้งตัวแทนในการดูแลทรัพย์สินภายใต้เขา ฉันก็กำลังจะทำเช่นเดียวกันกับเขา ในตอนนี้ฉันได้มอบหมายให้แกเป็นตัวแทนของ บริษัท หลัวฝาง แกจะต้องรับผิดชอบในการดูแลกิจการของ บริษัท และฉันก็จะรับผิดชอบในส่วนที่เหลือเองเข้าใจไหม”
“เข้าใจ…ไข่…ของแกสิ….อ๊ากกก”
อารมณ์ของ จาง ซูซาน ระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ เขาไม่รู้ว่าเขาควรจะรู้สึกอย่างไรที่ เสี่ยวหลัว ได้มอบความไว้วางใจให้กับเขา ก่อนที่เขาจะพูดจบประโยค เสี่ยวหลัวก็เตะเข้าไปที่เป้ากางเกงของเขา มันทำให้ความเจ็บปวดทรมานของเขาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า จาง ซูซาน จับไปที่ขาหนีบของตัวเอง และบีบต้นขาของเขาเข้าด้วยกันด้วยสีหน้าที่แสนเจ็บปวด
จาง ซูซาน ตะโกนใส่เสี่ยวหลัวในทันที“ ไอเชี้..ยเอ้ย แกจะมาเตะไข่ฉันทำไมฟระ?”
“แกพูดเองนิว่าอยากจะเข้าใจความเจ็บปวดของ ไข่ ของแก มันจะเป็นความผิดของฉันได้ยังไง”
เสี่ยวหลัว พูดหน้าตาย จากนั้นเขาก็หันไปมองที่ เฟิง อู๋ฮั่น และพูดออกมาอย่างจริงจังว่า “เฟิง อู๋ฮั่น เสี่ยวอู๋ พวกนายจะต้องไม่ปล่อยให้ รุ่ยอิง และ ถังเหริน ห่างออกไปจากสายตาของนายตลอด 24 ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่วันนี้เลย หากมีอะไรผิดปกติให้รายงานมาที่ฉันในทันที”
เนื่องจากเขาต้องการต่อสู้กับ หลัง ซานกุย ดังนั้นเขาก็ควรที่จะขจัดความกังวลทั้งหมดของเขาให้เสร็จ
“ไม่ต้องห่วงพี่ใหญ่เสี่ยว ไว้ใจพวกเราได้เลย” เฟิง อู๋ฮั่น ทุบหน้าอกตัวเองรับประกัน
หลังจากสั่ง เฟิง อู๋ฮั่น แล้ว เสี่ยวหลัว ก็หันมาสบตากับ จาง ซูซาน อีกครั้ง: “อย่ามาทำเป็นสำออย ฉันไม่ได้เตะแรงอะไรขนาดนั้น”
“น้องสาวแกสิ แกเตะฉันเจ็บแทบเจียนตาย” ใบหน้าของ จาง ซูซาน เปลี่ยนเป็นสีแดงตับหมู เขารู้สึกว่าไข่ของเขามันกำลังจะแหลกเป็นชิ้นๆ
ทันใดนั้น มันก็มีรถ SUV สีดำคันหนึ่งขับมาหาพวกเขาด้วยความเร็วสูง และมาเบรกหยุดรถใกล้กับพวกเขา ประตูเปิดออกและ กู่ กุ้ยหลิน ที่แต่งตัวอย่างสง่างามก็เดินลงมาจากรถ
“เธอมาแล้วแกออกไปก่อน” เสี่ยวหลัว พูดกับ จาง ซูซาน
“แกอยากจะทิ้งฉันจริงๆงั้นเหรอ?” จาง ซูซาน พูดเมื่อเขาได้ยินคำพูดของเสี่ยวหลัว
อย่างไรก็ตามการแสดงออกของ จาง ซูซาน นั้นก็เปลี่ยนไปในทันที เขารีบหันหนีออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อหลีกเลี่ยงจากการถูกซุ่มโจมตีโดย เสี่ยวหลัว อีกครั้ง
“ไอจอมโฉด แกมันโหดร้ายมาเสี่ยวหลัว! น้องเฟิงไปกันเถอะ ให้ไอจอมโฉดคนนี้ มันคุยกับตำรวจหญิงที่รักของมันไป แต่ถ้าเสี่ยวหลัวมันได้บังเอิญไปคุยกันในห้องขังหละก็ พี่ชายคนนี้จะตีกลองและจุดประทัดฉลองในทันที!”
จาง ซูซาน รู้สึกหดหู่เขาต้องการที่จะต่อสู้เคียงข้าง เสี่ยวหลัว ถึงแม้ว่ามันจะผิดกฎหมาย แต่ เสี่ยวหลัว มันกลับได้เตะไข่ของเขาเพื่อขู่เขา มันทำให้เขาไม่มีทางเลือก เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่เจ็บปวดมากเกินไป