ตอนที่ 905 ใจใหญ่ ร่างใหญ่

Elixir Supplier

905 ใจใหญ่ ร่างใหญ่

 

ชายชราจิตใจแจ่มใส สภาพจิตใจของเขาดีมากเขาต่างไปจากตอนที่มาคลินิกเมื่อไม่กี่เดือนก่อนมากในตอนนั้นเขามักคิ้วขมวดและมีหน้าตาเศร้าหมอง

 

ชายชราเอาของติดมือมาด้วย มันคือไก่ที่อยู่ในถึงพลาสติก“มา เสี่ยวเย้านี่เป็นไก่ที่ฉันฆ่าวันนี้จะเอาไปทอดหรือเอาไปตุ๋นก็อร่อยทั้งนั้น”เขาเลี้ยงไก่เอาไว้ที่บ้านมันไม่ได้กินอาหารไก่เขาแค่ให้ถั่ว, ข้าวโพด,และธัญพืชมันจึงเป็นไก่บ้านแท้ๆ

 

“ไม่ต้องหรอกครับลุง”หวังเข้ารีบพูดที่บ้านของเขาก็เลี้ยงไก่เอาไว้เช่นกันแม่ไก่มีไว้ออกไข่ส่วนไก่ตัวผู้จะถูกฆ่าและนํามาทําอาหารในตอนที่พวกมันโตพอแล้ว“ไหนๆฉันก็เอามาถึงที่นี่แล้วเธอก็รับไปเถอะ”หวังยี่หลงพูดด้วยรอยยิ้มท้ายที่สุดหวังเย้าก็ปฏิเสธไม่ได้เขาจ๋าต้องรับของจากชายชรามา“ดีมากครับลุงดีขึ้นมากแล้ว”หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม

 

ความเร็วในการฟื้นตัวของชายชราสูงกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้ซึ่งสภาพจิตใจที่ดีของเขาอาจมีส่วนด่วนเช่นกันเขามีหัวใจที่ยิ่งใหญ่, ร่างกายสมบูรณ์,และสภาพจิตใจที่ดีเมื่อรวมเข้ากับประสิทธิภาพของตัวยาจึงทําให้ผลการรักษาดีขึ้นเป็นสองเท่าบางคนที่ป่วยในระยะสุดท้ายสามารถมีชีวิตอยู่ได้หลายปีหรืออาจมากกว่า 10 ปี แต่บางคนที่พบว่าตัวเองป่วยเป็นระยะสุดท้ายกลับมีชีวิตอยู่ได้ไม่กี่เดือนเท่านั้นนั่นเป็นเพราะสภาพจิตใจสภาพจิตใจของพวกเขาได้ความ

 

กระทบกระเทือน พวกเขาหวาดกลัวจนตาย

 

“อืม ฉันก็คิดว่าตัวเองดีขึ้นเหมือนกัน”ชายชราพูด“หลายวันมานี้ ฉันขึ้นลงเขาวันละสองครั้งด้วยนะ”

 

“ลุงอย่าขึ้นไปบนเนินเขาซีชานนะครับ” หวังเย้าไม่ลืมเตือนเขาเรื่องนี้

 

“ไม่ต้องห่วง ฉันรู้อยู่แล้ว”ชายชราพูด“ฉันไม่ได้ขึ้นไปบนเนินเขาซีชานหรอกฉันขึ้นไปบนเนินเขาตงชานต่างหากแต่อากาศก็เริ่มเย็นลงยิ่งหน้าหนาวปีนี้ยิ่งหนาวกว่าปีก่อนๆสมุนไพรพวกนั้นจะเป็นอะไรไหม? หรือฉันต้องเอาฟางหรืออย่าวอื่นเข้าคลุมหน้าดินเอาไว้ด้วย?”

 

“ไม่จําเป็นต้องทําแบบนั้นครับ” หวังเย้ายิ้มและโบกมือ

 

“มันไม่มีปัญหาหรอกครับ”

 

ถึงแม้อากาศจะหนาว สมุนไพรที่เติบโตตามธรรมชาติจะสามารถทนหนาวได้ค่อนข้างดี ที่มาก

 

ไปกว่านั้น เนินเขาตงชานยังได้รับผลจากสภาพอากาศบนเนินเขาหนานชานทําให้มันไม่หนาวมากจนเกินไปค่ายกลรวมวิญญาณที่หวังเข้าสร้างเอาไว้ไม่เพียงแต่จะส่งผลกับเนินเขาหนานชานเท่านั้น แต่ยังส่งผลกับเนินเขาที่อยู่ใกล้ๆด้วยโดยที่มันจะค่อยๆกระจายวงกว้างออกไปยังพื้นที่โดยรอบ

 

“กินยาต่อนะครับ” ดูจากสถานการณ์ปัจจุบัน หวังเย้าคาดว่า โรคที่เขาเป็นอยู่จะหายไปในเวลา

 

ไม่ถึงสองเดือน เขาก็จะหายดี

 

“อ่อ ได๋ได๋” ชายชราพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“เอ่อ วันนี้นายว่างไหม?” หวังเจ๋อเชิงที่แทบไม่พูดอะไรเลยได้เอ่ยถามออกมา “วันนี้พี่สาวจะกลับมาบ้านน่ะครับ”หวังเย้าตอบ

 

“อ่อ งั้นไว้วันหลังก็ได้” หวังเย้าดูแลครอบครัวของเขาเป็นอย่างดี แต่หวังเจ๋อเชิงกลับแทบไม่ได้ตอบแทนอะไรเขาเลยเขาจึงอยากเชิญหวังเย้าไปทานอาหารที่บ้านของเขาสักมื้อ“พี่ได้ไปทํางานที่โรงงานผลิตยารึยังครับ?”หวังเย้าถาม

 

“อืม ไปท่าแล้ว” หวังเจ๋อเชิงพูด

 

เพราะหวังเย้าพูดให้ จึงทําให้เขาได้งานในตําแหน่งที่ดีปริมาณงานไม่มากและค่อนข้างง่ายแต่เงินเดือนไม่ได้น้อยตามไปด้วย มันดีกว่าที่ทํางานที่เขาเคยทํามาก่อนที่นั่นเขาต้องทํางาน หนักและทํางานล่วงเวลาอยู่บ่อยๆสิ่งสําคัญคือเขามีเวลาทํางานที่แน่นอนรวมไปถึงวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดตามเทศกาลต่างๆ เขาพอใจและรู้สึกขอบคุณหวังเย้าอย่างมาก

 

“พี่พอใจกับงานที่นั่นไหมครับ?”

 

“พอใจสิ พอใจมากด้วย” หวังเจ๋อเชิงพูด

 

“ดีแล้วล่ะครับ” หวังเย้ายิ้ม

 

สองพ่อลูกอยู่ที่คลินิกสักพักก่อนจะกลับออกไป มันเป็นเพราะหวังยี่หลงค่อนข้างพูดมากเป็นพิเศษในเมื่อไม่มีคนไข้เข้ามาหวังเย้าจึงคุยเป็นเพื่อเขาทั้งสองพูดคุยกันในหลายๆหัวข้อหวังเจ๋อเชิงนั่งอยู่เป็นเพื่อนและไม่ได้คุยอะไรมากนัก

 

หลังออกมาจากคลินิกแล้ว หวังเจ๋อเชิงก็ยิ้มและถามว่า “พ่อวันนี้มีความสุขไหม?” เขารู้สึกได้ว่าพ่อของเขามีความสุขมากตั้งแต่ตื่นเช้ามาพ่อของเขาก็มีรอยยิ้มติดอยู่บนใบหน้าแทบจะ

 

ตลอดเวลา

 

“อืม” ชายชราพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“เที่ยงนี้ เราดื่มกันสักหน่อยดีไหม?”

 

“พ่อดื่มได้เหรอ?”

 

“ลุงดื่มได้ครับ แต่ดื่มให้น้อยสักหน่อย”เสียงของหวังเย้าดังออกมาจากด้านในคลินิกสองพ่อลูกยังเดินไปได้ไม่ไกลเขาจึงยังได้ยินบทสนทนาของทั้งสองได้อย่างชัดเจน“ไม่มีทาง!นายได้ยินด้วยเหรอเนี่ย!”หวังเจ๋อเชิงหันกลับไปด้วยท่าทีประหลาดใจ“เอาเถอะถึงเขาได้ยินก็ไม่เห็นจะเป็นไร”ชายชรายิ้มและโบกมือ“เขาบอกแล้วว่าพ่อดื่มได้งั้นก็ดื่มสักแก้วสองแก้วก็แล้วกัน”

 

หวังเจ๋อเชิงคิด มันไม่ใช่แก้วสองแก้วสักหน่อย เขาแค่พูดว่าดื่มได้น้อยๆต่างหากนั่นคือสิ่งที่เขาคิดแต่เขาก็ไม่ได้พูดออกมาเพราะเห็นท่าทางมีความสุขของชายชราเขาก็มีความสุขเช่นเดียวกัน ช่วงนี้เขาได้เคยถามหวังเข้าเรื่องพ่อของเขา เขาจึงได้รู้ว่าอาการป่วยของพ่อเขาใกล้หายดีแล้ว

เมื่อเขาได้ยินข่าวเขาก็แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองนี่มันคือโรคอะไร?มันคือโรคที่รักษาไม่หาย

 

โรงพยาบาลขนาดใหญ่นับไม่ถ้วนที่รักษาไม่ได้พวกเขาทําได้แค่เพียงมองดูคนไข้ที่ผ่ายผอมลงไปคนไข้ที่เจ็บปวดทุกข์ทรมาน และในที่สุดก็ยอมแพ้และตายแต่ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าเขากลับสามารถรักษาพ่อของเขาได้เขาสามารถรักษามันได้จริงๆถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไปมันคงกลายเป็นเรื่องที่น่าตื่นตะลึงอย่างที่ไม่มีใครคิดภาพออก

 

“ตอนนี้ พอพ่อคิดดูแล้ว เราถือว่าโชคดีมากนะที่ไม่ได้ขายบ้านไป” อยู่ๆชายชราก็พูดขึ้นมา “อืมใช”

 

“เดิมที พวกเขาอยากขายบ้านและย้ายเข้าไปอยู่ในตัวเมืองแต่ชายชรากลับดึงดันที่จะรักษาบ้านของพวกเขาเอาไว้ในเวลานั้น ชายชราคิดว่าจะรังทองหรือรังเงินก็ดีไม่เท่ากับรังสุนัขของเขาคนเราเมื่อแก่ตัวลงก็มักยึดติดกับความหลังแล้วเขาก็อาจไม่คุ้นชินกับชีวิตบนตึกด้านนอกนั้นด้วยบ้านของลูกชายเขาเพิ่งสร้างมาได้ไม่นานมันคงน่าเสียดายถ้าต้องขายออกไปเขาจึงขายบ้านของตัวเองและแลกเปลี่ยนเป็นบ้านบนตึกในตัวเมืองชายชราสามารถให้ลูกชายและ

 

ครอบครัวของเขาไปอยู่ในเมืองได้ ส่วนเขาก็ยังหวังว่าจะได้อยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ต่อไปถึงยังไงเขาก็อยู่ที่นี่มาหลายสิบปีแล้ว มันเป็นเรื่องยากที่เขาจะทอดทิ้งบ้านเกิดไป

 

ตอนนี้ ดูเหมือนว่าการตัดสินใจในตอนนั้นของเขาจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องในหมู่บ้านเหลือคนอยู่ไม่มากแล้วแต่คนที่ยังอยู่ก็คือคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันพวกเขาเข้ากันได้เป็นอย่างดีและว่างๆพวกเขาก็มักจะพูดคุยกันในเรื่องทั่วๆไปที่สําคัญไปกว่านั้นคลินิกของหวังเย้าก็อยู่ที่นี่มันสะดวกกว่ามากในการไปรักษาที่นั่น

 

ในตอนที่สองพ่อลูกคุยกันอยู่นั้น รถคันหนึ่งได้ขับเข้ามาในหมู่บ้านและหยุดลงที่ด้านนอกคลินิก

 

ป้ายทะเบียนรถแสดงให้รู้ว่ามาจากเมืองอื่น

 

“รถคันนั้นมาจากเมืองเต๋าใช่รึเปล่า?”

 

“พวกเขามาตั้งไกลเพื่อมารักษากับเสี่ยวเย้าเนี่ยนะ?”

 

มีสามคนลงมาจากรถพวกเขาทั้งสามเป็นครอบครัวเดียวกันสองสามีภรรยาอยู่ในวัยสามสิบและดูสุขภาพแข็งแรงดีมีเด็กอายุประมาณ 6-7 ขวบมากับพวกเขาด้วยเด็กชายสีหน้าไม่ค่อยดีนัก แววตาของเขาทึมทึ่มราวกับนอนหลับไม่สนิทมาเมื่อคืน

 

“ที่นี่ถูกรึเปล่า?”

 

ใช่ ที่นี่แหละ” เขาพูด

 

“เข้าไปกันเถอะ”

 

สามคนพ่อแม่ลูกเดินเข้าไปในคลินิก พวกเขาเดินผ่านประตูและเข้าสู่สวนขนาดเล็กถึงมันจะ

 

เป็นฤดูหนาว แต่ภายในสวนขนาดเล็กก็ยังคงมีสีเขียวแซมอยู่ทําให้คนมองรู้สึกสดชื่นตามไปด้วยที่มากไปกว่านั้นสภาพอากาศภายในก็ยังไม่หนาวเย็นเท่าด้านนอกมาก

 

พวกเขามองไปที่หวังเย้าที่กําลังอ่านตําราแพทย์อยู่เขาเหมือนกับข่าวลือที่ว่าเขายังอายุน้อย

 

“สวัสดีครับ หมอหวัง”

 

“สวัสดีครับ เชิญนั่งก่อนต้องการให้ผมรักษาใครครับ?”ถึงเขาจะถามออกไปแบบนั้นแต่สายตาของหวังเย้าก็ตกไปที่เด็กชายอยู่ก่อนแล้ว

 

สีหน้าของเขาแย่มาก!

 

“ช่วยตรวจลูกชายของเราด้วย เขามีผื่นขึ้นตลอดเวลาเลยค่ะ”ในตอนที่เธอพูดเธอก็เลิกเสื้อของเด็กชายเพื่อให้เห็นหน้าท้องกับแผ่นหลังของเขามีผดเล็กๆและผื่นเป็นปั้นนูนแดงตามตัวเด็ก

 

มันมีขนาดประมาณเม็ดข้าวดูน่ากลัวเล็กน้อย

 

“ยังมีอาการอื่นอีกไหมครับ?” หวังเย้าถาม

 

“มีค่ะ เขาไม่ค่อยกินข้าวเท่าไหร่” เธอพูด“ตอนกลางคืนก็นอนหลับไม่สนิทและท้องเสียง่ายด้วย”

 

ลูกชายของพวกเขาป่วยแบบนี้มาได้สักพักแล้ว เขาได้เข้ารับการรักษาจากโรงพยาบาลดีดี

 

หลายที่ในเมืองเต๋า และยังได้รักษาทั้งจากแพทย์แผนตะวันตกและแพทย์แผนจีนแต่กลับไม่ได้ผลเลยไม่นานมานี้พวกเขาได้ยินมาว่ามีหมออายุยังน้อยในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่มีฝีมือการรักษายอดเยี่ยมพวกเขาจึงทําการค้นหาในเวยป๋อและพบว่าเคยมีคนจากเมืองเต๋าเดินทางไปรักษากับเขามาก่อนพวกเขาทั้งหมดได้รับการรักษาจนหายดีทั้งสองจึงหาเวลาเพื่อพาลูกของพวกเขามาที่คลินิก

 

“ผมขอตรวจดูก่อนนะครับ” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“ไม่ต้องกลัวนะ” เขาปลอบโยนเด็กชายด้วยสายตาและน้ำเสียงที่อ่อนโยนมันไม่ใช่ปัญหาใหญ่พิษได้เข้าสู่กระแสเลือดหยินหยางไม่สมดุลจนทําให้เกิดผดผื่นขึ้นมาปริมาณยาที่เขากินเข้าไปในหลายเดือนที่ผ่านมานับว่าไม่น้อยเลยยามีสามส่วนที่เป็นพิษทําให้

 

อวัยวะภายในของเขาเกิดความเสียหาย จนส่งผลต่อสภาพจิตใจของเขาอาการไม่อยากอาหารและท้องเสียถือเป็นปฏิกิริยาปกติ

 

“หมอคะ?” ผู้เป็นแม่ถาม

 

“ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากครับ” หวังเย้าพูด “หลังจากกินยาไปสักพักเขาก็จะดีขึ้นเอง”

 

“จริงเหรอคะ?” เธอไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยินหลายเดือนที่ผ่านมา เธอกับสามีวิ่งวุ่นไปทั่วเพราะอาการป่วยของลูกชายพวกเขาเดินทางไปตามโรงพยาบาลทั้งในเมืองเต๋าและในตัวจังหวัดถ้าไม่ใช่เพราะมีเพื่อนคนหนึ่งแนะนําามาพวกเขาอาจเดินทางเข้าปักกิ่งแทนที่จะมาที่คลินิกแห่งนี้