เล่ม 11 เล่มที่ 11 ตอนที่ 319 จงใจถามชี้นำ

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สถานการณ์ในตอนนี้เงียบสนิท

“พระชายา ท่านกำลังสงสัยอันใด? ” หลานเสวียนหมิงพูด

“ข้าไม่ได้สงสัยอันใด เพียงซักถามไปตามปกติเท่านั้น ทำไม? หรือว่าแม่ทัพหลานจะล่วงรู้อันใด? ”

“หึ ข้าจะไปรู้อันใดได้? ”

“ในเมื่อท่านไม่ทราบ เช่นนั้นก็ให้ความร่วมมือแต่โดยดีเถิด! ” ซูจิ่นซีพูด “ไปตามตัวคนที่พบแม่นางหลานถูกพิษเมื่อคืนนี้มา รวมถึงญาติที่เป็นสตรีทั้งหมดในจวน อย่าให้ขาดแม้แต่คนเดียว”

“พระชายาต้องการพบญาติที่เป็นสตรีทั้งหมดเพื่ออันใด? ”

ซูจิ่นซีไม่ตอบ หลานเสวียนหมิงจึงให้คนไปเชิญญาติที่เป็นสตรีทุกคนในจวนออกมา

เมื่อทุกคนมาแล้ว ต่างก็ยืนเรียงรายอยู่ตรงหน้าซูจิ่นซี นับได้ราวสิบกว่าคน

“เมื่อคืนวาน ผู้ใดที่พบแม่นางหลานถูกพิษเป็นคนแรก? ”

ทันใดนั้น ผู้คนที่อยู่ในที่นี้ต่างมองไปทางเดียวกัน ซึ่งเป็นทิศทางที่หลานเยวี่ยซิน คุณหนูรองสกุลหลานยืนอยู่

หลานเยวี่ยซินค่อยๆ ยืนขึ้นทำความเคารพซูจิ่นซี “ทูลพระชายา เป็นหม่อมฉันที่พบน้องสาวถูกพิษเพคะ”

แม่นางที่ยืนอยู่ตรงหน้านับเป็นสตรีที่งดงามอ่อนหวาน นางหนึ่ง

“เจ้าพบว่าหลานเยวี่ยหลีถูกพิษได้อย่างไร? ค่ำมืดดึกดื่นเช่นนั้น เจ้าไปที่เรือนหลานเยวี่ยหลีเพื่อการใด? ”

หลานเยวี่ยซินหลบสายตาเล็กน้อย ราวกับปิดบังสิ่งใดบางอย่าง “หม่อมฉัน… หม่อมฉัน… ”

ขณะที่ซูจิ่นซีรอหลานเยวี่ยซินตอบ นางก็เหลือบมองไปทางหลานเสวียนหมิง แสดงท่าทีรอคอยให้หลานเยวี่ยซินอธิบายโดยไม่เร่งรัด

“พระชายาถามสิ่งใด เจ้าก็ตอบสิ่งนั้น จะอ้ำอึ้งเพื่ออันใด? ” หลานเสวียนหมิงกระชากเสียง

แววตาหลานเยวี่ยซินกลับมานิ่งสงบ นางเอ่ยเสียงแหลมว่า “เมื่อคืนวาน… เนื่องจากหม่อมฉันรู้สึกไม่สบายใจเรื่องการแต่งงานของตน พอทราบว่าน้องเยวี่ยหลีกลับจากจวนสกุลซูและยังไม่เข้านอน หม่อมฉันจึงไปหาน้องเยวี่ยหลีเพื่อพูดคุยเรื่องราวความในใจ ไม่นึกว่าเมื่อเดินมาถึงเรือนของน้องเยวี่ยหลี กลับเห็นนางนอนอยู่บนพื้น ดวงตาทั้งคู่เป็นสีเขียว ริมฝีปากเป็นสีม่วงเพคะ”

“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่า เวลานั้นหลานเยวี่ยหลียังไม่เข้านอน? ”

อย่างไรเสีย ตอนนั้นก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว

“เรือนของหม่อมฉันอยู่ไม่ไกลจากเรือนของน้องเยวี่ยหลี หากยืนที่ห้องใต้หลังคาของเรือน จะมองเห็นเทียนในเรือนของน้องเยวี่ยหลียังไม่ดับพอดีเพคะ”

“จากที่ข้าทราบมา ก่อนหน้านี้หลานเยวี่ยหลีอาศัยอยู่ข้างนอกจวนมาตลอด นางเพิ่งกลับมายังจวนสกุลหลานได้ไม่กี่วันไม่ใช่หรือ? อีกทั้งตั้งแต่เล็ก พวกเจ้าก็ไม่เคยพบเจอกันมาก่อน ภายในเวลาไม่กี่วัน กลับมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ”

ความสัมพันธ์ดีมากจนสามารถไปหาหลานเยวี่ยหลีกลางดึก ทั้งยังสามารถพูดคุยได้ทุกเรื่องเกี่ยวกับคนรักในวัยเด็ก

ดวงตาหลานเยวี่ยซินเปล่งประกายเล็กน้อย นางมองไปทางหลานเสวียนหมิงครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงลังเล “เป็นเพราะ… ก่อนหน้านี้หม่อมฉันกำลังเศร้าใจเกี่ยวกับการแต่งงานของตนเองเพคะ และบังเอิญน้องเยวี่ยหลีเข้ามาพบพอดี ตอนนั้นน้องเยวี่ยหลีให้ความกระจ่างแก่หม่อมฉันไม่น้อย แม้พวกเราจะรู้จักกันช้าไป แต่สามารถเข้ากันได้ดี ดังนั้นแม้จะรู้จักกันได้ไม่นาน ทว่าใกล้ชิดยิ่งกว่าพี่น้องในจวนบางคนเสียอีกเพคะ”

“โอ้? เช่นนั้นหรือ? ไม่ทราบว่าแม่นางเยวี่ยซินจะแต่งงานกับผู้ใด? ”

“พระชายา เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการที่บุตรสาวกระหม่อม เยวี่ยหลีถูกพิษกระมัง? ” จู่ๆ หลานเสวียนหมิงก็พูดขึ้น

ซูจิ่นซีมองหลานเสวียนหมิงด้วยสายตาเย็นชา “เหตุใดแม่ทัพหลานถึงคิดว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่หลานเยวี่ยหลีถูกพิษเล่า? ”

“หึ เห็นได้ชัดว่าทั้งสองเรื่องนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย พระชายา ท่านทำเช่นนี้เพื่อต้องการถ่วงเวลาหรือ”

“ถ่วงเวลา? แม่ทัพหลานคิดว่าข้ากำลังถ่วงเวลาผู้ใด? ข้า? หรือว่าหลานเยวี่ยหลี? ”

หลานเสวียนหมิงไม่ทราบเรื่องที่ซูจิ่นซีใช้ร่างกายตนเองทดสอบพิษ และเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับนางในตอนนี้คือต้องรีบไปยังแคว้นหนานหลี เพื่อตามหายาสมุนไพรสามชนิดมาใช้ในการปรุงยาถอนพิษ หากล่าช้าแม้แต่นาทีเดียว ยิ่งอันตรายมากขึ้น

หากไม่ใช่เพราะต้องการยืนยันความบริสุทธิ์ของจวนสกุลซู ซูจิ่นซีไม่จำเป็นต้องยืนพูดอันใดมากมายกับคนเหล่านี้

“ผู้ที่นางต้องเข้าพิธีสมรสด้วยก็คือ มู่หรงเฟิง มหาอุปราชแห่งแคว้นหนานหลี” ทันใดนั้น เยี่ยโยวเหยาซึ่งนั่งอยู่ที่ประทับด้านบนก็พูดขึ้น

มู่หรงเฟิง มหาอุปราชแห่งแคว้นหนานหลี?

ดูแล้วคงเป็นการอภิเษกสมรสทางการเมือง เป็นไปได้ว่าหลานเยวี่ยซินมีคนรักของนางอยู่แล้ว มิน่านางถึงไม่ต้องการเอ่ยถึงเรื่องนี้

“ท่านอ๋อง หม่อมฉันขอประทานอนุญาตใช้งานคนของท่านเพคะ” ซูจิ่นซีพูด

เยี่ยโยวเหยาหันไปมองเหล่าองครักษ์ที่ยืนอยู่ด้านข้าง องครักษ์จึงรีบเดินเข้ามาหาซูจิ่นซี “พระชายาต้องการรับสั่งอันใดพ่ะย่ะค่ะ? ”

“ข้าต้องการเพียงคนเดียว” ซูจิ่นซีมององครักษ์ที่ยืนใกล้นางที่สุด “เจ้าไปที่ห้องใต้หลังคาในเรือนของคุณหนูเยวี่ยซิน ดูว่ามองเห็นห้องนอนในเรือนคุณหนูเยวี่ยหลีจริงหรือไม่”

“พ่ะย่ะค่ะ! ”

องครักษ์รับคำสั่งแล้วเดินออกไป

ดวงตาเยี่ยโยวเหยาทอประกายชื่นชม คิดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะทำงานได้ละเอียดรอบคอบเช่นนี้

ซูจิ่นซีไม่ได้สอบสวนหลานเยวี่ยซินอีก นางหันไปมองคนอื่นที่เหลือ “พวกเจ้าแต่ละคนพูดมาสิว่า เมื่อคืนวาน ก่อนที่หลานเยวี่ยหลีจะถูกพิษ พวกเจ้าแต่ละคนกำลังทำอันใด? ”

“หม่อมฉันเข้านอนแล้วเพคะ”

“เมื่อคืนวาน ท่านแม่ทัพอยู่ในเรือนกับหม่อมฉัน ตอนนั้นหม่อมฉันกับแม่ทัพเข้านอนแล้ว เรื่องนี้ท่านแม่ทัพสามารถเป็นพยานให้หม่อมฉันได้เพคะ”

“หากท่านแม่ทัพไม่ได้มาที่เรือนของหม่อมฉัน ปกติหม่อมฉันจะเข้านอนเร็วเพคะ”

“หม่อมฉันกำลังอ่านตำราพิชัยสงคราม”

……

เมื่อทุกคนให้การเกี่ยวกับการกระทำของตนเสร็จสิ้นแล้ว แต่ละคนล้วนมีหลักฐานยืนยันเวลาและสถานที่ของตนเองอย่างชัดเจน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการที่หลานเยวี่ยหลีถูกพิษ ซูจิ่นซีและคนอื่นๆ ฟังแล้วรู้สึกง่วงนอนเล็กน้อย

เห็นซูจิ่นซียังไม่พบเบาะแสอันใด เยี่ยโยวเหยาจึงเอนหลังพิงเก้าอี้ แสดงท่าทางสนใจด้วยใบหน้าเรียบเฉย

ส่วนแววตาของหลานเสวียนหมิงกลับปรากฏความยินดีในความทุกข์ของผู้อื่น

อวิ๋นจิ่นที่นั่งอยู่ด้านข้างอย่างเงียบงัน ใบหน้าของเขามักเผยรอยยิ้มอยู่เสมอ แม้ซูจิ่นซีไม่ได้มองมาทางเขา ทว่าการแสดงออกของเขา กลับมอบกำลังใจให้ซูจิ่นซีอย่างมาก

เขาเปรียบเสมือนพระอาทิตย์ดวงเล็กที่มอบความอบอุ่นให้แก่นาง ไม่ว่านางจะสนใจหรือไม่ก็ตาม

ซูจิ่นซียกมือซ้ายโอบข้อศอกขวา และใช้นิ้วมือขวาลูบปลายจมูกอย่างครุ่นคิด

ผ่านไปครู่ใหญ่ ซูจิ่นซีจึงหันไปถามมี่ซื่อ ซึ่งเป็นฮูหยินของแม่ทัพหลาน

“เครื่องหอมที่ฮูหยินมี่ใช้ ดูเหมือนไม่ใช่เครื่องหอมของแคว้นจงหนิง”

ฮูหยินมี่ทำความเคารพซูจิ่นซี “พระชายาทรงพระปรีชา เครื่องหอมที่หม่อมฉันใช้ไม่ใช่ของแคว้นจงหนิงจริงๆ เพคะ แต่เป็นดอกไม้ป่าชนิดหนึ่งที่เติบโตในหมู่บ้านเล็กๆ ทางใต้สุดของแคว้นจงหนิง”

“กลิ่นดอกไม้หอมอ่อนละมุน ไม่เลวจริงๆ ” ซูจิ่นซีพูดพลางขมวดคิ้ว “หมู่บ้านเล็กๆ ที่ฮูหยินพูดมานั้น เป็นชายแดนของแคว้นจงหนิงที่ติดกับแคว้นไหวเจียงกระมัง”

ฮูหยินมี่ชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างงดงาม “เป็นชายแดนระหว่างแคว้นจงหนิงกับแคว้นไหวเจียงจริงเพคะ ทว่าหมู่บ้านเล็กๆ นั้นเป็นของแคว้นจงหนิง หม่อมฉันเกิดและเติบโตในแคว้นจงหนิงเช่นกันเพคะ”

“ข้ายังไม่ได้สงสัยสถานะของฮูหยิน” ซูจิ่นซีพูดแผ่วเบา

ฮูหยินมี่เพิ่งจะรู้ตัวว่าตนเองอธิบายมากเกินไป

“พระชายาโยวอ๋อง ท่านหมายความว่าอย่างไร? แม้ท่านจะเป็นพระชายาผู้สูงศักดิ์ แต่ท่านไม่ควรใส่ร้ายผู้อื่นตามอำเภอใจนะเพคะ! คำพูดของพระชายาเมื่อครู่ ชัดเจนว่าจงใจถามเพื่อชี้นำมารดาของหม่อมฉัน”

หลานเยวี่ยหรู บุตรสาวของฮูหยินมี่พูดขึ้นด้วยความโกรธเคือง