ตอนที่ 484 ผู้หญิงที่สวยที่สุด

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 484 ผู้หญิงที่สวยที่สุด
สวีมู่หยางหันศีรษะมองสวีหว่านเอ๋อร์ด้วยความสับสนและเศร้า เขาพยายามจะอ้าปากโต้แย้งอีกฝ่ายแต่กลับพูดออกมาได้เพียงคำเดียว: “เธอ—”

เขาจะพูดอะไรได้? เธอเปลี่ยนไปแล้ว เธอทำให้พ่อแม่ผิดหวัง และน้องสาวของเขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย?

เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

สวีหว่านเอ๋อร์มองมาที่เขาและยักคิ้ว “คุณคิดว่าฉันแปลกไปงั้นเหรอ? เมื่อก่อนพี่เป็นคนบอกกับฉันเองว่าฉันกับฮ่อหยุนเฉิงเราเหมาะสมกันดี ตอนนี้ฉันอยากจะแต่งงานกับเขา มันก็เป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่เหรอ? พี่ต้องรีบจับซูฉิงมาไว้ในกำมือให้เร็วที่สุดนะ ฮ่อหยุนเฉิงจะได้ตกเป็นของฉันแต่เพียงผู้เดียว ”

เมื่อเห็นท่าทางของสวีหว่านเอ๋อร์ที่เป็นเช่นนี้ สวีมู่หยางก็ไม่มีทางเลือกจริงๆ เขาจ้องไปที่สวีหว่านเอ๋อร์ และถือเป็นครั้งแรกที่เขาคิดว่าไม่อยากคุยกับเธอและตัดสินใจเดินกลับไปที่ห้องของเขา

……

หลิวเสี่ยวหนิงมองดูรถพยาบาลที่กำลังพาร่างของคุณยายออกไป และความตื่นตระหนกของเธอก็ค่อยๆหายตามไปด้วย

ผู้กำกับถอนหายใจด้วยความโล่งอกและขอให้ผู้ช่วยติดต่อครอบครัวของคุณยาย ทีมงานจึงตัดสินใจหยุดการถ่ายทำโฆษณาลงก่อน

“ขอบคุณนะ มิฉะนั้นคุณยายจะต้องตกอยู่ในอันตรายมากๆแน่” หลิวเสี่ยวหนิงมองไปที่จินจิ่นหรานซึ่งนั่งอยู่ตรงข้าม และทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าภาพลักษณ์ของเขาแข็งแกร่งและดูดีขึ้น

“ฉันเป็นหมอ และนี่คือสิ่งที่ฉันควรทำ”

จินจิ่นหรานยิ้มออกมาอย่างเฉยเมย ราวกับว่าเรื่องการช่วยเหลือฟื้นคืนชีวิตคนให้กลับมานั้นเป็นเรื่องธรรมดาเรื่องหนึ่ง

“ตอนนั้นฉันกลัวมากจริงๆ ฉันทำตัวไม่ถูกเลย” หลิวเสี่ยวหนิงยังคงมีความกลัวอยู่เล็กน้อยเมื่อเธอนึกภาพที่คุณยายท่านนั้นล้มลงต่อหน้าเธอ

ถ้าจินจิ่นหรานไม่อยู่ในกองถ่ายวันนี้ หรือถ้าไม่มีใครรู้ปฐมพยาบาล…

สักครู่หลิวเสี่ยวหนิงรู้สึกว่ามือของเธอเย็นเฉียบขึ้นมาทันที

เมื่อเห็นใบหน้าซีดเซียวของหลิวเสี่ยวหนิง จินจิ่นหรานก็เดินไปหาเธอและพูดเบาๆ ว่า “เอาล่ะ หมอบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าคุณยายอยู่ในอาการปกติแล้ว”

“แต่…” หลิวเสี่ยวหนิงยังคงลังเล จึงถูกจินจิ่นหรานพูดขัดจังหวะขึ้น

“ไม่มีอะไรต้องกังวล ผู้กำกับได้ติดต่อครอบครัวของผู้ป่วยแล้ว และเรื่องค่ารักษาพยาบาลฉันจะเป็นคนจัดการเอง”

เมื่อเห็นรอยยิ้มของจินจิ่นหรานที่เผยออกมา หลิวเสี่ยวหนิงก็เกิดมั่นใจขึ้นไม่น้อย เธอกระพริบตาและมองลงไปที่โทรศัพท์ของเธอ

“เอ่อ…เวลามันผ่านไปแล้ว”

“เวลาอะไร?” จินจิ่นหรานถามอย่างสงสัย

หลิวเสี่ยวหนิงอธิบายว่า “มีรายการหนึ่งที่ถือเป็นรายการทานอาหารรายการโปรดของฉัน ที่จริงแล้วฉันสามารถดูรายการนี้ได้หลังจากถ่ายทำโฆษณาวันนี้เสร็จสิ้นลง แต่ตอนนี้ฉันพลาดมันไปแล้ว”

“รายการทานอาหาร?” จินจิ่นหรานถามกลับด้วยน้ำเสียงฉงนสงสัย และหลิวเสี่ยวหนิงจึงรีบอธิบายเพื่อคลายความสงสัยของอีกฝ่าย

“ฉันแค่คิดว่าถ้าฉันต้องการลดน้ำหนัก ฉันก็ไม่สามารถกินอาหารที่ฉันอยากกินได้ ฉะนั้นสิ่งที่ฉันทำได้ก็คือการดูคนอื่นกินเพื่อบรรเทาความอยากของฉัน” หลิวเสี่ยวหนิงกล่าวด้วยรอยยิ้มกว้าง

หลังจากนั้นหลิวเสี่ยวหนิงจึงค้นหารายการทานอาหารที่ว่าให้อีกฝ่ายดู ซึ่งเมื่อจินจิ่นหรานได้เห็นวิดิโอเหล่านั้นก็เผยรอยยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก

“การอดอาหารเพื่อลดน้ำหนักมันไม่ดีต่อร่างกาย และคุณไม่รู้สึกหิวเหรอเมื่อดูรายการทานอาหารเหล่านี้?”

“คุณปลอบใจคนไม่เป็นเลยหรือไงเนี่ย แล้วคุณจะให้ฉันทำอย่างไร ใครให้ฉันเป็นดาราดังล่ะ”

“งั้นเอาแบบนี้ดีไหม ฉันจะจดรายการอาหารสำหรับลดน้ำหนักไว้ให้คุณ คุณจะได้กินทั้งอาหารลดน้ำหนักและอาหารที่คุณชอบได้โดยไม่รู้สึกผิด” จินจิ่นหรานยักคิ้วใส่หลิวเสี่ยวหนิงด้วยท่าทางเย้ยหยัน

“คุณทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอ?” หลิวเสี่ยวหนิงหันศีรษะมองด้วยความประหลาดใจ

“มันก็เป็นการขยายขอบเขตของวิชาการแพทย์” จินจิ่นหรานยิ้มและเขย่าโทรศัพท์มือถือของเขา “สูตรลับเฉพาะของหมอจินไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม”

หลิวเสี่ยวหนิงรู้สึกขบขันกับคำพูดและท่าทางของชายตรงหน้า แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไรต่อ ผู้จัดการก็โทรหาเธอแล้วและทั้งสองก็ต้องแยกจากกัน

“คนนั้นเป็นใครกัน? เขาหล่อมาก” ผู้จัดการสาวหันมามองจินจิ่นหรานอย่างสงสัย เพราะว่าหญิงสาวไม่เคยเห็นผู้ชายคนนี้ในแวดวงข่าวบันเทิงมาก่อน

หลิวเสี่ยวหนิงกดเล่นโทรศัพท์มือถือและตอบอย่างเป็นกันเองว่า “เพื่อนของฉันเอง เขาเป็นลูกชายคนโตของเจ้าของบริษัท Jiale Company”

การแสดงออกของผู้จัดการนั้นมีความประหลาดใจเล็กน้อย เพราะเธอไม่ได้คาดหวังว่าหลิวเสี่ยวหนิงจะรู้จักบุคคลใหญ่โตขนาดนี้ และเธอก็เห็นว่าทั้งสองคนคุยกันอย่างมีความสุข ดังนั้นพวกเขาจะต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอย่างแน่นอน

“ฉันขอถามตามตรงนะ คุณไปรู้จักกันได้ยังไง?” ผู้จัดการสาวสวมบทนักซุบซิบนินทาเอ่ยถามหลิวเสี่ยวหนิงด้วยท่าทางน่าสงสัย

หลิวเสี่ยวหนิงขมวดคิ้วเมื่อนึกถึงประสบการณ์เลวร้ายครั้งนั้น “จะถือว่าเป็นอุบัติเหตุก็ได้นะ”

ผู้จัดการสาวกำลังยุ่งอยู่กับการค้นหาข้อมูลของจินจิ่นหรานบนโทรศัพท์มือถือของตนเอง ทำให้เธอไม่ได้สังเกตเห็นหน้าตาแปลกๆบนใบหน้าของหลิวเสี่ยวหนิง “แต่จากที่ได้เห็นเขาช่วยชีวิตชายชราในวันนี้ เขาคงเป็นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ใช่หรือไม่?”

“ใช่ เขาเป็นหมอ” หลิวเสี่ยวหนิงพยักหน้า

เมื่อเหลือบมองไปที่หลิวเสี่ยวหนิงซึ่งก้มศีรษะลงเพื่อเล่นโทรศัพท์มือถือ ผู้จัดการดูเหมือนจะจำอะไรบางอย่างได้ และพูดอย่างลึกลับว่า “คนที่ส่งดอกไม้ให้คุณโดยไม่เปิดเผยตัวตนทุกวันอาจจะเป็นคุณจินคนนี้ก็ได้”

ประโยคนี้ทำให้หลิวเสี่ยวหนิงหยุดการกระทำทุกอย่างลงครู่หนึ่ง เธอกระพริบตาและหัวเราะ “มันจะเป็นไปได้อย่างไร…”

หลังจากโฆษณาที่ล่าช้าถูกถ่ายทำซ้ำอีกครั้งจนเสร็จ หลิวเสี่ยวหนิงก็นั่งลงของผู้จัดการส่วนตัวเพื่อกลับไปยังบริษัท แต่เธอก็สังเกตเห็นกลุ่มคนที่มายืนออกันอยู่บริเวณล็อบบี้ของบริษัทสตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์ประมาณสองสามคน หนึ่งในนั้นคือคุณยายที่หัวใจวายครั้งก่อน

“สาวน้อย!” ดวงตาของคุณยายเป็นประกายวาบวับเมื่อเห็นหลิวเสี่ยวหนิง และหญิงชราก็ค่อยๆก้าวเดินเข้ามาหาเธอโดยได้รับความช่วยเหลือจากญาติของหญิงชราเอง

“คุณยายมาทำอะไรที่นี่คะ?” หลิวเสี่ยวหนิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นก็พบกับจินจิ่นหรานที่อยู่ข้างหลังหญิงชรา

ทั้งสองมองหน้ากันและจินจิ่นหรานยิ้มให้เธอ ทำให้หลิวเสี่ยวหนิงยิ่งเกิดความสับสนมากยิ่งขึ้น

“คุณหลิว ขอบคุณมาก ถ้าคุณไม่ได้ช่วยแม่ของฉันในวันนั้น เธออาจจะ…” ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างชายชรายื่นดอกไม้ช่อใหญ่ให้หลิวเสี่ยวหนิงและกล่าวขอบคุณเธออีกหลายครั้ง

หลิวเสี่ยวหนิงมองดูช่อดอกไม้ที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอ และก่อนที่เธอดึงสติกลับมาให้เป็นปกติได้ เธอก็ได้ยินคำชมอีกครั้งจากคุณยาย

“ในวันนั้นฉันไม่ได้ทำอะไรเลย และที่สำคัญคือต้องขอบคุณหมอจิน” หลิวเสี่ยวหนิงรู้สึกหนักใจเล็กน้อยเมื่อเจอสถานการณ์เช่นนี้เป็นครั้งแรก

“หมอจินพาเรามาที่นี่ เขาบอกว่าถ้าคุณไม่เห็น เขาก็คงช่วยยายได้ไม่ทันเวลา” คุณยายจับมือของหลิวเสี่ยวหนิงและพูดด้วยความโล่งอก

หลิวเสี่ยวหนิงมองไปที่จินจิ่นหรานทันที ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงให้ความดีความชอบทั้งหมดแก่เธอ?

อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าจินจิ่นหรานจะไม่เห็นท่าทีของหลิวเสี่ยวหนิง เขาจึงพูดเสริมคุณยายต่ออีกว่า “ใช่ครับคุณยาย คุณหลิวเป็นคนที่โทรเรียกรถพยาบาลให้มาทันเวลาพอดี”

“จิน…” ทันทีที่หลิวเสี่ยวหนิงเปิดปากของเธอ ธงสีแดงสดก็ปิดกั้นคำพูดของเธอทันที

เมื่อมองดูอักขระแถวใหญ่บนธงสีแดงปลิวไสวนั้น หลิวเสี่ยวหนิงก็รู้สึกวิงเวียนศีรษะกับเหตุการณ์ตรงหน้า เธอไม่เคยถูกใครนำธงแห่งเกียรติยศมาให้เลย

เมื่อจินจิ่นหรานเห็นการแสดงออกของหลิวเสี่ยวหนิง เขาก็หัวเราะออกมาเบา ๆ

เป็นผลให้ในตอนบ่ายการค้นหาที่ร้อนแรงและยอดนิยมก็ไม่พ้นเรื่องของหลิวเสี่ยวหนิง บรรดานักข่าวมากหน้าหลายตาต่างพากันมาถ่ายภาพฉากตอนหญิงชรามอบธงเกียรติยศให้แก่หลิวเสี่ยวหนิง แล้วพวกเหล่าบรรดานักข่าวก็ออกันไปสัมภาษณ์หญิงชราและเปิดเผยเรื่องราวแสนดีของหลิวเสี่ยวหนิงให้แพร่สะพัดออกไป

ทำให้เรื่องของหลิวเสี่ยวหนิงนั้นมีการพูดถึงกันอย่างล้นหลามบนโลกอินเทอร์เน็ต หลิวเสี่ยวหนิงได้รับความนิยมอย่างมากจากคนทั่วทุกสารทิศ และเป็นเหตุให้ในวันนี้มีแฟนคลับกลุ่มหนึ่งเข้ามาดักรอพบเธอ

หลิวเสี่ยวหนิงถูกขนานนามโดยชาวเน็ตว่าเป็นผู้หญิงที่สวยและใจดีที่สุด