เล่ม 11 เล่มที่ 11 ตอนที่ 320 เกลียดชังเข้ากระดูกดำ

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

“โอ้? แม่นางเยวี่ยหรูคิดว่าข้ากำลังถามชี้นำฮูหยินมี่หรือ? เหตุใดเจ้าจึงคิดเช่นนั้นเล่า? ”

“หรือว่าไม่ใช่? ” หลานเยวี่ยหรูมีนิสัยเย่อหยิ่ง ฮูหยินมี่ขยิบตาส่งสัญญาณให้นางหลายครั้ง นางก็ทำเป็นมองไม่เห็น ยังคงเชิดหน้าพูดกับซูจิ่นซีว่า “หากท่านไม่เอ่ยถึงแคว้นไหวเจียง มารดาหม่อมฉันจะแก้ต่างให้ตนเองเพื่ออันใด? ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า… ” ทันใดนั้น ซูจิ่นซีก็หัวเราะด้วยน้ำเสียงแปลกประหลาด “นี่เป็นเพียงการอธิบายสถานะของตนเอง และเอ่ยถึงแคว้นไหวเจียงเท่านั้น แม่นางเยวี่ยหรู เหตุใดเจ้าถึงตกใจเช่นนี้? เจ้าเป็นเช่นนี้ ทำให้ข้าอดสงสัยไม่ได้ว่าเจ้ากำลังปกปิดบางสิ่งบางอย่าง หรือว่าฮูหยินมี่มีความเกี่ยวข้องกับแคว้นไหวเจียง? ”

“ท่าน… ”

ทันใดนั้นหลานเยวี่ยหรูก็พูดไม่ออก ราวกับถูกซูจิ่นซีสาดน้ำเย็นลงบนศีรษะ

ฮูหยินมี่รีบก้าวออกมาด้านหน้าเพื่อรั้งหลานเยวี่ยหรูไว้ นางพูดกับซูจิ่นซีว่า “พระชายา เยวี่ยหรูยังเล็ก ไม่รู้ประสา พระชายาอย่าได้นำมาใส่พระทัยเลยเพคะ”

ในเวลานี้ ใบหน้าของหลานเสวียนหมิงปรากฏความเคร่งเครียดขึ้นมาทันที

งานรับผิดชอบสำคัญของเยี่ยโยวเหยาคือสืบหาสายลับแคว้นไหวเจียง อีกทั้งคนของแคว้นไหวเจียงมักใช้วิชาพิษไม่เลือกหน้า ซึ่งเป็นภัยต่อแคว้นต่างๆ ในอาณาจักรเทียนเหอ พวกเขาถูกผู้คนในแคว้นต่างๆ ดูถูกเหยียดหยาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลายปีมานี้แคว้นไหวเจียงสร้างความเดือดร้อนให้แก่แคว้นจงหนิงมากที่สุด ชาวจงหนิงเกลียดชังสายลับของแคว้นไหวเจียงเข้ากระดูกดำ หลานเสวียนหมิงเป็นขุนนางผู้ภักดีต่อเยี่ยโยวเหยามาหลายปี ทั้งยังคอยช่วยเหลือเยี่ยโยวเหยาตรวจสอบไม่น้อย หากภายในจวนของเขามีสายลับของแคว้นไหวเจียง เช่นนั้นจะไม่เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นหรือ?

นี่ไม่ใช่การตบหน้าเขาจนแดงก่ำหรือ?

แม้เยี่ยโยวเหยาจะอดกลั้นมาตลอด ทว่าเขายังอดพูดไม่ได้ว่า “พระชายา อาหารยังรับประทานตามอำเภอใจได้ ทว่าคำพูดไม่สามารถเอ่ยตามอำเภอใจได้”

“ในเมื่อแม่ทัพหลานรู้สึกว่าข้ากำลังพูดจาไร้สาระ เช่นนั้นท่านก็ยืนยันให้ข้าดูสิ ฮูหยินมี่ ข้าต้องการตรวจสอบเรือนพักของท่าน”

“พระชายา ท่านจะตรวจสอบเรือนพักของมารดาข้าเพื่ออันใด? ” หลานเยวี่ยหรูเงยหน้าขึ้นพูดทันที

ซูจิ่นซีไม่ต้องการตอบโต้คำพูดของหลานเยวี่ยหรู จึงจับจ้องไปที่ฮูหยินมี่อย่างจริงจัง

ฮูหยินมี่มีท่าทางสงบนิ่ง นางยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย “พระชายา อดีตของหม่อมฉันนั้นสมถะ ไม่มีอันใดโดดเด่นนัก เรือนพักก็ไม่มีสิ่งใด เกรงว่า… จะทำให้พระชายาต้องเสียพระทัย”

“ฮูหยินมี่ไม่สะดวกหรือ? ข้าเพียงต้องการสืบหาตัวฆาตกรที่วางยาพิษคุณหนูเยวี่ยหลี ถึงได้ขอตรวจสอบที่เรือนของท่าน เกี่ยวข้องอันใดกับความสมถะของท่านกัน? ”

ฟังถึงตรงนี้ ทันใดนั้น แม่ทัพหลานก็พูดว่า “ในเมื่อพระชายาต้องการตรวจสอบ ฮูหยินก็ให้นางตรวจเถิด พูดมากมายเพื่อการใด พวกเราไม่ได้ทำเรื่องเลวร้ายอันใด”

รอยยิ้มบนใบหน้าฮูหยินมี่แข็งค้าง

“ได้! พระชายา เชิญทางนี้เพคะ! ” ฮูหยินมี่เดินนำทางซูจิ่นซี

ซูจิ่นซีเดินตามฮูหยินมี่ไปทันที

นอกจากคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ยังมีเยี่ยโยวเหยา แม่ทัพหลาน และเหล่าผู้ที่มีฐานะ พวกเขาต่างเดินตามซูจิ่นซีกับฮูหยินมี่ไปยังเรือนของนาง

เมื่อเดินมาถึงเรือนของฮูหยินมี่ ซูจิ่นซีก็ขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด ทว่านางปกปิดอารมณ์บนใบหน้าเป็นอย่างดี

“พระชายาเชิญทางนี้! ” ฮูหยินมี่เชื้อเชิญซูจิ่นซีไปยังโถงกลาง

“ไม่เป็นไร ฮูหยินไม่ต้องรีบร้อนและไม่ต้องเกรงใจ ข้าเดินไปดูเองได้”

ด้านหลังเรือนของฮูหยินมี่เป็นทิศเหนือ เรือนหันหน้าไปทางทิศใต้ เรือนพักที่ตกแต่งอย่างหรูหราทั้งหมดล้วนอยู่ทางทิศเหนือ ซูจิ่นซีเริ่มต้นจากห้องทางทิศตะวันออก โดยเดินดูทีละห้อง ส่วนเยี่ยโยวเหยา หลานเสวียนหมิง และพรรคพวก ต่างยืนรออยู่ภายในเรือน

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าซูจิ่นซีจะเดินไปที่ใด ฮูหยินมี่มักจะเดินตามอยู่ข้างหลังอย่างระมัดระวัง นางเดินไปพลางแนะนำแต่ละห้องให้ซูจิ่นซี บางครั้งหากเห็นแววตาซูจิ่นซีสังเกตถึงสิ่งใด ก็จะอธิบายให้เยี่ยโยวเหยาฟังอีกรอบ

เมื่อตรวจดูเรือนทางทิศเหนือทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ซูจิ่นซีจึงเดินกลับไปที่เรือนกลาง

“พระชายา ท่านตรวจพบอันใดหรือไม่? ” หลานเสวียนหมิงถามด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง

“แม่ทัพหลานอย่าเพิ่งร้อนใจ ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ข้าไม่มีทางละเว้นแม้เพียงนิด”

หนังตาหลานเสวียนหมิงกระตุก

ทว่าซูจิ่นซีเปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็ว นางพูดกับฮูหยินมี่ว่า “เครื่องหอมที่ฮูหยินใช้ทั้งหมด ท่านนำออกมาให้ข้าดูได้หรือไม่? ”

“ของเหล่านั้นเป็นเพียงเครื่องหอมธรรมดา เนื้อหยาบยิ่งนัก เกรงว่าคงไม่ถูกพระทัยของพระชายา”

“ฮูหยินกล่าวผิดแล้ว ตรงกันข้าม ข้ากลับโปรดปรานสิ่งของหยาบๆ เหล่านี้ และไม่โปรดปรานสิ่งของที่หรูหราเกินไป ราวกับดูหมิ่นผู้อื่น” คำพูดของซูจิ่นซีเป็นการเสียดสี นางเหลือบมองไปทางเยี่ยโยวเหยาที่ยืนอยู่ด้านนอกอย่างเย็นชา

ฮูหยินมี่ไม่รู้เรื่องราวที่ซับซ้อนระหว่างซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยา จึงไม่เข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของซูจิ่นซี นางทำเพียงแย้มยิ้ม “ในเมื่อพระชายาโปรดปราน เช่นนั้นโปรดรอสักครู่ หม่อมฉันจะรีบไปหยิบมาให้เพคะ”

ฮูหยินมี่พูดพลางเดินกลับเข้าไปในห้อง

ใบหน้าซูจิ่นซีแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังทันที เรือนพักฮูหยินมี่ไม่เพียงมีห้องพักทางทิศเหนือเท่านั้น ยังมีห้องพักทางทิศตะวันออกอีกสองห้อง และทางทิศตะวันตกหนึ่งห้อง

ซูจิ่นซีเดินไปยังห้องพักทางทิศตะวันออกด้วยท่าทางเคร่งขรึม ทว่าไม่ได้เข้าไป จากนั้นจึงเดินไปยังห้องทางทิศตะวันตก นางยืนอยู่หน้าห้องครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใด จากนั้นก็ยื่นมือออกไปเปิดประตู

ขณะที่มือของซูจิ่นซีกำลังจะแตะประตูนั้น เสียงของฮูหยินมี่ก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง “พระชายา! ”

มือของซูจิ่นซีหยุดชะงัก นางหันหลังกลับไป

สีหน้าฮูหยินมี่ขาวซีด นางเดินมาด้านหน้าพลางยื่นกล่องสีชาดใบเล็กให้ซูจิ่นซี “พระชายา นี่คือเครื่องหอมทั้งหมดที่หม่อมฉันใช้ เนื่องจากเหลืออยู่ไม่มากแล้ว หม่อมฉันจึงขอมอบให้พระชายาทั้งหมด รอจนช่วงฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูร้อนของปีหน้า หม่อมฉันค่อยเก็บดอกไม้ป่ามาทำเครื่องหอมใหม่อีกครั้ง แล้วในฤดูใบไม้ร่วง หม่อมฉันจะมอบให้พระชายาเพคะ”

ซูจิ่นซีไม่ได้สนใจเครื่องหอมที่อยู่ในมือ ทว่านางใช้สายตาเย็นชามองไปที่ประตูห้อง

สีหน้าฮูหยินมี่ยิ่งซีดขาวมากขึ้น นางพยายามแย้มยิ้มกลบเกลื่อน “พระชายา ห้องนี้มีเพียงสิ่งของทั่วไปที่วางกองซ้อนกันมากมายเพคะ ด้านในสกปรกยิ่งนัก เกรงว่าจะทำให้ชุดของพระชายาสกปรก แต่หากพระชายาสนพระทัย หม่อมฉันก็จะเปิดให้ดูเพคะ”

“ได้! ” ซูจิ่นซีตอบรับเสียงเบา

ฮูหยินมี่แทบไม่แสดงอาการตกตะลึง ทว่าไม่นานนักนางก็เดินไปข้างหน้าด้วยท่าทางสงบนิ่ง และเปิดประตูห้องนั้นต่อหน้าทุกคน

มันเป็นห้องที่ใช้เก็บของทั่วไปจริงๆ เมื่อประตูเปิดออกจึงมีฝุ่นลอยฟุ้งขึ้นมา ฮูหยินมี่สำลักฝุ่นเล็กน้อย

หลานเสวียนหมิงเป็นห่วงฮูหยินของตน จึงรีบเดินไปรั้งฮูหยินมี่ไว้

“พระชายา ท่านตรวจสอบอยู่นานทว่าไม่พบอันใด พระชายายังสงสัยว่าสกุลหลานของกระหม่อมมีคนร้ายอยู่อีกหรือ? ”

“แน่นอน! ” ซูจิ่นซีตอบโดยไม่ลังเล

หลานเสวียนหมิงสะบัดแขนเสื้อ กระชากเสียงเย็นชา

“แม่นางหลานเยวี่ยหรู ต่อไปข้าต้องการไปตรวจดูที่เรือนของเจ้า” ซูจิ่นซีพูด

หลานเยวี่ยหรูสะดุ้ง คิ้วงามพลันขมวดอย่างเคร่งเครียด

“เรือนของหม่อมฉันมีอันใดน่าดูเพคะ? ”

ซูจิ่นซีแย้มยิ้มลึกซึ้ง ทว่าไม่ได้พูดอันใด

“เยวี่ยหรู ยังไม่รีบนำทางพระชายาอีก” หลานเสวียนหมิงกล่าวเสียงเย็นชา

หลานเสวียนหมิงเป็นผู้นำตระกูลหลาน เมื่อเขาเอ่ยปาก บรรดาบุตรธิดาย่อมไม่กล้าขัดขืน หลานเยวี่ยหรูจึงพูดอย่างไม่เต็มใจ “เพคะ! ”

นางมองซูจิ่นซีด้วยสายตายั่วยุ ก่อนจะหันหลังเดินนำทางไป

เยี่ยโยวเหยายังคงไม่พูดอันใด เขาทำเพียงเฝ้ามองด้วยสายตาเย็นชา ดูว่าซูจิ่นซีจะจัดการอย่างไร

ซูจิ่นซีมองตู้เก็บของในห้องที่ใส่แม่กุญแจไว้ด้วยแววตาลึกซึ้ง ก่อนจะหันหลังเดินตามหลานเยวี่ยหรูไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย