ตอนที่ 172 ลืมเลือนความเจ็บปวด

ระบบอัจฉริยะที่ไม่มีใครเสมอเหมือน

ในห้องผู้ป่วย ซุนยู้ นอนพักฟื้นอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล แม้ใบหน้าของเธอจะซีดเซียว แต่ถึงกระนั้นเธอก็ดูเหมือนกับเจ้าหญิงนิทราที่เงียบสงบ หน้ากากออกซิเจนที่เธอสวมอยู่มันไม่สามารถซ่อนความงามอันวิจิตรของเธอได้แต่อย่างใด

เสี่ยวหลัวนั่งอยู่ข้างเตียงของเธอ พลิกดูหน้าสมุดโน๊ตสีชมพูทีละหน้า

นี่คือสมุดบันทึกลับของซุนยู้ ที่พ่อซุนและคุณนายซุนพบที่บ้านของเธอ

“ในที่สุดฉันก็มุ่งหน้าไปยังเมืองใหญ่ ฉันทั้งตื่นเต้นและดีใจมาก โรงภาพยนตร์และห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่สวนสาธารณะที่สวยงาม … ฉันมาแล้ว!”

“ฉันมาที่ เจียงเฉิง ซึ่งเต็มไปด้วยความหวังที่สดใสสำหรับอนาคต แต่ฉันไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า สถานที่แห่งนี้มันจะหนาวเหน็บและเลวร้ายได้ขนาดนี้ ในครึ่งปีที่ผ่านมามันไม่มีสิ่งดีๆเกิดขึ้นกับฉันเลย มันเหมือนกับว่าฉันกำลังตกลงไปในหลุมลึก ฉันกำลังดิ้นรนและฉันก็ต้องสู้กลับ… แต่ยิ่งสู้ฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าสิ่งนี้มันไม่มีทางที่จะผ่านพ้นไปได้”

“ความสกปรกมันค่อยๆเติมเต็มร่างกายของฉันและกัดกร่อนจิตวิญญาณของฉัน มันเหมือนกับว่ามีมดนับพันๆตัวกำลังคลานอยู่บนร่างกายของฉัน มันฉีกกระชากและกัดที่ผิวหนังของฉัน มันทำให้ฉันเจ็บปวดมากจนฉันแทบอยากจะตาย ฉันต้องการที่จะหลบหนีจากการควบคุมของปีศาจ และทุกครั้งที่ฉันยอมจำนนต่อความทรมานนี้ฉันก็ยิ่งจมลึกลงไป…นี่มันเลวร้ายยิ่งกว่าความตายซะอีก”

……

มันเป็นกระดาษกองใหญ่ที่เต็มไปด้วยถ้อยคำแห่งการต่อสู้และการอัดอั้น แม้กระทั้งหน้ากระดาษหมึกก็ยังดูเข้มกว่าหน้าอื่นเล็กน้อย

“วันนี้ฉันมีความสุขมาก ฉันได้พบกับผู้ชายที่น่ารักคนหนึ่งเขาชื่อเสี่ยวหลัว เขาเป็นพี่ชายของพี่สาว รุ่ยอิง และเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของฉันด้วย เขาเป็นคนที่สะอาดหล่อเหลาดูลึกลับเหมือนกับแสงสว่างเจิดจ้าที่คอยส่องผ่านมาที่ชีวิตที่มืดมนของฉัน”

“ฉันคิดว่าฉันกำลังตกหลุมรักเขา…”

“เพื่อความรักฉันจะต้องหนีจากการควบคุมของปีศาจให้ได้ ฉันทำได้แน่ เจ้าหนี้รายใหญ่คุณต้องรอฉันนะ”

“ในที่สุดเจ้าหนี้รายใหญ่ก็สารภาพรักกับฉัน แต่ทำไมเขาถึงต้องเป็นเจ้าของ บริษัท หลัวฝาง ด้วย? เขาโดดเด่นมากซะจนฉันมัวหมอง…เจ้าหนี้รายใหญ่ได้โปรดยกโทษให้ฉันที่ปฏิเสธคุณด้วย ฉันไม่คู่ควรกับคุณ!”

“ความรู้สึกของการถูกแมลงกัดกินมันเริ่มขึ้นอีกแล้ว ฉันควรที่จะทำอย่างไร? เจ้าหนี้รายใหญ่ฉันควรทำอย่างไรดี”

บันทึกหยุดลงตรงนี้อย่างกะทันหัน ตอนนี้อารมณ์ของ เสี่ยวหลัว เริ่มหนักขึ้น

เขาหันหน้าไปมองหญิงสาวที่ป่วยซึ่งนอนเงียบๆอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล ตอนนี้เห็นได้ชัดเลยว่าเขาเป็นสาเหตุหลักที่ซุนยู้ตัดสินใจกระโดดลงมาจากตึก หากไม่ใช่เพราะคำสารภาพที่บุ่มบ่ามของเขา และทำให้เธอรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา แม้ว่าเธอจะไม่สามารถรอดพ้นจากเงื้อมมือของ เหอ หร่วนเหลียง ได้ แต่เธอก็คงจะไม่ตัดสินใจฆ่าตัวตายแบบนี้อย่างแน่นอน

เมื่อมองไปที่เธอ ซึ่งตอนนี้เธอดูเหมือนกับดอกไม้ที่เหี่ยวเฉา เสี่ยวหลัว อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิด

“ฉันไม่เคยคิดเลยว่า การปรากฏตัวของฉัน มันจะทำให้คุณเจ็บปวดมากขนาดนี้ ฉันเพิ่งจะได้รู้ว่าเมื่อตอนที่ฉันได้อยู่ด้วยกันกับคุณ มันทำให้ฉันไม่ได้รู้สึกกดดันเลย ในสายตาของฉันคุณจะเป็นผู้หญิงที่สวยใจดีและอ่อนโยนเสมอ การเต้นรำที่คุณแสดงในงานเลี้ยงกลางฤดูใบไม้ร่วง มันมีชีวิตชีวามีเสน่ห์และสง่างาม และคุณก็เป็นเหมือนกับนางฟ้าที่มาเยือนยังโลกใบนี้ ในเวลานั้นหัวใจของฉันก็ได้ถูกจับกุม หัวใจของฉันมันเป็นของคุณแล้ว ฉันอยากจะให้คนทั้งโลกรู้ว่าคุณคือผู้หญิงของฉัน”

เสี่ยวหลัวซึ่งปกติเขาเป็นคนที่พูดไม่เก่ง แต่ตอนนี้คำพูดของเขามันก็ไหลพรั่งพรูออกมาพร้อมกับอารมณ์ของเขาขณะที่เขานั่งอยู่คนเดียวกับซุนยู้ คำพูดทุกคำมันล้วนเป็นคำพูดที่มาจากใจของเขา

แต่มันก็ไม่มีการตอบสนองใดๆจากซุนยู้ แม้แต่ปลายนิ้วของเธอก็ยังไม่ได้กระตุกเลยแม้แต่น้อย เธอตกอยู่ในสภาพเข้าหญิงนิทรา ในขณะที่การทำงานของร่างกายของเธอยังทำงานได้ดี แต่เธอก็ยังไม่ได้สติ นี่เป็นสัญชาตญาณตามธรรมชาติของการรักษาตนเองของมนุษย์ เมื่อต้องเผชิญกับความเป็นจริงที่ทนไม่ได้ เธอจึงเลือกที่จะนอนหมดสติตกอยู่ในอาการโคม่าตลอดไป

“ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะฉัน ดังนั้นฉันก็ควรที่จะเป็นคนจบทุกอย่าง!”

เสี่ยวหลัวหลับตาลงแล้วตัดสินใจอย่างเจ็บปวด วิธีเดียวที่เขาจะช่วย ซุนยู้ ได้ในตอนนี้ก็คือ การให้เธอลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นใน เจียงเฉิง ทุกอย่างรวมทั้งตัวของเขาเองด้วย

“ติ้ง! ขอแสดงความยินดี ที่โฮสต์ได้แลกความสามารถในการสะกดจิตหักแต้ม 8,000 แต้ม!” ในหัวของเขามีเสียงการแจ้งเตือนของระบบดังขึ้น

เสี่ยวหลัว ยื่นนิ้วชี้ของเขาออกไปกดที่ระหว่างคิ้วของ ซุนยู้ และหลับตาลง จากนั้นเขาก็เริ่มรู้สึกถึงโลกแห่งจิตใต้สำนึกของ ซุนยู้

“ลืมความเจ็บปวดพวกนี้ และกลับไปสู่ชีวิตในอนาคตที่เต็มไปด้วยโรงภาพยนตร์ห้างสรรพสินค้าและสวนสาธารณะ … ทุกอย่างมันยังคงอยู่ในความฝันของคุณ ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณเคยสัมผัสมันเป็นเพียงแค่ความฝัน เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นในวันพรุ่งนี้ คุณก็จะลืมเลือนทุกสิ่ง สิ่งที่เกิดขึ้นในความฝันผู้คนและสิ่งต่างๆเหล่านั้นจะค่อยๆสลายหายไป และชีวิตของคุณ ก็จะกลับมามีความหมายอีกครั้ง!”

เสี่ยวหลัว เข้าแทรกแซงจิตใต้สำนึกของ ซุนยู้ ด้วยเสียงที่แทรกซึมเข้าไปในจิตวิญญาณของเธอ ดังนั้นข้อมูลจำนวนมากในจิตใต้สำนึกของเธอ จึงรวมตัวกันใหม่และสมองของเธอจึงตอบสนองทีละน้อยทีละน้อยเพื่อลบล้างความทรงจำที่เจ็บปวดเหล่านั้นออกไป

นี่เป็นกระบวนการที่ยาวนาน!

ใช่เวลาไม่ถึงเที่ยงคืนการสะกดจิตก็สิ้นสุดลง เสี่ยวหลัว เหนื่อยหอบราวกับว่าเขาป่วยหนักเนื่องจากมีการใช้สมาธิอยู่นาน เขาหยิบไดอารี่ของซุนยู้ขึ้นมาแล้วลุกขึ้นยืน จากนั้นเขาจึงก้าวเท้าเดินออกไปอย่างหนักด้วยความรู้สึกเศร้าโศก

ในขณะที่เขาปิดประตูนิ้วของซุนยู้ก็ขยับเล็กน้อย มันมีน้ำตาสองสายไหลรินลงมาจากหางตาของเธอ ซึ่งมันทำให้ใบหน้าที่ซีดเซียวของเธอในตอนนี้มันมีน้ำตาสองหยดอยู่บนแก้ม

……

“ประธานเสี่ยว!” พี่ชาย!”

ที่ทางเดินด้านนอก ซุน เจี้ยนอัน เสี่ยวรุ่ยอิง และ ถังเหริน รีบไปพยุงเขา

เสี่ยวหลัวโบกมือ ให้พวกเขาไม่ต้องกังวลจาก นั้นนั้นเขาก็หันไปหา พ่อซุน และ คุณนายซุน“เมื่อเธอตื่นขึ้นมาในวันพรุ่งนี้ ให้ย้ายเธอไปที่โรงพยาบาลอื่น ออกจาก เจียงเฉิง ไปซะ อย่าปล่อยให้เธอกลับมาที่นี่อีก และอย่าพูดถึง เจียงเฉิง อีกเด็ดขาด”

หลังจากพูดจบเขาก็หันเดินจากไป โดยที่ไม่ได้หันกลับมามองเลยแม้แต่วินาทีเดียว

จาง ซูซาน และ เฟิง อู๋ฮั่น มารออยู่ที่ด้านนอกของโรงพยาบาลอยู่ก่อนแล้ว

เสี่ยวหลัวเข้าไปในรถโดยที่ไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ

เสี่ยวหลัวปรับที่นั่งให้เอนไปด้านหลังให้มากที่สุด จากนั้นเขาก็นอนลงและหลับตา กำลังของเขากำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆ แต่ในขณะเดียวกันนั้นเขาก็ต้องทนทุกข์ทรมานจากความเศร้าโศก

แม้ว่าการสะกดจิตจะทำให้ซุนยู้ ลืมทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในเจียงเฉิง แต่มันก็ทำให้เธอไม่สามารถพบใครที่เคยเห็นใน เจียงเฉิง ได้อีก โดยเฉพาะกับเขา มิฉะนั้นการสะกดจิตจะเสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็วและซุนยู้ เธอก็จะจดจำทุกสิ่งได้อีกครั้ง

ซึ่งนั่นมันก็หมายความว่า พวกเขาจะไม่ได้พบกันอีกเลย การจากลาในครั้งนี้มันจะเป็นการจากลาชั่วนิรันดร์

“เสี่ยวหลัวแกโอเคไหม” จาง ซูซาน ถามอย่างรู้สึกเป็นห่วงจากที่นั่งคนขับ

เสี่ยวหลัว พูดตอบ“ขับรถ”

“เราจะไปที่ไหน?”

“ทุกที่”

จาง ซูซาน ถอนหายใจยาว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็น เสี่ยวหลัว ตกอยู่ในห่วงอารมณ์ที่เศร้าโศกเช่นนี้ เขารู้ว่ามันเกี่ยวข้องกับซุนยู้ แต่มันก็ไม่มีอะไรที่เขาจะสามารถทำได้ หลังจากที่ได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับซุนยู้ เขาก็ทำได้แต่เพียงให้แสดงความเสียใจและความเห็นใจ

“พี่ใหญ่ พี่ต้องเข้มแข็งเข้าไว้นะ” เฟิง อู๋ฮั่น ให้กำลังใจจากเบาะหลัง

“ใช่แล้ว ตอนนี้แก๊งมังกรกำลังอาละวาด พวกเขามักจะมาทำลายหน้าร้าน หลัวฝาง ของเรา แกไม่สามารถล้มลงในในตอนนี้ได้”

คำพูดของ เสี่ยวอู๋ เป็นเหมือนกับยาอายุวัฒนะที่ฉีดตรงเข้าไปในเส้นเลือดของ เสี่ยวหลัว มันทำให้เขาลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจในทันที

“ตอนนี้เราสูญเสียไปประมาณเท่าไหร่”

“ประมาณ 50 ล้าน”

แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่า เสี่ยวหลัว กำลังตกอยู่ในสถานะอะไร และกำลังคิดสิ่งใดอยู่ แต่ จาง ซูซาน ก็ยังคงรายงานความสูญเสียทั้งหมดตามความเป็นจริง