ชายชราร่างสูงหัวล้านยืนอยู่ในความมืด ทั่วร่างของเขาเต็มไปด้วยพลังเกินกว่าจะเอ่ยเป็นคำพูดออกมา

เขาเหมือนกับรูปปั้นเทพ

ไม่ใช่ของปลอมแบบเผ่าพันธุ์เทพ แต่เป็นร่างชีวิตที่ทรงพลังเกินกว่าจะจินตนาการ

“มังกรมารคือมรดกของพวกเรา”

“ทุกคนต่างคิดว่าจะไม่มีใครแตะต้องอาวุธต้องห้ามในรุ่นหลัง”

“แต่ข้ากลับคิดอีกอย่าง หากสักวันมังกรมารเกินการควบคุมและมีใครสักคนยืนยันเพื่อฆ่ามังกรมารขึ้นมา เช่นนั้นพวกข้าจะเผชิญหน้ากับคนแบบนี้อย่างไร”

ชายชราหัวล้านลูบเคราสีเงิน ดวงตาเผยความครุ่นคิด

“ในฐานะลูกหลานของพวกข้า เห็นได้ชัดว่าเขาทำสิ่งที่พวกข้าทุกคนหลีกเลี่ยงมาโดยตลอด แต่เขาต้องอดทนกับผลจากความขมขื่นที่พวกข้าทิ้งเอาไว้”

“พวกข้าไม่มีหน้าจะไปเจอกับคนหนุ่มรุ่นหลังแบบนั้นหรอก”

กู่ฉิงซานฟังอยู่เงียบๆ

ถ้าเขาเป็นอีกฝ่าย เกรงว่าก็คงมีความคิดเช่นนี้เหมือนกัน

ชายหัวล้านกล่าวต่อว่า “ต่อมา หลังจากครุ่นคิดอย่างหนักมาเนิ่นนาน ในที่สุดข้าก็พบความสามารถจากมรดกลี้ลับทางฝั่งแปลกประหลาด หลังจากการเปลี่ยนสภาพของข้า ทำให้สามารถค่อยๆ เปลี่ยนพลังของมังกรมารให้มาเป็นพลังของเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้”

เขากางฝ่ามือออก

จุดแสงสว่างที่โชติช่วงลอยอยู่บนฝ่ามือของเขา

ชายชราหัวล้านคว้าจุดแสงสว่างก่อนสะบัดไปทางกู่ฉิงซานอย่างแผ่วเบา

จุดแสงสว่างลอยมาอยู่ตรงหน้ากู่ฉิงซานช้าๆ ก่อนจมเข้าสู่หว่างคิ้วของเขา

“นี่คืออะไร” กู่ฉิงซานถาม

“วิชาที่ประกอบมาจากแหล่งกำเนิดพลังลี้ลับน่ะ รายละเอียดยิบย่อยของวิชานี้ก็คือสามารถหยุดการกัดกร่อนของพลังมังกรมารได้ก่อนค่อยๆ เปลี่ยนเป็นพลังของเจ้า”

“มันอาจจะต้องใช้เวลาสักพักในการโหลด แต่ข้ายังสามารถคงอยู่ได้อีกสักพัก อาศัยโอกาสนี้เพื่ออธิบายเจ้าก็แล้วกัน”

“เจ้ารู้หรือเปล่าว่าสิ่งที่ทรงพลังที่สุดในบรรดาวิชาลี้ลับคืออะไร”

กู่ฉิงซานสายหน้า ประสานมือแล้วกล่าวว่า “ข้าไม่รู้เรื่องความลี้ลับเลย ดังนั้นโปรดชี้แนะด้วย”

ระบบลี้ลับคือสิ่งที่ซับซ้อนเกินกว่าจะเข้าใจ

หากกลุ่มอำนาจต้นๆ เต็มใจอธิบายความลับของระบบลี้ลับ เขาก็ยินดียิ่งที่จะฟัง

ชายชราหัวล้านเริ่มอธิบายจริงๆ

“ในบรรดาวิชาลี้ลับของระบบลี้ลับ ส่วนใหญ่มีรากฐานมาจากพรสวรรค์ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะขึ้นอยู่กับว่าเป็นพลังที่เต็มใจให้ผู้อื่นใช้หรือเปล่า”

“ในบรรดาส่วนน้อยนี้ ยังมีส่วนน้อยมากๆ อีกที่สามารถได้รับผ่านการชี้นำเท่านั้น”

“ยกตัวอย่างเช่น มรดกยิ่งใหญ่ของฝั่งแปลกประหลาด: ระบำสังเวยชีพ”

กู่ฉิงซานอดที่จะแทรกขึ้นมาไม่ได้ว่า “ท่านหมายถึงการเต้นหรือ”

“ใช่ การเต้นคือวิธีที่ดีที่สุดในการสื่อสารกับสิ่งลี้ลับ ช่วงยุคดึกดำบรรพ์ เผ่าพันธุ์มนุษย์เรียนรู้การติดต่อสื่อสารกับสิ่งลี้ลับผ่านการเต้น”

“ระบำสังเวยชีพคือความสามารถแข็งแกร่งที่สุดของฝั่งแปลกประหลาด สามารถติดต่อสื่อสารกับพลังลี้ลับอันไม่มีสิ้นสุดเพื่อช่วยตัวเองได้”

“แต่ระบำสังเวยชีพคือการสังเวยสิ่งมีชีวิตนับร้อยล้านเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน มั่นชั่วช้าเกินไป ดังนั้นข้าจึงปรับแต่ง”

“ระบำสังเวยชีพที่ปรับแต่งแล้วถูกแบ่งเป็นเก้าขั้น แต่ละขั้นจะทำให้เจ้าได้รับส่วนหนึ่งของพลังจากมังกรมาร”

เมื่อกล่าวถึงตรงนั้น ชายชราหัวล้านชำเลืองมองกู่ฉิงซาน

บนร่างของกู่ฉิงซาน เปลวเพลิงสีดำยังคงกระจายออก

อักขระแปลกประหลาดชั่วร้ายเหล่านั้นกลับมาปรากฏบนผิวหนังของเขาอีกแล้ว

พลังในการยับยั้งมังกรมารเริ่มสำแดงเดช

ชายชราหัวล้านกล่าวว่า “ก่อนเจ้าจะเปลี่ยนพลังของมังกรมารจนหมด อย่าถอดชุดคลุมเด็ดขาด มันสามารถปกป้องการกัดกร่อนตัวเจ้าได้”

กู่ฉิงซานอดทนต่อความเจ็บปวดในร่างกายแล้วกล่าวว่า “ข้าเข้าใจ แต่ตอนนี้มันหักห้ามพลังของมังกรมารไม่ไหวแล้ว”

ชายชราหัวล้านพยักหน้าทันที

“แสดงว่าเจ้าต้องเริ่มฝึกฝนระบำสังเวยชีพที่ปรับแต่งเดี๋ยวนี้เลย ชั้นแรกสามารถช่วยเจ้ายับยั้งพลังของมังกรมารได้ชั่วคราว”

“เวลาหมดลงแล้ว แสงและเงาของความคิดที่ข้าหลงเหลือเอาไว้กำลังจะหายไป”

“ฝึกฝนวิชาลี้ลับให้ดี ไม่เพียงแค่ช่วยยับยั้งและเปลี่ยนพลังของมังกรมารได้เท่านั้น แต่ยังเป็นประโยชน์กับเจ้าอีกมากมาย… นี่คือของขวัญที่ข้ามอบให้ในฐานะผู้อาวุโส… ยังไงเสีย เจ้าก็ประสบความสำเร็จในสิ่งที่พวกข้าไม่เคยแม้แต่จะคาดคิดแล้ว”

“ลาก่อน”

ถึงจุดนี้ ภาพของชายชราหัวล้านหายไปในความมืด

กู่ฉิงซานรู้สึกเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น

รอต่อไปไม่ไหวแล้ว

เขาพยายามสัมผัสจุดแสงสว่างที่อยู่ลึกเข้าไปในใจกลางของหว่างคิ้วด้วยจิตเทพ

ตอนจุดแสงสัมผัสเข้ากับจิตเทพ มันเกิดการตอบสนองทันที

ลำแสงสาดส่องมาจากคิ้วของกู่ฉิงซานก่อนตกกระทบบนความว่างเปล่าตรงหน้า

ชายชราหัวล้านปรากฏขึ้นอีกครั้ง

กู่ฉิงซานตกตะลึง

“ท่านไม่ได้… หายไปแล้วหรือ” เขาถามอย่างสงสัย

ชายชราหัวล้านตอบว่า “ข้าจากไปแล้ว นี่คือสิ่งที่อัดเอาไว้ มีการทำงานเพียงแค่อย่างเดียวคือสาธิตและตอบคำถามของเจ้าเกี่ยวกับการฝึกฝนวิชาลี้ลับ”

ชายชราหัวล้านมองกู่ฉิงซานแล้วกล่าวด้วยใบหน้าซื่อตรงว่า “สภาพของเจ้าไม่สู้ดี พวกเราจะเริ่มกันเดี๋ยวนี้เลย”

“ดี!” กู่ฉิงซานกัดฟัน

ชายชราหัวล้านส่งสัญญาณ

เพียงเคลื่อนไหว ดนตรีค่อยๆ ดังขึ้นในความว่างเปล่า

“ตึงตึงโป๊ะ ตึงตึงโป๊ะ ตึงตึงตึงตึงตึงตึงโป๊ะ!”

นี่คือจังหวะการเคาะที่แพร่หลายมาก

เมื่อดนตรีขึ้น ชุดเครื่องแบบของชายชราหัวล้านหายไป

เขาเปลี่ยนมาสวมกางเกงชายหาดหลากสีสัน ท่อนบนเปลือยเปล่า สวมแว่นกันแดด ยืนเท้าเปล่า

“ตามจังหวะดนตรี ตามจังหวะข้า เต้นไปด้วยกัน!”

“หนึ่ง สอง สาม กระทืบเท้า”

“สี่ ห้า หก โบกมือ”

“เจ็ด แปด เก้า จิ้มแก้ม ยักไหล่”

“บิดก้นพร้อมๆ กัน!”

ชายชราหัวล้านเริ่มเต้นหลายหลากท่า

กู่ฉิงซานพูดอะไรไม่ออก

ท่าพวกนี้ช่างน่าอับอายจนเขาลืมเลือนความเจ็บปวดตามร่างกายไป

ชายชราหัวล้านชำเลืองมองเขาเขม็งแล้วตะโกนว่า “วิชาลี้ลับยิ่งใหญ่ที่ชายชราผู้นี้พยายามอย่างหนักเพื่อพัฒนานั้นไม่ใช่สิ่งที่ใครจะสามารถเรียนรู้ได้ หากเจ้าไม่อยากเรียนรู้ก็เชิญกลายเป็นมังกรมารไปเสียเถอะ”

กู่ฉิงซานส่ายหน้าก่อนกลับมามีสติ

“ข้าจะเรียน!”

เขารีบกล่าว

“ดีมาก พวกเราจะเริ่มกันตั้งแต่แรก” ชายชราหัวล้านกล่าวอย่างพึงพอใจ

“ดนตรี มา!”

“ตึงตึงโป๊ะ ตึงตึงโป๊ะ ตึงตึงตึงตึงตึงตึงโป๊ะ!”

“หนึ่ง สอง สาม กระทืบเท้า”

“สี่ ห้า หก โบกมือ”

“เจ็ด แปด เก้า จิ้มแก้ม ยักไหล่”

“บิดก้นพร้อมๆ กัน!”

ความจริง ท่าพวกนี้ถือว่าง่ายมาก แต่ขณะกู่ฉิงซานเต้นอยู่นั้น เขารู้สึกถึงพลังที่ยากจะบรรยายตรงหว่างคิ้วที่เริ่มกระจายไปตามแขนขา

นี่อาจจะเป็นแหล่งกำเนิดพลังแปลกประหลาดที่ชายชราหัวล้านพูดถึงก็ได้

พลังนี้ค่อยๆ กระจายไปทั่วร่างกายของกู่ฉิงซานก่อนเริ่มเข้าสู่ความว่างเปล่าที่ไม่มีสิ้นสุด

ขณะยังคงเต้นต่อไป จิตเทพของเขาค่อยๆ กระจายออกไม่ได้

ความว่างเปล่าที่ปกคลุมไปด้วยพลังและตัวตนที่ไม่อาจเข้าใจได้เข้าบดบังการรับรู้ของเขาจนสิ้น

พวกมันเข้ามาอันแล้วอันเล่าเพื่อขัดขวางดนตรีกับการเต้น ทำให้ร่างกายของกู่ฉิงซานช้าลงไปมาก

เปลวเพลิงสีดำบนตัวกู่ฉิงซานค่อยๆ หายไป

ไม่ช้าความเจ็บปวดก็หายไป

เป็นประโยชน์จริงด้วย!

กู่ฉิงซานได้เห็นผลของมันจนทั่วร่างเผยความตื่นเต้นออกมา

ในความว่างเปล่าตรงหน้า แถวตัวอักษรโลหิตขนาดเล็กปรากฏขึ้นมาแถวแล้วแถวเล่าเช่นกัน

“ท่านทำการแสดงระบำสังเวยชีพ (ฉบับปรับแต่งเบื้องต้น)”

“ยินดีด้วย ท่านได้รับความสนใจจากพลังลี้ลับนับไม่ถ้วน ปกติแล้วนี่คือโชคดีที่มนุษย์น้อยคนนักจะได้รับ”

“พลังลี้ลับนับไม่ถ้วนกำลังช่วยท่านยับยั้งพลังของมังกรมาร”

“ท่านต้องรักษาตัวตนในฐานะเผ่าพันธุ์มนุษย์ชั่วคราวเพื่อไม่ให้บัญญัติแยกออกจากท่าน”

เมื่อเห็นคำพูดเหล่านี้ กู่ฉิงซานถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ตัวอักษรโลหิตขนาดเล็กยังคงผุดขึ้นมา

“ท่านได้รับเศษเสี้ยวพลังของการเปลี่ยนเป็นมังกรมาร”

“ร่างกายของท่านแข็งแกร่งขึ้น”

“ท่านได้รับสิ่งที่คาดไม่ถึง: พลังลี้ลับหนึ่งได้เปลี่ยนระบบภูมิคุ้มกันของท่าน ทำให้ต้านทานการโจมตีด้วยวูดูได้เล็กน้อย

“เพื่อให้ตัวตนของท่านดียิ่งขึ้น บัญญัติจะหายไปจากสายตาของท่านชั่วคราวเพื่อไม่ปิดกั้นการมองเห็น”

“โปรดทำการเต้นต่อไป”