179 : ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลอมตัวเป็นหมูกินเสือ

เป็นมหาเศรษฐีระดับพระเจ้าด้วยระบบลงชื่อ

เป็นมหาเศรษฐีระดับพระเจ้าด้วยระบบลงชื่อ ตอนที่ 179 : ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลอมตัวเป็นหมูกินเสือ

 

พนักงานเสิร์ฟคนนี้ดูประหม่า ดวงตาของเขาเลื่อนลอย และไม่กล้าที่จะมองเจียงเฉิน–

 

ทันใดนั้นเจียงเฉินก็ร้องออกมา

 

“เสี่ยวยู่? นั่นนายใช่ไหมเฉียนเสี่ยว?”

 

ปรากฏว่าสมัยที่เจียงเฉินยังอยู่โรงเรียนปฐมนั้นมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งชื่อว่าเฉียนเสี่ยวยู่ เขาคนนี้เป็นคนที่เก่งมาตั้งแต่เด็ก ครอบครัวของเขารวยมาก สมองของเขาก็ถูกจัดว่าดีไม่น้อย การเรียนไม่ได้ลําบาก แต่เขาไม่ค่อยชอบไปโรงเรียนเท่าไหร่ มีนิสัยซุกซนขี้เล่นชอบเล่นพิเรนทร์ ทําเอาอาจารย์โมโหเขาไม่น้อย!

 

แต่พอได้ยินว่าครอบครัวของเขานั้นรวยมากและยังมีอํานาจมากด้วยบรรดาอาจารย์เหล่านั้นก็ทําอะไรเขาไม่ได้

 

แต่หลังจากนั้นเจียงเฉินก็ไม่ได้ติดต่อกับเฉียนเสี่ยวยู่อีกเลย เขานั้นก็พอได้ยินมาว่าอีกฝ่ายนั้นได้เรียนจบที่มหาวิทยาลัยสุยมู่แต่เขานั้นก็ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นยังไงบ้าง?

 

แต่เจียงเฉินก็คิดไม่ถึงว่าเขานั้นจะได้เห็นเสี่ยวยู่อีกครั้ง และอีกฝ่ายก็กลายมาเป็น….

 

พนักงานเสิร์ฟ?

 

มันเป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

 

เขานั้นเรียนจบมาจากมหาลัยซุยมู่ไม่ใช่หรอ?

 

เกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่?

 

เมื่อเจียงเฉินเรียกเฉียนเสี่ยวยู่ สีหน้าของเฉียนเสี่ยวยู่ก็เปลี่ยนไปทันที

 

เขาพยายามหลบ-

 

เจียงเฉินรู้สึกสับสนนี้ก็เพื่อร่วมชั้นเก่าไม่ใช่หรอ ทําไมถึงต้องทําเป็นไม่รู้จักด้วย?

 

“นายคือเฉียนเสี่ยวยู่ ไม่ต้องซ่อนแล้ว”

 

เจียงเฉินพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

 

เมื่อเห็นว่าตัวเองไม่อาจซ่อนได้แล้ว เฉียนเสี่ยวยู่ก็พูดออกมาด้วยความโกรธและความเศร้า “เจียงเฉิน! นายอยากเยาะเย้ยฉันที่เคยเป็นเด็กเก่ง แต่ตอนนี้กลับไม่ได้เรื่อง! ใช่ไหม?!”

 

เจียงเฉินตกตะลึง!

 

เขาจะทําแบบนั้นเพื่ออะไร?

 

เฉียนเสี่ยวยู่เล่นละครและพูดต่อเสียงของเขาก็ดังขึ้นเรื่อยๆ “ฉันเรียนจบมาจากมหาลัยซุยมู่! แต่ตอนนี้กลับมาเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟของร้านหม้อไฟ! นายเลยพยายามเยาะเย้ยฉันใช่ไหมล่ะ?!”

 

เสียงพูดของเขาดังพอที่จะทําให้คนครึ่งร้านหม้อไฟพากันตกใจ

 

“อะไรนะ? ร้านนี้มีพนักงานเสิร์ฟที่จบจากมหาลัยซุยมู่?”

 

“ไม่มีทาง!”

 

“คนที่จบมาจากที่นี่มีแต่คนเปิดบริษัทของตัวเอง เท่าที่ฉันรู้พวกเขาสมควรมีทรัพย์สินกันไม่ต่ํากว่า 10 ล้าน แต่น้องชายคนนี้กลับมาเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟเนี่ยนะ?”

 

เจียงเฉินสัมผัสได้ทันทีว่าเฉียนเสี่ยวยู่คนนี้กําลังเล่นละคร

 

เขานั้นยังไม่ทันได้พูดเลยว่าเขานั้นรู้ว่าอีกฝ่ายจบมาจากมหาลัยซุยมู่ แต่อีกฝ่ายกลับพูดออกมาเอง นี่มันไม่ผิดจังหวะไปหน่อยหรอ?

 

หลังจากอีกฝ่ายพูดไปสองสามประโยค เจียงเฉินก็เริ่มตื่นตัวเขาขมวดคิ้วและพบว่าเรื่องนี้มันไม่ง่ายเลย

 

“เสี่ยวยู่คุยกันก่อนสิ สิ่งที่นายพูดออกมานายคิดไปเองทั้งนั้น!”

 

เจียงเฉินพูดอย่างเฉยเมย “ตั้งแต่ที่พวกเราเจอกัน นอกจากฉันเรียกชื่อนายแล้วฉันก็ยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ ถ้านายจะเล่นละครอะไรออกมาฉันคงต้องบอกว่าฉันไม่สนใจมันหรอกนะ!”

 

เฉียนเสี่ยวยู่พ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา “นายต้องการจะโอ้อวดอะไรต่อหน้าฉันอีก”

 

เฉียนเสี่ยวยู่เอื้อมมือไปแตะก้นหม้อที่เย็นแล้วด้านหนึ่งที่มีคราบสีดําติดอยู่

 

ก่อนจะเอามาป้ายกับหน้าของตัวเอง–

 

ในเวลานี้หน้าของเฉียนเสี่ยวยู่ดําราวกับก้นหม้อ!

 

เมื่อมองดูแล้วเขานั้นดูทั้งจน ทั้งน่าเกลียด ทั้งขี้แพ้..

 

ผู้คนรอบๆเมื่อได้เห็นเขาแล้วก็พากันรู้สึกสงสารเขาที่ดูเหมือนจะโดน “รังแก” โดยอดีตเพื่อนร่วมชั้นของตัวเอง พวกเขาพากันรู้สึกโกรธเคืองและพากันต่อว่าออกมา

 

“ใช่แล้ว ซึ่งเป็นผู้ชานที่น่าสงสารจริงๆ!”

 

“ใช่ ศิษย์เก่าจากมหาลัยซุยมู่ต้องกลายมาเป็นพนักงานเสิร์ฟ และยังโดนเพื่อนเก่าจําได้ นี่มันไม่ต่างจากการตบหน้าเขาเลย!”

 

“ดูสิ เฮ้อ…สังคมทุกวันนี้มันน่าอับอายสิ้นดี”

 

“เป็นคนรวยแล้วมันยอดเยี่ยมมากนักรียังไง? เป็นพนักงานเสิร์ฟแล้วมันยังไง?”

 

“น่าสงสารจริงๆฉันของสนับสนุนพนักงานเสิร์ฟคนนี้! พวกเราประณามพวกคนรวยกันเร็ว!”

 

ในชั่วพริบตาเฉียนเสี่ยวยู่ก็ปลอมตัวกลายเป็นคนจน และกลายเป็นเหยื่อที่ดูน่าสงสาร

 

คนรอบข้างต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างดุเดือด และฉากนี้มันก็ทําให้เจียงเฉินรู้สึกคุ้นๆขึ้นมา

 

“นี่ดูเหมือนกับพล็อตเรื่องที่แสนน่าเศร้าในหนังเรื่อง นายท่านชิง?”

 

“ใครจะกล้าแย่กว่าฉัน?”

 

“เสี่ยวเฉียงนายได้ตายอย่างอนาถแน่!”

 

เสี่ยวเฉียงคนนี้ไม่เพียงแต่ไม่น่าสงสาร แต่เขายังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการปลอมตัวเป็นหมูกินเสือ?

 

เจียงเฉินหัวเราะออกมา

 

แกล้งเป็นหมูกินเสืองั้นหรอ?

 

นายคิดง่ายเกินไปแล้ว!

 

เจียงเฉินหยิบใบรับรองพนักงานส่งพัสดุออกมาพร้อมกับเปิดโทรศัพท์โชว์หมายเลขประจําตัวคนขับตี้ตี้ออกมาให้เขาดู แล้วพูดออกมาเสียงดัง

 

“ดูสิ ฉันก็เคยทําอาชีพส่งพัสดุ!”

 

“และตอนนี้ฉันก็ขับตีตี้!”

 

“ถ้านายยังจกบอกว่าฉันมาเยาะเย้ยนาย ถามหน่อยใครจะเชื่อ?”

 

เฉียนเสี่ยวยู่ที่แกล้งทําตัวเป็นคนจนก็ตกตะลึงไปทันที!

 

อะไรกัน?

 

ส่งพัสดุ?

 

ขับตี้ตี้ ?

 

เป็นไปไม่ได้?

 

เฉียนเสี่ยวยู่พูดเสียงต่ํา “นายไม่ต้องมาหลอกฉัน! นายมันโกหกแกล้งทําเป็นหมูกินเสือ ขายความทุกข์ยาก หลอกลวงความไว้ใจของคนฉันแล้วค่อยมาบดขยี้จิตใจที่บอบบางของฉัน! ฉันบอกนายไว้เลยนะฉันไม่เชื่อนายหรอก!”

 

ไม่นานก็มีคนที่ดูอยู่รอบๆเดินเข้ามาดูใบรับรองพนักงานส่งพัสดุของเจียงเฉินและบันทึกในแอพของดิ์ตี้ก่อนจะพนักหน้าแล้วพูดออกมา “เขาไม่ได้โกหก เขาเคยเป็นคนส่งพัสดุมาก่อน!”

 

แล้วก็มีอีกคนพยักหน้าแล้วพูดออกมา “ฉันก็เพิ่งเริ่มขับ ตี้และจากบันทึกการวิ่งของเขา เห็นได้ชัดว่าเขาขับมันอยู่ทุ กวัน ”

 

“ใช่ฉันเองก็ขับตี้ตี้ด้วยฉันเองก็จนพอสมควรเหมือนกัน แต่น้องชายคนนี้จนกว่าฉันซะอีก! เดือนหนึ่งเขาได้แค่หนึ่งถึงสองพันเท่านั้นเอง!”

 

ผู้ชมที่อยู่รอบๆเมื่อพวกเขาได้รู้ตัวตนของเจียงเฉินแล้ว พวกเขาก็ส่ายหน้าออกมาแล้วเริ่มต่อว่าเฉียนเสียวยู่อย่างโกรธเคือง

 

“นายคงจะแต่เข้าใจผิดไปเองรึเปล่า?”

 

“ใช่ๆ ฉันก็เห็นว่าเพื่อนร่วมชั้นของนายเขาถ่อมตัวมาก ไม่ได้แสดงท่าที่ดูถูกอะไรนายเลยไม่ใช่หรอ?”

 

“หนุ่มหล่อคนนี้ทําตัวเรียบง่ายมากเขาไม่เหมือนคนทําตัวอวดดีเลย!”

 

“นอกจากเรียกชื่อของนายแล้วฉันก็ไม่เห็นเขาพูดอะไรอีกเลย ไม่ใช่ว่านายเพิ่มบทให้ตัวเองหรอกหรอ?”

 

ดวงตาของเฉียนเสียวยู่เบิกกว้าง

 

พระเจ้า!

 

นี่เคล็ดลับของเขาใช้ไม่ได้แล้วหรอ?

 

ฉันเพิ่งจะเริ่มแผนแต่ก็โดนแผนของเขาตอบโต้แล้วหรอ?

 

ไม่อยากจะเชื่อ!

 

นี่ฉันเป็นถึงศิษย์เก่าที่มี IQ สูงของมหาลัยซุยมู่เลยนะ ฉันจัดการเขาไม่ได้จริงหรอ?

 

เฉียนเสี่ยวยู่ลืมตาและแกล้งทําเป็นเดินจากไป แต่เมื่อเขาเดินผ่านเจียงเฉินเขาก็จงใจแกล้งสะดุดเท้าของตัวเองและล้มลงไปตามที่คาดไว้

 

และเขาก็ยังร้องออกมาด้วยความตกใจ “โอ้ววว!”

 

คนทั้งร้านถูกดึงดูดความสนใจกลับมาอีกครั้ง เฉียนเสี่ยวยู่แกล้งทําเป็นโดนเจียงเฉินสกัดขาและทําให้เขาเสียสมดุลก่อนจะเซไปชนกับโต๊ะทําให้จานและตะเกียบกระจายไปอยู่บนพื้น

 

ใบหน้าของเฉียนเสี่ยวยู่เต็มไปด้วยน้ําซุปเมื่อรวมกับคราบสีดําที่เขาเอามาป้ายก่อนหน้านี้มันยิ่งทําให้เขาดูน่าสงสารขึ้นไปอีก

 

“โอ้ย–

 

เฉียนเสี่ยวยู่ลุกขึ้นมาก่อนจะชี้ไปทางเจียงเฉินแล้วพูดออกมา “นายกลั่นแกล้งฉัน! นายจงใจสกัดขาของฉัน!”

 

เจียงเฉินดูโง่งม –

 

อะไรกัน?

 

เฉียนเสี่ยวยู่คนนี้เป็นอะไรไปแล้ว?

 

ในอดีตเขามักจะเห็นอีกฝ่ายทําความผิดแล้วอวดรวยออกมา แต่ตอนนี้การทําแบบนั้นมันไม่มีประโยชน์ต่อเจียงเฉินอีกต่อไป

 

เพราะถ้าใช้วิธีแบบนั้นเจียงเฉินก็สามารถจัดการกับอีกฝ่ายได้ง่าย ต่อให้มีเป็นสิบ วันเดียวเขาก็จัดการได้

 

แต่!

 

นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงเฉินได้เห็นกลอุบายของเฉียนเสี่ยวที่แกล้งทําเป็นจน

 

นี่เป็นครั้งแรกที่เขานั้นได้เห็นเฉียนเสี่ยวยู่ทําตัวยากจน และดูน่าสงสาร!

 

ทั้งๆที่เฉียนเสี่ยวยู่คนนี้ก็เป็นนักศึกษาที่มี IQ สูงแต่พอจบมากลับทํางานเป็นพนักงานเสิร์ฟ!

 

แต่ถึงอย่างไรก็ตามเจียงเฉินนั้นเคยเธอการแสดงของคนมีอํานาจมามากมายแล้ว!

 

เมื่อเทียบกับเขาแล้วคนที่ประสบความสําเร็จอย่างสิ้นเชิง กับหญิงสาวปีศาจหลิงหยุนนั้นยังน่ากลัวกว่าเยอะ!

 

เจียงเฉินมองดูอย่างขบขันเขาเฝ้าดูอย่างเงียบๆก่อนจะเริ่มโต้กลับ

 

“ฉันสาบานได้ ฉันไม่ได้ทํา! อย่ามาพูดเรื่องร้สาระ!”

 

ผู้คนรอบๆเริ่มสงสัยเกี่ยวกับการกระทําของเฉียนเสี่ยวยู่

 

“ฉันว่าเขาสะดุดเองมากกว่ามั้ง?”

 

“ใช่ๆ อีกฝ่ายจะไปแกล้งเขาเพื่ออะไรกัน?”

 

“ใช่มั้ยๆ ฉันยังไม่เห็นขาของเพื่อนของเขาขยับเลย!”

 

“พนักงานเสิร์ฟคนนี้ดูแปลกจริงๆ”

 

เฉียนเสี่ยวยู่ที่เห็นว่าเขานั้นทําอะไรเจียงเฉินไม่ได้ เขาก็พยายามเปลี่ยนเรื่องทันทีทันใดนั้นก็มีคนมาใหม่เดินเข้ามา

 

เป็นพนักงานเสิร์ฟสาวคนหนึ่ง

 

พนักงานเสิร์ฟสาวถือจานผลไม้มาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ

 

เฉียนเสี่ยวยู่ก้าวออกไปเขาคุกเข่าลงตรงหน้าเธอแล้วหยิบแหวนแต่งงานออกมา?!

 

ผู้ชมพากันตกตะลึง!

 

พระเจ้า!

 

นี่เขาขอหญิงสาวแต่งงานงั้นหรอ?

 

“นี่มันแผนการแบบไหนกัน?”

 

เจียงเฉินงุนงง

 

เฉียนเสี่ยวยู่ที่ฉันพบวันนี้นี่เป็นอัจฉริยะจริงๆ!