บทที่ 215 แหวนรางวัลมงกุฎแห่งโฮล์ม

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

เมื่อได้ยินคำกล่าวของลูเซียน จอมเวทส่วนใหญ่รู้สึกสับสนในตอนแรก แต่แล้วพวกเขาก็กลับยิ้มและเริ่มปรบมืออีกครั้ง ช่างเป็นการเปิดตัวแสนถ่อมตนและเหมาะสมยิ่งนัก!

ราเวนติ ยูลิสิส และจอมเวทคนอื่นๆ ที่ต่างศึกษาการจัดลำดับธาตุนี้ ต่างยิ้ม พวกเขาต่างรู้สึกพอใจที่รู้ว่างานของตนไม่สูญเปล่า และก็เพราะงานของพวกเขาที่วางรากฐานให้กับการค้นพบอันยิ่งใหญ่ของลูเซียน

“สง่างาม ถ่อมตัว และตรงไปตรงมาก” ทิโมธีกล่าวกับแลร์รี่ขณะเขากำลังปรบมือ “ข้ารู้สึกว่าประโยคที่ลูเซียนเพิ่งพูด โลกนี้จะถูกจดจำ”

แลร์รี่จับคางเบาๆ และยิ้ม “ไม่เอาน่า นี่เป็นรางวัลมงกุฎแห่งโฮล์ม และอีวานส์เป็นเจ้าของรางวัลคนที่ยี่สิบหกในระยะเวลามากกว่าสองร้อยเจ็ดสิบปี อะไรก็ตามที่เขาพูดจะถูกจดจำทั้งนั้นแหละ แต่… อืม ใช่ สิ่งที่เขาพูดแสดงถึงเสน่ห์ของบุคลิกภาพของเขา และอาจเป็นแรงบันดาลใจให้กับกวีอีกมากมาย”

“โชคร้ายหน่อยนะ แลร์รี่ เรารับบทเป็นตัวตลกในเรื่องเล่าอันน่าประทับใจของอีวานส์ และเราจะถูกจดจำในเรื่องนี้เช่นกัน แม้ว่าไม่ใช่เหตุผลที่น่าจำนัก” ทิโมธีตบบ่าแลร์รี่เบาๆ

แลร์รี่ยิ้มและยักไหล่ รู้ว่าทิโมธีแค่เพียงพูดมุกตลก ทั้งทิโมธีและเขาไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้เท่าไร เนื่องจากทั้งสองมั่นใจว่าจะไม่ถูกเกลียดเพียงเพราะความสำเร็จของใครคนหนึ่ง

แต่เมื่อทิโมธีมองไปที่ลูเซียนที่กำลังยืนอยู่บนเวทีและได้รับเสียงปรบมืออย่างอบอุ่น ความปรารถนาในรางวัล ‘มงกุฎแห่งโฮล์ม’ ปรากฏขึ้นอย่างแรงกล้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ความสำเร็จของลูเซียนจะเป็นแรงกระตุ้นให้กับจอมเวทรุ่นใหม่ที่มีความทะเยอทะยานได้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ในบรรดาสายตาหลากหลายคู่ที่เต็มไปด้วยความปรารถนาและความชื่นชม ด้านล่างเวที มีสายตาคู่หนึ่งที่สุขุมและเยือกเย็น ‘ถึงจะถ่อมตัว เขากำลังสดุดี ‘ศาสตราจารย์’ อาจารย์ของเขา ตอนพูดประโยคนั้นออกมาหรือเปล่า?’

อย่างไรก็ตาม มีเพียงลูเซียนเท่านั้นที่รู้ว่าเขากำลังสดุดีใคร

หลังจากผ่านมาสองสามวินาที ลูเซียนกล่าวสุนทรพจน์ของเขาต่อ “หากท่านดักลาสไม่ตั้งคำถามสิบข้อที่นำเราไปสู่การสำรวจความจริงของโลก เราจะไม่มีวันมาถึงจุดนี้ หากจอมเวทก่อนหน้าข้าไม่เคยเปิดเผยความจริงที่ว่าธาตุประกอบด้วยอะตอม เราจะไม่สามารถมาได้ไกลถึงขั้นนี้ในการศึกษาธาตุ หากจอมเวทไม่ได้ชี้แนะพวกเราทั้งหมดถึงวิธีการใหม่ในการทดลอง ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะทำการศึกษาการเรียงลำดับธาตุ เพราะฉะนั้น ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี หากไม่มีพวกท่านทั้งหลาย ข้าจะไม่มีวันเสนอตารางธาตุนี้ได้”

จอมเวททุกคนต่างรู้สึกประทับใจ และเป็นอีกครั้งที่มีเสียงปรบมืออย่างอบอุ่นขัดจังหวะสุนทรพจน์ของลูเซียน

“อย่างไรก็ตาม ด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าเรากำลังยืนอยู่บนไหล่ยักษ์ ไม่ได้หมายความว่าเราจะสามารถหลงใหลไปกับเกียรติยศและชื่อเสียง แต่เราจ้องมองให้ไกลและลึกลงไป” ลูเซียนกล่าวต่อจอมเวททั้งหลายอย่างจริงใจ “อย่างที่ข้าเคยพูดไว้เมื่อวันก่อน ความจำเป็นเร่งด่วนที่สุดของเราตอนนี้ไม่ใช่การหาธาตุใหม่ต่างๆ ตามตารางธาตุ แต่เป็นการถอยออกมาครุ่นคิดว่าทำไมถึงลำดับในการแผ่กระจายของธาตุ ข้ารู้สึกว่าการค้นพบในสาขานี้จะนำไปสู่พายุลูกใหญ่ในอาร์คานาศาสตร์ ซึ่งจะทำให้เราเข้าถึงความจริงและสารัตถะของโลกนี้มากยิ่งขึ้น”

เมื่อเห็นลูเซียนกำลังกล่าวสุนทรพจน์บนเวที ลาซาร์ไม่อาจหยุดนึกถึงปรมาจารย์หลายท่านในประวัติศาสตร์ ในโลกของดนตรี คนอย่าง ‘คริสโตเฟอร์’ อดีตประธานสมาคมนักดนตรีนครอัลโต้ อาจเรียกได้ว่าปรมาจารย์ ขณะที่ในโลกแห่งเวทมนตร์ มีเพียงจอมเวทที่ทรงอิทธิพลจริงๆ เท่านั้นที่อาจเรียกได้ว่าปรมาจารย์ ตอนนี้ ลูเซียนยืนอยู่บนเวที เขาดูสง่างามและเต็มไปด้วยความมั่นใจ ราวกับว่าเขาคุ้นเคยกับสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน

“เราควรเริ่มจากตรงไหน?” ลูเซียนหยุดคิดก่อนพูดต่อ “ข้าเชื่อว่าทุกคนสังเกตได้ถึงปัญหาที่ชัดเจนมากที่สุดในตารางธาตุของข้า ทำไมน้ำหนักอะตอมของธาตุต่างๆ ยังไม่เป็นไปตามกฎการกระจายตัว? การค้นพบธาตุใหม่สองชนิดสนับสนุนสมมติฐานของข้าที่ว่าการวัดธาตุเหล่านี้ยังไม่ถูกต้อง แต่ทำไมล่ะ?”

รีเบกกายืนอยู่ข้างๆ ลาซาร์ ดวงตาเป็นประกาย ขณะนางกำลังจ้องมองชายหนุ่มผู้นี้บนเวที

เมื่อเห็นจอมเวทส่วนใหญ่พยักหน้าเห็นด้วย ลูเซียนยิ้ม “อันที่จริง ข้ามีข้อสันนิษฐาน ข้าคิดว่านั่นเป็นเพราะตัวอย่างธาตุที่นำมาวัดไม่ได้บริสุทธิ์เต็มร้อย แต่ขณะเดียวกัน ความไม่บริสุทธิ์นั้นก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อคุณสมบัติของธาตุ ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุที่เราหาและแยกความไม่บริสุทธิ์พวกนี้ออกได้ยาก เพื่อการกลั่นธาตุที่บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น ข้าคิดว่าเราควรมองกันที่ข้อเท็จจริงที่ว่ามีความแตกต่างระหว่างน้ำหนักอะตอมของธาตุและความไม่บริสุทธิ์”

จอมเวททั้งหลายซึ่งรวมถึงผู้ที่มีพรสวรรค์มากมายต่างตกตะลึง เนื่องจากพวกเขาไม่คาดคิดว่าจะมีจอมเวทคนไหนกล้าแบ่งปันแนวคิดหรือแรงบันดาลใจของตัวเองเหมือนที่ลูเซียนกำลังทำ ดูเหมือนลูเซียนไม่ได้รู้สึกกังวลกับความคิดนี้เลย ซึ่งอาจนำไปสู่การค้นพบอันยิ่งใหญ่ และนั่นหมายถึงอาจถูกจอมเวทที่เข้าร่วมประชุมขโมยความคิดไปได้

นอกเหนือจากความคิดนี้ สิ่งที่ประทับใจพวกเขาอย่างมากก็คือความสามารถในการคิดเชิงตรรกะอันแรงกล้าของลูเซียน แม้ว่าเขาจะยังไม่มีความรู้เชิงลึกในอาร์คานาศาสตร์มากนัก ข้อสันนิษฐานของเขาฟังดูสมเหตุสมผลมาก

ขณะที่จอมเวทอีกหลายคนยังรู้สึกหัวเสียกับผลการวัดธาตุผิดๆ ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ลูเซียนก้าวนำพวกเขาไปอีกขั้นอีกครั้ง!

ครั้งนี้ไม่มีเสียงปรบมือเพราะนักเวททุกคนในที่ประชุมกำลังวุ่นวายอยู่กับการบันทึกและจดความคิดของพวกเขาด้วยปากกาขนนก ราเวนติและมอร์ริสขมวดคิ้ว ทั้งสองรู้สึกอยากจะเริ่มสร้างวงเวทใหม่ๆ เพื่อกลั่นธาตุเหล่านี้ให้บริสุทธิ์ขึ้นเสียเดี๋ยวนี้เลย

ลูเซียนขึ้นเสียงสูง “ข้าเป็นเพียงผู้เริ่มต้นศึกษาอาร์คานาและการออกแบบวงเวทหรือการเล่นแร่แปรธาตุ เพื่อรองรับวัตถุประสงค์นี้ที่อยู่เหนือความสามารถของข้า ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี ข้าหวังว่าเราจะสามารถพัฒนาสาขาวิชานี้ร่วมกันเพื่อให้เรากลายเป็นยักษ์ให้กับชนรุ่นหลังต่อไป! เพื่อส่งเสริมให้สำนักเวทธาตุทะยานสู่จุดสูงสุด!”

หลังจากนั้น ลูเซียนยกมือขวาขึ้นแตะหน้าผากและโค้งคำนับให้กับผู้ฟัง

จอมเวททั้งหลายค่อยๆ ตื่นจากภวังค์ความตกตะลึงและความแปลกใจของตน แล้วพวกเขาก็เริ่มปรบมือกันอย่างบ้าคลั่ง แม้กระทั่งหลังคาของอาคารก็สั่นไหว พวกเขากำลังปรบมือให้กับความคิดอันเฉียบคมของลูเซียน และสำหรับความกรุณาเผื่อแผ่ความรู้ของเขา!

มอร์ริสต้องใช้เวลาสักพักใหญ่กว่าจะทำให้จอมเวททั้งหลายสงบลงได้ แล้วเขาก็หันไปทางลูเซียน “ถ้าวิธีกลั่นธาตุที่เขาเสนอแนะประสบความสำเร็จ นับเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่งซึ่งอาจทำให้เจ้าได้รับรางวัลมงกุฎแห่งโฮล์มอีกครั้ง แล้วเรากลับนำมาเปิดเผยกับพวกเราตรงๆ แบบนี้เนี่ยนะ?”

ลูเซียนยิ้ม ส่วนหนึ่งเพราะมอร์ริสค่อนข้างมีหน้าตาคล้ายกับนาตาชา “แม้ถ้าข้าไม่ประสงค์จะแบ่งปันความคิดนี้กับใคร แต่ข้ามั่นใจว่าไม่ช้าไม่นาน จะมีจอมเวทคนอื่นที่คิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ ดังเช่นที่ข้าเคารพและเชื่อในความเฉลียวฉลาดและภูมิปัญญาของจอมเวททั้งหลายเสมอมา ข้าคิดว่าคงดีกว่าถ้าได้แบ่งปันความคิดกับทุกท่าน โดยเฉพาะเมื่อข้าไม่สามารถทำการวิจัยทำนองนั้นได้ในตอนนี้ ข้าหวังอย่างยิ่งว่าจะได้เป็นยักษ์ ฮ่าๆ การสำรวจโลกใบนี้ที่มีอีกมหาศาลนั้นต้องการความทุ่มเทจากพวกเราทุกๆ คน”

คำพูดของลูเซียนนำไปสู่เสียงปรบมือดังกึกก้องอีกครั้ง ลูเซียนไม่ได้อยากถ่อมตัว แต่นี้เป็นสิ่งที่เขารู้สึกจริงๆ เขาได้ยินจอมเวทหลายต่อหลายคนอภิปรายเรื่องนี้หลายครั้งตลอดสองสามวันหลังมานี้ ดังนั้น เขารู้ว่า ในอนาคต ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ค้นพบวิธีแยกไอโซโทป ก็ไม่เป็นผลร้ายต่อลูเซียน

นอกจากนี้ การค้นหาวิธีแยกไอโซโทปยังต้องใช้เวลาศึกษาอีกนาน ลูเซียนเชื่อว่าเขาน่าจะสามารถใช้ประโยชน์จากผลวิจัยเหล่านั้นในอนาคตเพื่อพัฒนาการศึกษาของตัวเขาเอง

มอร์ริสวางมือขวาทาบอกและโค้งคำนับลงเล็กน้อย “เจ้าสมควรได้รับความเคารพ อีวานส์”

จากนั้น เขาก็หยิบกล่องคริสตัลกล่องหนึ่งออกมาต่อหน้าลูเซียน ภายในมีแหวนสีเงินส่องแสงวิบวับ แกะสลักเป็นรูปร่างประหลาด การออกแบบแหวนนั้นเรียบง่ายแต่สง่างาม ด้านหน้าของแหวน มีอัญมณีสีม่วงอ่อนเม็ดใหญ่ประดับอยู่ ความงดงามราวกับออกมาฝันของอัญมณีมหัศจรรย์สะกดสายตาทุกคู่

“เพื่อแสดงความขอบคุณต่อความทุ่มเทของเจ้าต่อการพัฒนาสำนักเวทธาตุ บัดนี้ เจตจำนงแห่งธาตุและสถาบันเวทมนตร์ราชสำนักโฮล์ม ขอมอบแหวนมงกุฎแห่งโฮล์มวงที่ยี่สิบหก ‘ธาตุ’ ให้กับเจ้า!”

จอมเวททั้งหลายที่อยู่ตรงนั้นสูดหายใจเข้าเต็มปอดด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่จ้องมอง ลูเซียนรับแหวนวงนั้น

นอกจากแหวนสีม่วงอ่อน คำว่า ‘ธาตุ’ ถูกสลักด้วยภาษาสามัญ เมื่อลูเซียนลูบวงภายในของแหวนเบาๆ เขาสังเกตพบข้อความขนาดเล็กสลักอยู่ในนั่น

‘817 รางวัลมงกุฎแห่งโฮล์ม มอบแด่ ลูเซียน อีวานส์’

หลังจากนั้นไม่นาน ตามคำแนะนำของมอร์ริส ผู้สร้างแหวนวงนี้ ลูเซียนประทับสัญลักษณ์วิญญาณของเขาลงบนแหวน

‘รางวัลมงกุฎแห่งโฮล์ม อุปกรณ์เวทมนตร์ระดับเจ็ดพร้อมผนึกหนึ่งชั้น เมื่อพลังวิญญาณของผู้ครอบครองพัฒนาถึงระดับจอมเวทชั้นอาวุโส พลังของแหวนจะถูกปลดปล่อยออกมาทั้งหมด’

พลังเวทมนตร์สามบทถูกบรรจุลงภายในแหวนอย่างถาวร พลังเวทมนตร์แรก ช่วยพัฒนาความสัมฤทธิ์ผลการเข้าฌานสมาธิในสำนักเวทธาตุขึ้นอีกสามสิบถึงหกสิบเปอร์เซ็นต์ และแปดสิบถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ เมื่อผนึกของแหวนถูกปลดออก แหวนจะสำแดงเดชกับนักเวทที่ต่ำกว่าระดับเก้า ยิ่งเจ้าของอยู่ในระดับต่ำขนาดไหน แหวนจะส่งพลังมากขึ้นขนาดนั้น พลังเวทมนตร์ที่สอง เพิ่มพลังเวทมนตร์สายธาตุขึ้นยี่สิบถึงสี่สิบเปอร์เซ็นต์ และห้าสิบถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ เมื่อผนึกของแหวนถูกปลดออก พลังเวทมนตร์ที่สาม เพิ่มอัตราการฟื้นฟูพลังวิญญาณของผู้ครอบครองและพละกำลังถึงระดับจอมเวทระดับห้าและอัศวินระดับสอง และเพิ่มถึงระดับพลังของจอมเวทระดับแปดและอัศวินหลวงระดับสี่เมื่อผนึกถูกปลดออก

นอกจากนี้ แหวนวงนี้งดงามอย่างน่าอัศจรรย์และยังมีพลังเวทมนตร์ที่ทรงอานุภาพ ผู้สวมแหวนวงนี้สามารถใช้  ‘โล่เพลิงอัคคี’ เวทมนตร์ระดับห้า ใช้ได้วันละสองครั้ง ‘เมฆพิษแกสตัน’ ใช้ได้วันละสองครั้ง และ ‘พายุหมุนพลังธาตุ’ เวทมนตร์ระดับเจ็ด ใช้ได้วันละสามครั้ง อย่างไรก็ตาม เวทมนตร์บทสุดท้ายนี้ยังถูกผนึกอยู่ และถ้ามีโอกาสได้ใช้พลังเวทดังกล่าวก่อนที่จะถึงระดับหก ผู้ใช้อาจได้รับบาดเจ็บสาหัส และพลังวิญญาณของผู้ใช้อาจหมดในทันที

ข้อความของผู้สร้างแหวนระบุไว้ว่า

“การค้นพบตารางธาตุของลูเซียน อีวานส์ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสำนักเวทธาตุ เรามอบแหวนวงนี้ให้เป็นรางวัลกับลูเซียน อีวานส์ เพื่อแสดงความเคารพต่อเขา ผู้ที่สมควรได้รับการจดจำในประวัติศาสตร์ของสำนักเวทธาตุ

“พลัง ‘พายุหมุนพลังธาตุ’ จะขับไล่อาคมธาตุส่วนใหญ่และทำลายทุกอย่างที่สร้างขึ้นมาจากธาตุ

“จาก มอร์ริส ฮอฟเฟนเบิร์ก”

………………………….