ตอนที่ 460 สำเร็จ

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 460 สำเร็จ

อ๋องหนิงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มองแล้วคงโมโหมิน้อย แต่อันหลิงเกอรูปร่างเล็กเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว อ๋องหนิงแทงไปที่นางหลายครั้งก็ยังมิถูกจุด

อันหลิงเกออาศัยจังหวะพุ่งตัวออกไปทางหน้าต่าง แต่คาดมิถึงว่าทหารองครักษ์ในจวนดักสุ่มอยู่โดยรอบ ครั้งนี้คงเข้าได้ออกมิได้ของจริง

อ๋องหนิงค่อย ๆ ก้าวออกจากห้องหนังสือพลางมองอันหลิงเกอพร้อมรอยยิ้มเย็นเยือก

“จวนอ๋องหนิงมิใช่สถานที่เจ้านึกมาก็มา นึกไปก็ไป”

“จวนอ๋องหนิงก็เพียงเท่านี้ ในเมื่อข้าเข้ามาได้ย่อมออกไปได้อย่างปลอดภัย”

แม้ตอนนี้สีหน้าของอันหลิงเกอดูหยิ่งผยองกว่าอ๋องหนิง แต่ภายในใจเต้นระรัว นางเองก็มิรู้ว่าครั้งนี้จักออกไปได้อย่างปลอดภัยหรือไม่

แต่เมื่อนึกว่าหากตนมิสามารถกลับไปได้ มู่จวินฮานก็หมดหนทางรักษาจึงทำให้อันหลิงเกอขบกรามแน่นและมือของนางก็กำขวดยาถอนพิษไว้แน่นเช่นกัน

“ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่าเจ้าจักออกไปได้อย่างไร ! ”

อ๋องหนิงสะบัดมือครั้งหนึ่ง องครักษ์ที่รออยู่แล้วก็บุกเข้ามาทันที อันหลิงเกอต่อสู้กับศัตรูหลายคนพร้อมกันมิได้จึงโดนฟันหลายแผล แต่โชคดีที่มิใช่แผลลึกมากนักและอาศัยกำลังทั้งหมดที่มี สุดท้ายก็ต้านองครักษ์ทั้งหมดไว้ได้

“น่าเสียดาย ข้ายังมิทันได้ลงมือเจ้าก็ดูรับมือมิไหวเสียแล้ว” กล่าวจบอ๋องหนิงก็ถือกระบี่แทงเข้าใส่ อันหลิงเกอมิได้หลบหลีกแต่อย่างใด นางยืนนิ่งให้เขาแทงครั้งหนึ่ง แต่ขณะเดียวกันมีดสั้นในมือนางก็จ่ออยู่ที่ลำคอของอ๋องหนิง

“ตอนนี้ข้าไปได้หรือยัง ? ” แม้อันหลิงเกอยิ้มออกมา แต่อกของนางที่ถูกแทงก็ทำให้ใกล้หมดแรงเต็มทน นางอาศัยจิตใต้สำนึกอันแรงกล้าแล้วใช้อ๋องหนิงเป็นตัวประกันเพื่อออกจากจวนและออกมาจากเมืองหลวงของแคว้นชิงเยว่

“ครั้งนี้ถือว่าเจ้าโชคดี แต่ครั้งหน้าคงมิง่ายหรอก” อ๋องหนิงคิดว่าอันหลิงเกอมิกล้าสังหารตนแน่นอน แต่นึกมิถึงว่ามีดสั้นในมือของอันหลิงเกอจักกรีดที่คอของเขาเบา ๆ ทำให้เขารับรู้ถึงอันตรายและมืออีกข้างก็ดึงกระบี่ที่เอว…

“โอ๊ย ! ” อันหลิงเกอกล้าตัดเส้นเอ็นทั้งมือและเท้าของอ๋องหนิง ก่อนโยนเขาลงข้างทางและรีบจากไปโดยมิหันมาดูเขาอีกเลย

การที่นางทำร้ายอ๋องหนิงย่อมมิอาจหาม้าได้จากในเมืองหลวง ตอนนี้ทุกที่คงติดประกาศจับนางเต็มไปหมด

อันหลิงเกอจึงทำได้เพียงเดินเลาะด้านนอกเมืองเพื่อกลับไปที่ค่ายทหาร

แต่นางได้รับบาดเจ็บสาหัส หากพบทหารก็คงตายอย่างมิต้องสงสัย หลังจากที่อันหลิงเกอทำแผลให้ตนเองอย่างลวก ๆ แล้วก็เร่งฝีเท้าพลางก็มองหาหมู่บ้านไปด้วย สุดท้ายนางก็ซื้อม้าจากชาวนาคนหนึ่งได้ เมื่อนึกถึงมู่จวินฮานและเหล่าแม่ทัพที่รอนางอยู่ อันหลิงเกอจึงกัดฟันเร่งเดินทางกลับมายังค่าย

จวบจนฟ้าสาง ขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังทอแสง ในที่สุดอันหลิงเกอก็ได้เห็นทหารที่เฝ้าเมืองอยู่แล้วทนมิไหวจนตกจากหลังม้า…

เมื่ออันหลิงเกอฟื้นขึ้นมา บาดแผลบนร่างกายก็ถูกพันไว้เรียบร้อยหมดแล้ว เสื้อที่นางสวมอยู่ก็เป็นชุดใหม่จึงทำให้อันหลิงเกอตกใจมาก

ผู้ใดเป็นคนเปลี่ยนชุดให้นาง ?

ตอนนั้นเองที่ปี้จูและมู่จวินฮานเดินเข้ามาพร้อมกัน

“เจ้าตื่นแล้ว”

“ท่านตื่นแล้ว” ทั้งสองคนเอ่ยขึ้นมาพร้อมกัน

“ครั้งนี้โชคดีที่ได้คุณชายอันช่วยเหลือ” ก่อนหน้านี้มู่จวินฮานมิรู้ว่าควรสู้หน้าอันหลิงเกอเยี่ยงไรดี แต่ตอนนี้เพิ่งผ่านความเป็นความตายมา เขามิได้สนใจเรื่องเล็กน้อยพวกนั้นแล้ว

เขารู้ว่าคนตรงหน้าเป็นผู้ใด แต่มิได้เปิดโปงนางออกมา

“เจ้าตกอยู่ในอันตรายเพราะข้า” อันหลิงเกอก็รู้สึกแปลก ๆ ต่อคำพูดเกรงใจของมู่จวินฮาน แต่เมื่อนึกถึงแม่ทัพนายอื่นขึ้นมาจึงเอ่ยถามออกมาว่า “ชิงเฟิงกับแม่ทัพใหญ่เป็นอย่างไรบ้างขอรับ ? ”

อันหลิงเกอรู้สึกได้ว่าสีหน้าของมู่จวินฮานเปลี่ยนไปเล็กน้อยขณะที่นางเอ่ยถาม ภายในใจจึงอดกังวลมิได้เพราะมิรู้ว่าอีกสองคนเป็นอันใดหรือไม่

“ชิงเฟิงมิเป็นอันใด แต่แม่ทัพใหญ่…เกรงว่าจักอยู่มิพ้นวันนี้” มู่จวินฮานกล่าวจบสีหน้าก็เข้มขึ้นและเห็นถึงความเจ็บปวดที่แสดงออกมาได้อย่างชัดเจน

เมื่อได้ยินดังนั้นอันหลิงเกอก็รีบลงจากเตียงทันที นางมิได้สนใจบาดแผลบนร่างกาย เมื่อสวมเสื้อคลุมเสร็จก็รีบมุ่งไปที่กระโจมแม่ทัพใหญ่ทันที

ทันทีที่เข้าไปในกระโจมก็ได้กลิ่นฉุนของยา แม่ทัพใหญ่กำลังขดตัวอยู่บนเตียง ไร้ซึ่งความองอาจผ่าเผยเยี่ยงในอดีต

“ข้าขอบคุณคุณชายอันที่เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเหลือ” แม่ทัพใหญ่ไหนเลยจักมีท่าทางเยี่ยงเมื่อก่อน ตอนนี้เขาโรยราราวกับพร้อมจากโลกนี้ได้ตลอดเวลา

“ท่านแม่ทัพใหญ่ เพราะข้ามาช้าไป…” อันหลิงเกอกล่าวออกมาพร้อมที่ภายในใจรู้สึกว้าวุ่นไปหมด

“ข้ามีเรื่องหนึ่ง หวังว่าคุณชายอันและท่านอ๋องมู่จักมิปฏิเสธ” เขากล่าวไปพลางหยิบของชิ้นหนึ่งออกมาจากใต้เตียง “นี่เป็นตราพยัคฆ์ที่ข้าใช้ในการนำทหาร บัดนี้ข้าขอมอบให้ท่านอ๋องมู่ มิเพียงแต่มอบกองทัพสามแสนนายให้แก่ท่าน ยังรวมถึงบุตรชายของข้าด้วย ข้าต้องฝากทั้งหมดนี้ไว้กับท่านแล้วขอรับ”

กล่าวจบ แม่ทัพหลี่ก็หมดแรงก่อนที่ดวงตาของเขาจักนิ่งค้างไป

“เด็กเด็ก ! ” อันหลิงเกอตะโกนเรียกคนด้านนอก “แม่ทัพหลี่สิ้นลมแล้ว จัดการนำร่างและเสื้อผ้าของท่านส่งกลับจวนแม่ทัพหลี่ทันทีเพื่อฝังตามประเพณี ! ”

มู่จวินฮานที่ยืนอยู่ด้านข้างก็มิได้ขัดนางแต่อย่างใด

“ขอรับ ! ” ทหารที่ถูกเรียกเข้ามากำลังเตรียมออกไปจากห้อง แต่ถูกมู่จวินฮานเรียกเอาไว้เสียก่อน “เดี๋ยวก่อน ช่วยไปตามหลี่ซู่ให้ข้าที”

มู่จวินฮานลูบตราพยัคฆ์ที่อยู่ในมือระหว่างรอหลี่ซู่มาถึง

“คารวะท่านอ๋องมู่ขอรับ” หลี่ซู่เดินเข้ามา ดวงตาเต็มไปด้วยความโศกเศร้า เขาอดเดินไปข้างเตียงเพื่อมองร่างของบิดามิได้ เขาร้องไห้อยู่พักหนึ่งโดยมิได้กล่าวสิ่งใดออกมา

“หลี่ซู่” น้ำเสียงของอันหลิงเกอคล้ายมีมนต์ขลัง เมื่อหลี่ซู่ได้ยินราวกับมันกำลังปลอบโยนจิตใจของเขาอยู่ก็มิปาน

“คุณชายอันเรียกข้าหรือ ? ” หลี่ซู่ตอบกลับ

“แม่ทัพใหญ่จากไปแล้ว ข้ารู้ว่าเจ้าเสียใจมากเพียงใด แต่สถานการณ์ในตอนนี้เร่งด่วนยิ่งนัก เจ้าคงเข้าใจความหมายของบิดาดี”

อันหลิงเกอมองหลี่ซู่อย่างจริงจัง หลี่ซู่เองมิใช่คนไร้กาลเทศะ เขาจึงรีบปาดน้ำตาก่อนยืดตัวตรงเพื่อฟังอันหลิงเกอกล่าวต่อ

“ความหมายของท่านแม่ทัพใหญ่คือหวังให้เจ้าติดตามและคอยสนับสนุนท่านอ๋องมู่” อันหลิงเกอพูดเปิดอก “แน่นอนว่าเจ้าเองก็มีอิสระของตนเช่นกัน”

“ข้าเคารพการตัดสินใจของท่านพ่อเสมอ” หลี่ซู่เอ่ยออกมาอย่างหนักแน่น เขาเชื่อว่าอ๋องมู่ตรงหน้าจักพาทุกคนผ่านความวุ่นวายนี้ไปได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี่ยังเป็นสิ่งที่ท่านพ่อสั่งไว้อีกด้วย ท่านพ่อทำศึกมาทั้งชีวิตย่อมมิมีทางมองคนผิดแน่นอน

“เช่นนั้นข้าก็มิปฏิเสธ แต่ตราพยัคฆ์ชิ้นนี้เจ้าเก็บไว้ดีกว่า” มู่จวินฮานส่งตราพยัคฆ์ให้หลี่ซู่ แต่เขามิยอมรับไป

“ทำไมหรือ ? ” มู่จวินฮานเงยหน้ามองเขาเหมือนมิเข้าใจ

“ท่านพ่อมอบมันให้ท่านอ๋องก็ย่อมมีเหตุผลของตนขอรับ” หลี่ซู่เอ่ยเสียงเรียบเพราะกลัวว่าตนจักปกป้องกองทัพที่เป็นดั่งชีวิตบิดาเอาไว้มิได้

“หลี่ซู่ เจ้ารับไปเถิด วันหน้าเรื่องจวนแม่ทัพใหญ่ก็เป็นเรื่องของข้ามู่จวินฮานด้วยเช่นกัน” มู่จวินฮานเอ่ยขึ้นมาราวกับอ่านใจของอีกฝ่ายออกว่ามิสบายใจและยังมิเชื่อมั่นในตนเอง

เมื่อได้ฟังเยี่ยงนั้นหลี่ซู่ก็รับตราพยัคฆ์ไปแล้วกุมมันไว้ในมือจนแน่น

คนที่ดีกับเขา ดูแลเขาในยามลำบาก เขาจักใช้ทั้งชีวิตนี้เพื่อทดแทนให้อย่างแน่นอน

ส่วนพวกคนต่ำช้าที่วางแผนทำร้ายบิดา เขาจักมิปล่อยพวกมันไว้เช่นกัน

อันหลิงเกอมองหลี่ซู่ที่มีสีหน้าเคร่งขรึมก็รู้ว่าภายในใจของเขาว้าวุ่นเพียงใด ดังนั้นนางจึงค่อย ๆ ก้าวออกมาจากกระโจมแล้วปิดม่านประโจมให้

ทุกคนล้วนเลือกเชื่อใจมู่จวินฮาน นางเห็นแล้วก็รู้สึกยินดีไปกับเขามากเหลือเกิน