นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 485 คู่จิ้น
ในขณะนี้นักแสดงสาวได้รับคำชมอยางล้นหลามจากโลกอินเทอร์เน็ต หลิวเสี่ยวหนิงรู้สึกผิดเล็กน้อย เพราะคนที่ให้การช่วยเหลือคุณยายอย่างแท้จริงแล้วไม่ใช่เธอ เธอก็แค่ช่วยเหลืออีกฝ่ายในจุดที่เธอสามารถช่วยได้เท่านั้น

ดังนั้นเธอจึงค่อนขอดเล็กน้อยกับการกระทำของจินจิ่นหรานในการพาคุณยายมาพบเธอในวันนี้ เธอไม่ได้อยากให้ผลตอบรับทุกอย่างมันเป็นแบบนี้

“คุณไม่จำเป็นต้องอ่อนน้อมถ่อมตน คุณสมควรได้รับมัน”

“ฉันไม่ได้คาดหวังว่าเสี่ยวหนิงจะทำสิ่งนั้น”

เมื่อดูข่าวทางอินเทอร์เน็ต ซูฉิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เมื่อสักครู่เธอก็ได้สอบถามและยืนยันเรื่องนี้กับผู้จัดการส่วนตัวของหลิวเสี่ยวหนิงแล้วเรียบร้อย จึงทำให้บริษัทและตัวหลิวเสี่ยวหนิงเองนั้นเป็นที่นิยมอยู่ในชั่วขณะหนึ่งได้

ในขณะนั้นเองประตูสำนักงานถูกเคาะขึ้น ซูฉิงเงยหน้าและกล่าวกับผู้มาเยือน “เชิญเข้ามา”

ร่างของเฉินจุนเหยียนปรากฏขึ้นและเขาก็พยักหน้าอย่างสุภาพต่อซูฉิง

“เกิดอะไรขึ้น?” ซูฉิงไม่คิดว่าเฉินจุนเหยียนจะมาหาเธอในวันนี้ ซึ่งมันทำให้เธอแปลกใจอยู่ไม่น้อย

“ผู้จัดการบอกว่ามีบทละครให้ฉันเลือก และตัวเธอก็ยุ่งอยู่กับการดูแลนักแสดงหน้าใหม่ ฉันเลยต้องการถามความคิดเห็นของเธอ” ดวงตาที่ลึกซึ้งของเฉินจุนเหยียนจับจ้องไปที่ซูฉิง

หลังจากได้ยินสิ่งที่เฉินจุนเหยียนพูด ซูฉิงจำได้ว่าเธอควรจะตีเหล็กในขณะที่เหล็กยังร้อนอยู่ เธอควรจะให้เฉินจุนเหยียนลงมือเล่นละครบทใหม่บทต่อไปได้แล้ว

ขณะที่เธอลุกขึ้น เธอเหลือบหน้าจอคอมพิวเตอร์จากหางตา และการเคลื่อนไหวทั้งหมดของเธอก็หยุดลงชั่วครู่

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” เฉินจุนเหยียนมองไปที่ซูฉิงและถามด้วยความสงสัย

ซูฉิงส่ายหัวและหยิบบทละครที่ถูกวางไว้บนชั้นหนังสือขึ้นมา แต่ไม่ได้มอบมันให้กับเฉินจุนเหยียน

“บทพวกนี้ไม่เหมาะกับนาย”

ซูฉิงจ้องสายตามองบทละครหลายๆเล่มตรงหน้าจึงพบว่าบทละครส่วนใหญ่ล้วนเป็นบทบาทที่เฉินจุนเหยียนเคยแสดงมาแล้วทั้งนั้น ดังนั้นเธอจึงคิดว่าควรจะใช้โอกาสนี้ในการให้เขาได้แสดงบทบาทใหม่ๆ แต่สำหรับนักแสดงแล้วการออกมาจากกรอบของตัวละครที่เคยเล่นมักถือเป็นความท้าทายที่ค่อนข้างยากเลยทีเดียว

“เฉินจุนเหยียน คุณอยากเล่นบทที่เหมือนกับบทละครเรื่องก่อนหรือไม่?”

เฉินจุนเหยียนส่ายหัวอย่างเร็วโดยไม่ลังเล ในฐานะนักแสดงเขาควรท้าทายตัวเอง และไม่ควรอยู่แต่ภายในกรอบการแสดงที่จำเจของตนเอง

“ฉันตัดสินใจปรับแต่งบทละครโทรทัศน์เรื่องหนึ่งขึ้นมา” ซูฉิงพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“เพื่อฉัน?” เฉินจุนเหยียนแสดงท่าทีตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของซูฉิง

“คุณก็มีส่วนครึ่งนึง” ซูฉิงผายมือให้เฉินจุนเหยียนเหลือบดูข่าวเกี่ยวกับหลิวเสี่ยวหนิงบนหน้าจอคอมพิวเตอร์

“คุณเป็นนักแสดงชายอันดับหนึ่ง และหลิวเสี่ยวหนิงก็เป็นนักแสดงหญิงหมายเลขหนึ่ง”

แม้ว่าเฉินจุนเหยียนจะเห็นการค้นหาที่ร้อนแรงของหลิวเสี่ยวหนิงในวันนี้ แต่เขาก็ไม่ใส่ใจ

เขาพอจะได้เห็นคำชมจากแหล่งข่าวต่างๆที่พากันชื่นชมและสรรเสริญหลิวเสี่ยวหนิง แต่เฉินจุนเหยียนก็ไม่ได้นึกคิดอะไร

แต่ว่า……

“ละครทีวีที่สร้างแรงบันดาลใจจากไอดอลเยาวชน ตอนนี้ความนิยมของหลิวเสี่ยวหนิงกำลังเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งมันเหมาะสำหรับการโปรโมทเรื่องแบบนี้” ซูฉิงพูดแผนงานเกริ่นๆออกมาพลางเงยหน้าขึ้นมองเพื่อดูสีหน้าท่าทางของเฉินจุนเหยียน

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” ซูฉิงเอ่ยถามเมื่อเห็นท่าเพิกเฉยของฝ่ายชาย

เฉินจุนเหยียนฟื้นคืนสติและเอ่ยถามขึ้นมาเสียงเบา “เปลี่ยนนักแสดงชายเบอร์หนึ่งเป็นคนอื่นแทนได้ไหม? ฉัน…”

ครั้งก่อนตอนที่หลิวเสี่ยวหนิงสารภาพรักกับเขาโดยกะทันหันยังติดตรึงอยู่ในใจของเขาไม่เลือนหาย เรื่องราวในวันนั้นมันทำให้เขาทั้งสองคนรู้สึกเขินอายจนมาถึงตอนนี้ และถ้าจับพวกเขามาถ่ายทำละครเรื่องเดียวกันอีก เฉินจุนเหยียนรู้สึกว่าควรจะให้หลิวเสี่ยวหนิงได้ฟื้นฟูจิตใจ และเขาทั้งสองไม่ควรต้องพบและข้องเกี่ยวกันในช่วงนี้

เมื่อนึกถึงใบหน้าของหลิวเสี่ยวหนิงที่เจ็บปวดแต่ก็ยังพยายามอดทนอดกลั้นความรู้สึกในวันนั้น เฉินจุนเหยียนก็เกิดความรู้สึกเศร้าในใจทันที

“คราวที่แล้วข่าวการจิ้นระหว่างคุณและหลิวเสี่ยวหนิงก็ได้รับความนิยมอย่างมาก และตอนนี้แฟนคลับก็ชอบเวลาที่พวกคุณได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง” ซูฉิงกล่าวเบาๆด้วยรอยยิ้ม

“นี่…” เฉินจุนเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย

“เราควรใช้ประโยชน์จากความนิยมของคุณและหลิวเสี่ยวหนิงในตอนนี้ การเป็นคู่จิ้นกันล้วนมีแต่ข้อดีไม่มีข้อเสียแน่นอน”

การแสดงประกบคู่กันในมุมของคนอื่นอาจจะมองว่าเหมาะสมบ้างไม่เหมาะสมบ้าง แต่การเป็นคู่จิ้นกันนั้นมันไม่ใช่

เฉินจุนเหยียนเข้าใจความจริงเหล่านี้ดี ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตกลง

“ดีมาก ฉันจะส่งบทละครให้คุณภายในสองสามวันนี้” ซูฉิงพยักหน้า

เมื่อเห็นท่าทางของซูฉิง เฉินจุนเหยียนจึงหันหลังและเดินออกจากสำนักงานในทันที เขาเปิดหน้าไทม์ไลน์ขึ้นมาและได้เห็นภาพที่หลิวเสี่ยวหนิงได้โพสลงบนเพจของเธอ

“ซุปเปอร์สตาร์เฉิน!”

ขณะนั้นเองเสียงของผู้จัดการสาวที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาก็ได้ตะโกนขัดความคิดของเฉินจุนเหยียนเข้า

“คุณเลือกบทละครเรื่องไหน?” เมื่อเห็นว่าเฉินจุนเหยียนเดินออกมามือเปล่า ผู้จัดการก็อดที่จะเอ่ยปากถามไม่ได้

“ซูฉิงบอกว่าจะปรับแต่งละครใหม่” เฉินจุนเหยียนใส่โทรศัพท์ลงในกระเป๋าเสื้อของเขาแล้วตอบอย่างใจเย็น

……

“คุณพูดว่าอะไรนะ?”

หลิวเสี่ยวหนิงมองไปที่ผู้จัดการสาวของตนด้วยความประหลาดใจ เธอสงสัยว่าหูเธอฝาดไปหรือเปล่า

“ทำไม เดี๋ยวนี้ได้รับคำชมจากอินเทอร์เน็ตซะจนหูไม่ดีเลยเหรอ?”

ผู้จัดการหัวเราะขำออกมาเบาๆ “บริษัทตัดสินใจสนับสนุนคุณ และใช้ประโยชน์จากความนิยมของคุณในตอนนี้ หยิบยื่นรายการวาไรตี้หลายรายการมาให้คุณ ในอนาคตงานคุณคงจะยุ่งมาก”

หลิวเสี่ยวหนิงกะพริบตาปริบๆ เธอรู้สึกว่ามันช่างเป็นเรื่องที่น่าเซอร์ไพรส์เกินไป

อันที่จริงความนิยมในตอนแรกของเธอก็ไม่ได้ถือว่าน้อยนัก แต่ก็ยังไม่ถือว่าจะสูงจนบรรลุเป้าหมายต่างๆได้ แต่พอมาถึงตอนนี้ตอนที่เธอกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก หญิงสาวก็เข้าใจชัดเจนทันทีว่าควรใช้โอกาสนี้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ให้ได้

ผู้จัดการสาวพลิกสมุดตารางงานและกล่าวรายงานแพลนงานต่างๆให้เธอฟัง “บริษัทจะปรับแต่งละครทีวีเรื่องนึงขึ้นมาและจะมอบหมายบทบาทนักแสดงหญิงหมายเลขหนึ่งให้กับเธอ”

“แล้วนักแสดงชายอันดับหนึ่งล่ะ? ถูกกำหนดไว้แล้วเหรอ?” หลิวเสี่ยวหนิงถามด้วยความสงสัยทันที

อย่างไรก็ตามคำพูดต่อมาของผู้จัดการสาวทำให้รอยยิ้มบนปากของหลิวเสี่ยวหนิงหุบลงทันที

“ถูกกำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว เขาเป็นคนคุ้นเคยของเธอด้วย คนคนนั้นคือซุปเปอร์สตาร์เฉิน”

“อะไรนะ?” เมื่อหลิวเสี่ยวหนิงได้ฟังเธอก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอเต้นแรงขึ้น

“ซุปเปอร์สตาร์เฉินที่เธอเคยร่วมงานมาก่อนไง” ผู้จัดการสาวทวนชื่อนักแสดงนำชายซ้ำอีกครั้ง

หลิวเสี่ยวหนิงกัดริมฝีปากล่างของเธอและค่อยๆ นั่งลงบนโซฟา

เธอนึกว่าหลังจากที่เธอตัดสินเอ่ยปากสารภาพรักกับเขาและถูกเขาปฎิเสธกลับมาในครั้งนั้น จะทำให้ทั้งเขาและเธอไม่ได้ติดต่อหรือสานสัมพันธ์กันอีก แต่ใครมันจะไปคิดว่าตอนนี้เขาและเธอจะต้องกลับมาร่วมทำงานด้วยกันอีกครั้ง

หลิวเสี่ยวหนิงหลับตาลง นิ้วยาวสวยออกแรงบิดชายเสื้อของตัวเองอย่างแน่น เธอต้องบอกว่าเธอมีความสุขจริงๆที่ได้ยินข่าวดีข่าวนี้

เพราะเธอชอบเฉินจุนเหยียนมาก เธอแอบเข้าไปดูวีแชทของเฉินจุนเหยียนทุกวัน แต่เธอก็ไม่กล้าติดต่ออีกฝ่ายไป เพราะกลัวจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนยิ่งแย่ลงกว่าเดิม

ในเมื่ออยู่ในบริษัทและสังกัดเดียวกัน ยังไงก็ต้องเจอกันในสักวันแหละ

แต่ตอนนี้พวกเขามีโอกาสที่จะร่วมงานกันอีกครั้ง แต่นอกจากเธอจะมีความสุขแล้วหลิวเสี่ยวหนิงเองก็ยังรู้สึกหนักใจอยู่ไม่น้อย

“ทำไมคุณดูไม่ดีใจเลยล่ะ?”

เมื่อเห็นการแสดงออกที่ค่อนข้างผิดหวังของหลิวเสี่ยวหนิง ผู้จัดการสาวก็เอ่ยถามอย่างรวดเร็ว

“ไม่ ฉันอยากทำงานกับเขาอีกครั้งจริงๆ แต่ฉันกลัวว่าบรรยากาศมันจะอึดอัด…” หลิวเสี่ยวหนิงพูดเบาๆ

“อึดอัด? คุณสองคนเคยทำงานร่วมกันแล้ว ดังนั้นคุณไม่มีอะไรที่ต้องเขินอายหรืออึดอัดหรอก” ผู้จัดการตบไหล่หลิวเสี่ยวหนิงอย่างให้กำลังใจ

“คุณไม่เข้าใจหรอก…” หลิวเสี่ยวหนิงอ้าปากกว้างแล้วหันกลับมา สีหน้าของเธอดูเหนื่อยใจเล็กน้อย

เธอสารภาพรักกับเขาด้วยความกระตือรือร้น แต่เขากลับเห็นเธอเป็นแค่น้องสาวของเขาคนหนึ่งเท่านั้น

จู่ๆ หลิวเสี่ยวหนิงก็ครุ่นคิดขึ้นมา ละครทีวีบางเรื่องอาจจะดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือ แต่เรื่องราวเหล่านี้มักจะถูกสร้างมาจากเหตุการณ์จริงอย่างแน่นอน

“ผ่อนคลายเถอะนะ ครั้งแรกที่คุณร่วมมือกับซูปเปอร์สตาร์เฉินมันก็ไม่มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นไม่ใช่เหรอ หลังจากนี้คุณสองคนก็จะมีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะคู่จิ้น บริษัทจะทำโฆษณาและปั่นกระแสคู่จิ้นของพวกคุณอย่างสุดความสามารถแน่นอน”

ผู้จัดการสาวพูดให้กำลังใจหลิวเสี่ยวหนิง เธอเป็นคนแรกที่พาเสี่ยวหนิงเข้ามาเฉิดฉายในวงการบันเทิง เพราะฉะนั้นเรื่องความรู้สึกนึกคิดของเสี่ยวหนิงเธอก็พอจะเดาออกและเข้าใจในตัวหญิงสาวตรงหน้าอยู่ไม่น้อย

“ฉันหวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น!” หลังจากได้ยินสิ่งนี้หลิวเสี่ยวหนิงก็ยืดตัวขึ้นและให้กำลังใจกับตัวเอง