ตอนที่ 906 คุณคงไม่รู้ว่าได้พลาดอะไรไป

Elixir Supplier

906 คุณคงไม่รู้ว่าได้พลาดอะไรไป

 

แม้แต่สถานพยาบาลใหญ่ๆยังคิดหาวิธีการรักษาไม่ออกแต่ชายหนุ่มกลับบอกว่าไม่ใช่ปัญหา

 

ใหญ่ และแค่กินยาไม่กี่ครั้งก็หายได้แล้วถ้าพวกเขาไม่ประหลาดใจเลยก็คงเป็นเรื่องแปลก“หลังจากกินยาแล้วก็จะรู้เองครับ”หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้มเขาเห็นความสงสัยในสายตาของ

 

คนทั้งสองก็ยิ้มออกมา

 

“หมอหวัง เราไม่ได้หมายความแบบนั้นนะคะ”เธอรีบพูดขึ้นมา

 

“หมอช่วยจ่ายยาให้เราได้ไหมคะ?”

 

“ได้ครับ”

 

หลังจากตรวจดูอาการของเด็กแล้ว ในใจของหวังเย้าก็มียาอยู่สองตัว มันจะช่วยเพิ่มความเย็นในเลือดและรักษาสมดุลของหยินหยาง มันจะยิ่งได้ผลดีเมื่อใส่ยาแก้พิษลงไปด้วย

 

“รอสักครู่นะครับ” หวังเย้าพูด

 

หลังจากเลือกสมุนไพรมาได้แล้ว หวังเย้าก็เดินไปอีกห้องเพื่อต้มยา“เธอคิดว่าหมอหวังเชื่อถือได้แน่เหรอ?”ฝ่ายสามีพูด“เขายังอายุน้อยอยู่เลยนะ”“ชลดเสียงลงหน่อยสิอย่าให้เขาได้ยิน”เธอตีสามีเบาๆ

 

“ฉันก็แค่กังวล” เขาพูด“เขาดูไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิด แทนที่เขาจะรักษาลูกของเราให้หายเขาอาจจะทําให้อาการแย่ลงก็ได้”ทันทีที่เขาเห็นใบหน้าของหวังเข้าจากประตูเขาก็รู้สึกได้ว่าชายหนุ่มดูไม่น่าเชื่อถือเขาอดไม่ได้ที่จะคิดแบบนั้นชายหนุ่มยังอายุน้อยอยู่มาก ถึงเขาจะเรียนหมอมาตั้งแต่อยู่ในท้องแม่เขาก็ยังมีประสบการณ์แค่ไม่กี่สิบปีเท่านั้นแต่ในความเป็นจริงไม่ใช่แบบนั้นเขาคิดว่า ภรรยาของเขาต้องลูกหลอกแล้วแน่ๆ

 

“ในเมื่อเรามาถึงที่นี่กันแล้วก็ลองดูเถอะ”เธอพูด

 

“ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากจ่ายค่ารักษา”เขาพูด“ฉันแค่กลัวว่าถ้าการรักษาของเขาไม่ได้ผลขึ้นมาและส่งผลเสียกับลูกของเรามันจะยิ่งแย่ไปกันใหญ่น่ะสิ”

 

“เราควรไปปักกิ่งดีกว่าที่นั่นมีโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในประเทศแล้ว” เขาพูด“แทนที่จะมามัวเสียเวลาอยู่ที่นี่”

 

“เสียเวลางั้นเหรอ? โอ้โฮ้ นี่ฉันได้ยินอะไรเข้าเนี่ย?”

 

ในตอนที่พวกเขากําลังคุยกันอยู่นั้น ชายสวมกางเกงยีนส์และเสื้อคลุมก็เดินเข้ามาในห้องแค่พูดของเขาฟังดูถากถางเล็กน้อย

 

“ขอโทษที”เจี๋ยจื้อจายพูด“ผมไม่ได้ตั้งใจฟังที่พวกคุณคุยกันเลย แต่ในเมื่อได้ยินสิ่งที่ไม่ควรได้ยินเข้าแล้วหรือจะพูดว่าสิ่งที่ผมไม่อยากได้ยินผมก็เลยต้องพูดอะไรสักหน่อย”

 

เมื่อกี้ เขาเคาะประตู แล้วเขาก็ได้ยินเสียงของหวังเย้าดังขึ้นที่ข้างหู ราวกับอีกฝ่ายยืนอยู่ข้างๆ เขาเรื่องนี้ไม่ได้ทําให้เขาแปลกใจ เขาจึงผลักประตูเปิดและเข้าไปด้านในเมื่อเขาเดินเข้าไป เกือบถึงห้องด้านใน เขาก็ได้ยินเสียงสนทนาของสองสามีภรรยาที่อยู่ด้านในนั้น มันทําให้เขาไม่พอใจมาก

“คุณโชคดีมากนะที่มาที่นี่และได้เชียนเชิงช่วยรักษาให้ไหนขอดูหน่อยสิโอ้คนไข้คงเป็นลูกชายของคุณสินะ?พวกคุณมาจากเมืองเต๋าเหรอ?”

 

“คุณเป็นใคร?”ฝ่ายสามีรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยที่ถูกคนอื่นมาได้ยินเข้าชายที่เข้ามาไม่ใช่คนที่พวกเขารู้จักละเอาแต่พูดไม่หยุดสิ่งที่เขาพูดมาล้วนแล้วแต่ไร้สาระเขาไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายกําลังพูดอะไรอยู่

 

“อ่อ ผมเป็นลูกศิษย์ของเชียนเชิงน่ะ”เจี๋ยจื้อจายพูด

 

“เชียนเชิง? เชียนเชิงไหน?คนที่สอนการรักษาเหรอ?”

 

“ไม่ใช่หรอก”เจี๋ยจื้อจายพูด“แต่เป็นคนที่พวกคุณเพิ่งเจอเมื่อกี้ยังไงล่ะ”

 

“อะไรนะ? หมอหนุ่มคนนั้นน่ะเหรอ?”สองสามีภรรยาประหลาดใจ

 

“ถูกแล้ว เป็นเขา” เจี๋ยจื้อจายพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“คุณล้อเล่นรึเปล่า?อายุของคุณอย่างน้อยก็ต้องไม่ต่ํากว่า 30 ปีแล้ว!”

 

“อืม ผมคงต้องบอกว่า สายตาของคุณแย่มาก ผมเพิ่งจะ 32 ปีนี้” เจี๋ยจื้อจายพูด

 

“คุณอายุ 32 ปีแล้ว แต่เขาอายุยังไม่ถึงสามสิบด้วยซ้ํา แต่คุณกลับมาเป็นลูกศิษย์ของเขาเนี่ยนะแล้วคุณเรียนอะไรจากเขาล่ะ?”

 

“กังฟู” เจี๋ยจื้อจายพูดพร้อมทั้งยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาว

 

“บ้าไปแล้ว ผู้ชายคนนี้บ้าไปแล้วรึเปล่า?”เขาขมวดคิ้ว“หรือเขาจะจ้างคนมาเพื่อเรียกลูกค้า?”เสียงเปิดประตูดังแกร็กหวังเย้าเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับยาสองขวด

 

“พวกคุณก๋าลังคุยอะไรกันอยู่เหรอครับ?”

 

เมื่อเห็นหวังเย้าเดินเข้ามาเจี๋ยจื้อจายก็รีบลุกขึ้นยืน“เชียนเชิง”

 

“นั่งเถอะ นี่ยาครับ”หวังเข้าวางยาลงบนโต๊ะ

 

“เอ่อ หมอหวังใช่ไหม?ความจริงเราเพิ่งตกลงกันได้ต้องขอโทษด้วยแต่เราไม่ต้องการรักษาที่นี่ต่อแล้ว”ฝ่ายสามีไม่สนใจท่าทีของภรรยาที่เรียกให้เขาหยุดพูดเขาพูดต่อและพูดในสิ่งที่เขาคิด

 

“คุณแน่ใจเหรอครับ?”หวังเข้าไม่ได้ไม่พอใจแต่เขาเพียงแค่ถามพวกเขาเพื่อให้แน่ใจ

 

“ครับ”

 

“ได้ครับ พวกคุณไปเถอะ” หวังเย้าพูด

 

“รอเดี๋ยวค่ะ เราจะจ่ายค่าเสียหายให้หมอเอง”ฝ่ายภรรยาพูดเธอคิดว่าคําพูดของสามีออกจะ

 

หยาบคายไปสักหน่อย

 

“ไม่จําเป็นหรอกครับ”หวังเย้าโบกมือ“ถ้าคิดได้แล้วก็กลับมาได้นะครับ”

 

“ไปกันเถอะ”ฝ่ายสามีดึงภรรยาของเขาที่อุ้มลูกไว้อยู่และเดินออกไป

 

“ช้าๆหน่อยสิ”ฝ่ายภรรยาดูไม่พอใจเล็กน้อย

 

“เมื่อเช้าฉันก็พูดไปแล้วว่าเราไม่ควรมาที่นี่แต่เธอก็ไม่ฟัง”สามีพูดเขาค่อนข้างหงุดหงิด

 

“เสียเวลาไปเปล่าๆ”

 

“ที่ฉันทําอยู่ไม่ใช่เพราะลูกของเราป่วยเหรอ?”

 

“เฮ้อ เขาขี้โมโหจริงๆ”เจี๋ยจื้อจายส่ายหน้าเมื่อเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้

 

“พวกเขาคงไม่รู้ว่าตัวเองได้พลาดอะไรไป”

 

“เชียนเชิง เด็กคนนั้นไม่ได้ป่วยหนักมากใช่ไหมครับ?”

 

“ตอนนี้ไม่ได้มีปัญหาใหญ่อะไร แต่ถ้าปล่อยไว้นานก็ไม่แน่” หวังเย้าตอบมันเป็นเรื่องง่ายที่

 

ปัญหาเล็กๆน้อยๆจะกลายเป็นปัญหาใหญ่เมื่อปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานาน

 

“เฮ้อ เด็กน้อยน่าสงสาร”

 

“ถ้าเป็นผม ผมก็คงคิดแบบพวกเขาเหมือนกัน”หวังเย้าพูดเพราะอายุของเขาเป็นสาเหตุที่ทําใหใครหลายๆคนที่ไม่รู้ความจริงอดคิดมากได้

 

“แล้วมีอะไรให้ผมช่วยเหรอ?”

 

“อ่อ ผมได้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ที่เชียนเชิงขอให้ผมไปหาได้แล้วนะครับ”

 

“เล่าให้ผมฟังทีสิ”

 

“ช่วงนี้ มีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้นที่เขตเหอในยูนนานใต้มีด้วยกันทั้งหมดสามคดีและมีคนตายไป 19 คนในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน จากการสืบสวนฆาตกรมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นคนจากหุบเขาพันโอสถ”

 

“เขาถูกจับแล้วเหรอ?”

 

“เขาหนีไปได้ครับ”

 

“หนีไปได้เหรอ?”

 

“ครับ” เจี๋ยจื้อจายพูด “รู้ตัวผู้ต้องสงสัยแล้วเขายังก่อคดีฆาตกรรมในหุบเขาพันโอสถอีกคดีหนึ่งด้วยในตอนที่ตํารวจสองนายกําลังจะเข้าจับกุมเขาพวกเขาก็ถูกเขาจัดการด้วยพิษจากนั้น

 

ผู้ต้องสงสัยก็วิ่งหนีเข้าไปในป่าครับ”

 

“บังเอิญจริงๆ!”

 

เจี๋ยจื้อจายคิด มันบังเอิญจริงๆฉันอยากรู้ว่าพวกเขาจะรู้สึกยังไง ในตอนที่เนื้อกําลังจะเข้าปากกลับบินหนีไปไกลแล้ว

 

“คนพวกนั้นตายจากพิษทั้งหมดเลยเหรอครับ?”

 

“ใช่ครับ พวกเขาถูกพิษทั้งหมด”เจี๋ยจื้อจายพูด“เท่าที่รู้มายังไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาถูกพิษได้ยังไงในตอนแรกยังไม่มีการตรวจพบพิษในร่างกายของพวกเขาเพราะอุปกรณ์การแพทย์ใน

 

พื้นที่ไม่พร้อม”

 

“คนที่ท่าสมควรถูกลงโทษ” หวังเย้าพูด

 

ในฐานะที่เป็นแพทย์ปรุงยา เขาค่อนข้างรังเกียจคนที่ใช้พิษสังหารผู้คนเป็นพิเศษถึงแม้ว่า

 

พิษจะนับว่าเป็นหนึ่งในยารักษาชนิดหนึ่งก็ตามที

 

“ใช่ครับ ตอนนี้ผู้ว่าเขตมีเรื่องให้กังวลอยู่เต็มไปหมด เขาเป็นผู้ว่าเขตทั้งที่อายุยังไม่ถึง 30 ปี

 

ด้วยนะครับ!”

 

“จริงเหรอครับ? เขาอายุน้อยขนาดนั้นเลยเหรอ?” หวังเย้าถาม เขารู้ว่า ชายหนุ่มคนนั้นอาจ

 

รู้สึกกังวลกับการที่ต้องมาเจอกับเรื่องการวางยาพิษ

 

“เขาชื่อว่า กั๋วเจิ้งเหอ ครับ” เจี๋ยจื้อจายพูด

 

“เดี๋ยวนะ คุณว่าเขาชื่ออะไรนะครับ?”

 

“ถั่วเจิ้งเหอครับ”

 

“เพื่อนของคุณมีข้อมูลเกี่ยวกับเขาด้วยรึเปล่า?”

 

“มีครับ เขาแค่ตรวจสอบข้อมูลทั่วไปของอีกฝ่าย เขาย้ายมาจากปักกิ่งได้ไม่ถึงสองปีก่อนหน้านั้นเขาเป็นนายกเทศมนตรีมาก่อน ส่วนพ่อของเขาทํางานอยู่ในจังหวัดฉีเป็นผู้ของจังหวัดนั่น”

 

“เป็นเขาเหรอเนี่ย?” หวังเย้าแปลกใจเมื่อได้รู้เรื่องนี้

 

“ทําไมเหรอครับเชียนเชิง? หรือเชียนเชิงรู้จักกั๋วเจิ้งเหอ?”

 

“ครับ ความจริง ผมเคยช่วยชีวิตเขามาก่อน” หวังเย้าพูดนั่นเป็นครั้งแรกที่เขาใช้สมุนไพร

 

วิเศษเพื่อช่วยคน

 

“จริงเหรอครับ?” เจี๋ยจื้อจายก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน“บังเอิญจริงๆ! ถ้าอย่างนั้นเชียนเชิงกับเขาก็นับว่าเป็นเพื่อนกันสินนะครับ?”

 

“เพื่อน? ไม่ใช่หรอก เราเป็นแค่คนรู้จักกันเท่านั้น คนแบบนั้นไม่เหมาะจะคบเป็นเพื่อนได้หรอก”

“หา?”

 

“จิตใจของเขามันซับซ้อนเกินไป”

 

“อ่อ ผมเข้าใจแล้ว” เจี๋ยจื้อจายพยักหน้า

 

“บอกเพื่อนของคุณว่าให้คอยติดตามการเคลื่อนไหวของทางนั้นทีนะครับ”

 

“ได้ครับ”

 

ในยูนนานใต้ที่ห่างออกไปหลายพันไมล์

 

ภายในป่าลึก รถจี๊บเคลื่อนตัวไปตามถนนลูกรัง มันเต็มไปด้วยดินโคลนและมีหลุมบ่ออยู่เต็มไปหมด

 

หยางกวนเฟิงและคู่หูใหม่ของเขาหลู่ซิ่วเฟิงที่ได้รับคําสั่งมา พวกเขานั่งอยู่ภายในรถที่กําลัง

 

เดินทางไปยังหุบเขาพันโอสถ

 

“อยากจะบ้าตาย นี่มันถนนบ้าอะไรกัน? เรายังต้องขับไปอีกไกลแค่ไหนเหรอ?”หลู่ซิ่วเฟิงที่

 

เป็นคนขับถาม

 

“เรายังเดินทางมาได้ไม่ถึงหนึ่งในสามด้วยซ้ํา น่าจะต้องใช้เวลาอีกสักสองชั่วโมงกว่าจะไป

 

ถึงที่นั่น”

 

“เฮ้อ ผมจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว เราน่าจะนั่งเฮลิคอปเตอร์ให้มันจบๆไป