ตอนที่ 459 หายาถอนพิษ
แน่นอนว่าอันหลิงเกอมิได้ใช้โอกาสนี้กลั่นแกล้งองค์ชายเจ็ด เพราะนอกจากมิทำร้ายเขาแล้ว นางยังส่งเขากลับวังหลวงโดยปลอดภัยอีกด้วย
ตอนนี้เขากลายเป็นนักโทษที่ฝ่าฝืนกฎของกองทัพ นางจัดการเขาโดยพลการได้หรือไร ?
อันหลิงเกอแอบหัวเราะในใจ จ้าวหลานหยู่นะจ้าวหลานหยู่ เรื่องที่มิควรทำเจ้ากลับทำ คนที่มิควรยุ่งเจ้าก็มายุ่ง ช่างโง่เขลายิ่งนัก
“คือ…ข้าน้อยรับบัญชาขอรับ” ทหารใต้บังคับบัญชาแม้ลังเลแต่สุดท้ายก็รับคำสั่ง
เพราะศึกในครั้งนี้ทำให้พวกเขารู้ว่าใครคือผู้นำในอนาคตกันแน่ องค์ชายเจ็ดมิมีทางได้เป็นอย่างแน่นอน !
ภายภาคหน้าหากท่านอ๋องมู่สนับสนุนผู้ใด คนผู้นั้นก็คือฮ่องเต้องค์ต่อไป
หลังจากนั้นอันหลิงเกอก็เก็บของอย่างรวดเร็วแล้วรีบออกเดินทาง
ก่อนหน้านี้นางมิเคยไปเมืองหลวงของแคว้นชิงเยว่ ตอนนี้ทั้งสองแคว้นกำลังทำศึกกันอยู่ ภายในใจนางรู้ดีว่าการเดินทางครั้งนี้มิง่ายเลย แต่มิว่าอย่างไรนางก็ต้องนำยาถอนพิษกลับมาให้ได้
ผ่านไปครึ่งวัน อันหลิงเกอก็เหยียบเข้ามาในประตูเมืองหลวงแคว้นชิงเยว่
เดิมทีอันหลิงเกอก็อยู่ในเขตสงครามของทั้งสองแคว้นอยู่แล้ว ระยะทางมิได้ไกลจากเมืองหลวงมากนัก
แต่เมื่อก้าวเข้ามาในนี้ก็ทำให้อันหลิงเกอรู้สึกสับสนมิน้อย เนื่องจากนางรู้แค่พิษนี้เป็นของราชวงศ์ชิงเยว่ แต่มิรู้ว่าควรไปหาผู้ใดดี เมืองหลวงแคว้นชิงเยว่ใหญ่โตเพียงนี้ นางควรไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน
ทันใดนั้นอันหลิงเกอก็นึกได้ว่าก่อนหน้านี้ซูโจวเคยให้หนอนกู่นางไว้ เพียงแค่ปล่อยมันออกไป จากนั้นมินานคนที่โดนพิษก็จักมาหานางและทำตามคำสั่งของนางทันที
วันนี้นางขอลองสักหน่อย เมื่อคิดได้ดังนั้นนางก็นำหนอนกู่ออกมาและปล่อยมันไป
เพียงเวลาแค่หนึ่งเค่อก็มีคนกระโดดลงมาจากหลังคาบ้าง ตรอกซอกซอยบ้าง อันหลิงเกอเห็นเช่นนั้นก็ยกยิ้มเล็กน้อย ยังดีที่ใช้เวลามินานเท่าไร
“พวกเจ้ารู้เกี่ยวกับยาพิษเรื้อรังฤทธิ์รุนแรงชนิดหนึ่งซึ่งมีเพียงราชวงศ์ชิงเยว่ใช้ได้หรือไม่ ? ”
“ยาพิษส่วนใหญ่ของราชวงศ์ชิงเยว่มีฤทธิ์เร็ว แต่มีเพียงชนิดเดียวที่ออกฤทธิ์ช้าและเรื้อรัง ยาถอนพิษน่าจักอยู่ที่ท่านอ๋องหนิงขอรับ” คนผู้หนึ่งท่าทางคล้ายองครักษ์เอ่ยออกมาช้า ๆ แม้ดวงตาของเขาเลื่อนลอยแต่ยังคงบอกเรื่องที่อันหลิงเกออยากรู้ได้อย่างชัดเจน
“แล้วจวนของอ๋องหนิงอยู่ที่ใด ? ” อันหลิงเกอเอ่ยถามพลางหรี่ตาลง พึมพำกับตนเองว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับแคว้นชิงเยว่จริงด้วย
อีกทั้งอ๋องหนิงผู้นี้ยังเคยไปที่ต้าโจว หากจำมิผิดคนที่เขาติดต่อด้วยก็มีเพียงองค์ชายเจ็ดเท่านั้น !
“ออกจากตรอกนี้แล้วตรงไป จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายที่ประตูวังขอรับ” อยู่ใกล้วังหลวงถึงเพียงนี้ช่างมีฐานะสูงส่ง ดูท่าแล้วองค์ชายเจ็ดจักหาคนหนุนหลังได้ดีมิน้อยเลย
“พวกเจ้าไปได้” หลังจากที่อันหลิงเกอไล่พวกคนโดนพิษไปแล้วก็เดินหาโรงน้ำชาแห่งหนึ่งเพื่อนั่งฟังนิทาน ยามกลางวันเช่นนี้เป็นเวลาที่ทหารลาดตระเวนเข้มงวดที่สุด นางมิโง่ไปเสี่ยงเด็ดขาดเพราะการบุกจวนอ๋องต้องวางแผนให้ดีเสียก่อน
อันหลิงเกอนั่งครุ่นคิดถึงแผนการที่จักลงมือในคืนนี้
การเข้าไปนั้นมิเท่าไร แต่การลงมือเยี่ยงไร หากสำเร็จแล้วออกมาอย่างไร เหล่านี้ต่างหากเป็นเรื่องยาก
อย่างไรอ๋องหนิงก็มีฐานะสูงส่ง การบุกเข้าจวนของเขาและการผ่านทหารยามเข้าไปมิใช่เรื่องง่าย ยิ่งมิต้องกล่าวถึงการได้ออกมาซึ่งแทบเป็นไปมิได้
“นึกถึงตอนนั้น ท่านอ๋องหนิงออกไปทำศึกกับต้าโจวและได้พบรักกับสตรีชาวต้าโจวคนหนึ่ง แต่ท่านอ๋องหนิงเป็นคนหยิ่งทะนง เขามิยอมให้หญิงชาวบ้านธรรมดาแต่งเป็นชายาเอก สตรีนางนั้นก็เป็นคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีเพราะนางมิยอมแต่งเป็นสนม สุดท้ายจึงกระโดดลงทะเลสาบ เฮ้อ ช่างน่าเศร้ายิ่งนัก”
นักเล่านิทานกล่าวถึงเรื่องนี้ออกมา อันหลิงเกอได้ยินก็มิรู้ควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี ที่แท้อ๋องหนิงผู้นี้ยังมีเรื่องราวความรักด้วยหรือ น่าเสียดายที่เกิดมาเป็นเชื้อพระวงศ์
ในที่สุดความมืดก็กล้ำกรายเข้ามา อันหลิงเกอครุ่นคิดอยู่ฝั่งตรงข้ามจวนอ๋องหนิงมานานแล้ว นี่เป็นส่วนต่ำสุดของกำแพงชั้นนอกและยังได้ยินเสียงน้ำไหล น่าจักเป็นสวนที่ทหารยามเฝ้าน้อยที่สุด หลังไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งอันหลิงเกอก็กระโดดเข้าไปด้านในเบา ๆ
ท้องฟ้าตอนนี้มิได้มืดสนิท อันหลิงเกอจึงแอบอยู่หลังภูเขาจำลองในสวนเพื่อรอเวลา
“องครักษ์ ได้ความว่าอย่างไรบ้าง ? ” ขณะที่อันหลิงเกอกำลังเตรียมทำตามแผนการที่วางเอาไว้ก็ได้ยินเสียงยั่วยวนของสตรีคนหนึ่งดังขึ้น
“เรียนหวางเฟย คืนนี้ท่านอ๋องมีประชุมกับองค์รัชทายาทที่ห้องหนังสือ คาดว่าคงมิได้ไปเรือนใดเลยพ่ะย่ะค่ะ”
อันหลิงเกอที่เติบโตมาในจวนโหวตั้งแต่เด็ก เห็นเรื่องการต่อสู้ชิงดีชิงเด่นและการใช้เงินซื้อตัวคนรับใช้มามิน้อย
ดูท่าแล้วภายในใจอ๋องหนิงยังนึกถึงสตรีผู้นั้นอยู่เป็นแน่
หลังจากรอให้สองคนนั้นจากไปแล้ว อันหลิงเกอจึงค่อย ๆ ลอบเข้าไปด้านในของจวน ดีที่แม้อันหลิงเกอปลอมตัวเป็นบุรุษแต่ด้วยรูปร่างที่เล็กของนางจึงทำให้หลบซ่อนตัวได้ดี
จนเมื่อมาถึงเรือนด้านหลังของจวนแล้วเห็นห้องที่สว่างอยู่นั้น ภายในเหมือนมีเงาของคนสองคนอยู่ นี่คงเป็นห้องหนังสือที่องครักษ์กล่าวถึงเมื่อครู่ คนด้านในคงเป็นองค์รัชทายาทและอ๋องหนิงนั่นเอง
หลังจากนั้นอันหลิงเกอก็ย่องไปใต้หน้าต่างและมองเข้าด้านในห้อง
“ตอนนี้องค์ชายเจ็ดขาดการติดต่อไป ศึกครั้งนี้ชนเผ่าก็พ่ายแพ้ มิรู้ว่าต่อไปควรทำเช่นไรดี เสด็จอามีคำแนะนำหรือไม่ ? ”
เมื่อเห็นรัชทายาทพูดจานอบน้อมกับอ๋องหนิงเพียงนี้ ภายในใจของอันหลิงเกอก็ยิ่งมั่นใจในอำนาจของอ๋องหนิงยิ่งขึ้น
“องค์ชายเจ็ดเป็นแค่หมากตัวหนึ่งเท่านั้น หนทางยังอีกยาวไกลนัก รัชทายาทมิต้องกังวลไปพ่ะย่ะค่ะ” น้ำเสียงทุ้มนุ่มแฝงไว้ด้วยความเย่อหยิ่ง คนผู้นี้มิธรรมดาจริง ๆ
แต่คำที่พวกเขาสนทนากันก็ทำให้อันหลิงเกอมั่นใจเรื่องที่องค์ชายเจ็ดร่วมมือกับศัตรู คนขายแผ่นดินเช่นนี้สมควรตาย !
น่าเสียดายที่นางมิรู้ว่าสายลับของแคว้นชิงเยว่มีมากน้อยเท่าใด ตอนนี้จึงมิอาจกำจัดองค์ชายเจ็ดได้
อันหลิงเกอทำได้เพียงกำหมัดแน่น !
ในตอนนั้นเองนอกประตูก็มีเสียงของหวางเฟยมาขอเข้าพบ อันหลิงเกอจึงได้ยินเสียง จิ้ ปากของบุรุษในห้องอย่างชัดเจนราวกับมิพอใจสักเท่าไร
องค์รัชทายาทเห็นดังนั้นก็รีบขอตัวลา เห็นได้ชัดว่าเขามิอยากซวยตอนที่อ๋องหนิงโมโห
“ท่านอ๋อง เชี่ยเซินได้ยินว่าท่านจัดการเรื่องบ้านเมืองจนดึกดื่นจึงนำยาบำรุงมาให้เจ้าค่ะ” เสียงของสตรีด้านนอกแหลมจนแสบแก้วหูของอันหลิงเกอ
“วางไว้ตรงนั้น ! ” น้ำเสียงเย็นชาของอ๋องหนิงเผยชัดถึงความมิพอใจ หวางเฟยเดินวนไปมาที่ประตูอยู่สองสามก้าว แม้มิพอใจแต่นางรู้นิสัยของท่านอ๋องดี สุดท้ายจึงยอมถอยออกไป
อันหลิงเกอเห็นอ๋องหนิงเดินเข้าด้านในห้องราวกับนอนหลับไปแล้ว
จากนั้นพักใหญ่อันหลิงเกอจึงค่อย ๆ ลอบเข้าไปในห้องหนังสือ
หลังหาทุกที่แล้วก็ยังมิพบสิ่งใด ภายในใจของอันหลิงเกอก็รู้สึกหงุดหงิดมิน้อย บุรุษที่ฉลาดหลักแหลมเช่นนี้จักเก็บยาถอนพิษไว้ที่ใด ?
เมื่อสำรวจอีกครั้งหนึ่ง อันหลิงเกอก็เห็นภาพสตรีแขวนไว้บนกำแพงจึงทำให้นึกถึงสตรีชาวเจียงหนานที่นักเล่านิทานกล่าวถึงเมื่อกลางวันขึ้นมา อันหลิงเกอรีบคลำสำรวจบนภาพวาดทันทีจนเมื่อคลำถึงตราประทับด้านล่างก็คล้ายมีช่องลับช่องหนึ่งซ่อนอยู่หลังกำแพง !
อันหลิงเกอจึงยกภาพวาดขึ้น อยู่หลังภาพนี้จริงด้วย !
ในช่องลับมีขวดยาขนาดเล็กขวดหนึ่งอยู่ภายใน อันหลิงเกอรู้สึกดีใจมาก แต่จังหวะที่นางกำลังรีบออกไปก็มีกระบี่เล่มหนึ่งมาขวางหน้าเอาไว้
“มาแล้วคิดกลับออกไปโดยง่ายหรือ ? ” เป็นอ๋องหนิงที่ยืนอยู่ตรงเบื้องหน้าของนาง เขาก้มลงและจ้องมองนาง แต่จดจำนางมิได้
“…” ความเงียบเข้าปกคลุมชั่วอึดใจ อันหลิงเกอมิรู้ว่าควรโต้ตอบเยี่ยงไร อำนาจของอ๋องหนิงดูแข็งแกร่งยิ่งนักแต่อันหลิงเกอก็มิด้อยกว่าเขาสักเท่าไร ทั้งคู่จ้องกันอยู่พักใหญ่และในที่สุดอ๋องหนิงก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน
“เจ้าเป็นชาวต้าโจวอย่างนั้นหรือ ? ” อ๋องหนิงมองไปที่ป้ายห้อยเอวของอันหลิงเกอ
อันหลิงเกออาศัยจังหวะตอนที่อ๋องหนิงมิได้มองตรงมาที่นางนั้นชักกระบี่ออก แล้วเตะที่ขอบหน้าต่างเพื่ออาศัยแรงในการพุ่งตัวไปเตะอ๋องหนิง แต่อ๋องหนิงมีรูปร่างสูงใหญ่ทั้งยังออกศึกมานานปี พละกำลังของเขาจึงมิใช่ว่าคนทั่วไปสามารถต่อกรด้วย ยิ่งมิต้องกล่าวถึงสตรีเยี่ยงนางเลย