***** ตระกูลเยียน ต่อไปนี้จะขอใช้เป็นตระกูลเหยียนนะครับบ

บทที่ 1444 -เขาคือเหยียน จงเยว่?

 

ในตอนนี้เองชิงสุ่ยได้พุ่งตรงไปที่พี่น้องตระกูลลู่ที่อยู่ข้างหน้า เมื่อเห็นอีกฝ่ายที่ตรงเข้ามาใกล้สีหน้าของพี่น้องได้เปลี่ยนไปดวงตาของพวกเขาแดงก้ำด้วยความโมโห แต่พวกเขานั้นก็ไม่สามารถทำอะไรได้ความต่างชั้นของพวกเขากับชิงสุ่ยนั้นมีมากจนเกินไป ในตอนนี้ชิงสุย่นั้นสามารถสังหารพวกเขาได้ในพริบตา

 

ในขณะที่ชิงสุ่ยกำลังไล่ตามทั้งคู่อยู่ ปรากฏชายสองคนที่กั้นขวางเส้นทางของชิงสุ่ยไว้ “เจ้าหนุ่มทำไมเจ้าถึงได้ไร้ความปราณีเช่นนี้ ทำไมเจ้าถึงต้องลากสัตว์อสูรเช่นี้ มาทางคนของนิกายสาปอสูรของเราด้วย?”

 

“หึหึมีอะไรก็พูดมาตรงเถอะ ถ้าเจ้ายังเป็นลูกผู้ชายอยู่ ข้ารู้ดีว่าพวกเจ้าคิดอะไรอยู่ เป็นไงบ้างละพวกเจ้าสนุกกับผลที่ข้ามอบให้รึไม่”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

ในขณะที่เสียงของสัตว์อสูรนั้นคำรามขึ้นไม่ไกลมากนักมันทำให้ทั้งสองฝ่ายแยกตัวออกมา เพื่อช่วยเหลือคนของพวกเขา ด้วยผลของย่างก้าวเก้าเทวาชิงสุ่ยสามารถช่วยเหลือคนของพระราชวังสาปอสูรออกมาทั้งหมดได้อย่างง่ายดายก่อนที่พวกเขาจะกลับออกไปอย่างปลอดภัย

 

เมื่อชิงสุ่ย และกลุ่มคนของพระราชวังจอมอสูรจากไป นั้นก็ทิ้งเอาไว้แต่คนของนิกายสาปอสูร ความหวังในสายตาของพวกเขาหายไปแล้ว พวกเขาได้แต่เฝ้ามองสัตว์อสูรที่เข้ามาใกล้ๆในตอนนี้ แต่ถึงอย่างไรพวกเขานั้นก็ยังดิ้นรนอยู่ด้วยการเข้าไปขอความช่วยเหลือจากพี่น้องตระกูลลู่เพื่อหวังว่าพวกเขาจะควบคุมมันไว้ได้

 

แต่มันก็ไร้ความหมายพวกเขานั้นไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆในตอนนี้

 

ในขณะที่หายนะกำลังเกิดขึ้นกับนิกายสาปอสูร เรื่องเลวร้ายที่สุดกำลังเกิดขึ้นเมื่อสัตว์ร้ายได้ตรงไปยังพี่น้องตระกูลลู่ที่กำลังพุ่งไปที่ทางออก ซึ่งเป็นเส้นทางเดียวกับกับนิกายอื่นๆที่กำลังหลบหนีเช่นเดียวกัน

 

“ท่านอาวุโสรีบออกจากที่นี่กันเดียวนี้ มีสัตว์อสูรที่กำลังบ้าคลั่งกำลังมุ่งมาทางนี้ ข้าคิดว่าคงเป็นเรื่องยากที่จะรับมือกับมัน”พี่น้องตระกูลลู่กล่าวออกมาขณะที่เช็ดเหงื่อบนหน้าของพวกเขา

 

“เอาละ ทุกๆคนรีบหนีกันเดี๋ยวนี้!”

 

ชายชราผู้นี้สามารถเข้าใจเหตุการณ์ได้ทันที ดังนั้นเขาจึงได้รีบสั่งให้คนในนิกายของเขาหลบหนีในตอนนี้ มันเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะรับมือกับสัตว์อสูรเช่นนี้ในระยะใกล้

 

ในตอนนี้ทั้งสองนิกายได้ร่วมมือกันเพื่อหลบหนีจากหายะในครั้งนี้ แม้พวกเขาจะเป็นนิกายที่แข็งแกร่งขนาดไหนก็เป็นเรื่องยากที่จะรับมือกับสัตว์อสูรอมตะเช่นนี้ นอกจากนี้มันยังเป็นเรื่องไม่คุ้มที่จะต้องเอากำลังคนของพวกเขาเข้าแลกอีกด้วย

 

 

ด้วยความช่วยเหลือของย่างเก้าก้าวเทวาชิงสุ่ยสามารถนำพาคนของพระราชวังจอมอสูรมาถึงทางออกได้อย่างปลอกภัยและได้ทำการออกจาที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว

 

โดยปกติทางข้าวของโบราณสถานแห่งนี้จะเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ผู้ที่ต้องการเข้าไปหาสมบัติแต่ถึงอย่างไรก็ตามจำนวนของผู้ที่เข้าไปได้นั้นมีอยู่อย่างจำกัดจึงทำให้ผู้บ่มเพาะที่อ่อนแอไม่ได้รับสิทธิ์ในการเข้าไปในที่แห่งนี้ แต่ถึงแม้จะไม่ได้เข้าไปข้างในแต่รอบๆบริเวณข้างนอกนั้นก็เต็มไปด้วยสมบัติมากมายจึงทำให้สถานที่แห่งนี้ยังคงเต็มไปด้วยผู้คนอยู่ดี

 

เมื่อกลุ่มของชิงสุ่ยออกมา พวกเขาได้สร้างความสนใจให้ผู้คนจำนวนมาก แต่ถึงอย่างไรกลุ่มของพวกเขาก็ไม่ได้หยุดลงที่ตรงนี้ พวกเขาได้รีบขึ้นไปบนสัตว์อสูรและจากไปในทันที ถึงแม้พวกเขาจะทำเช่นนั้นก็ไม่มีใครที่สามารถหยุดพวกเขาไว้ได้ ถึงแม้ที่แห่งนี้จะเป็นรอยต่อของมหาทวีปมังกรอหังกาล แต่ก็ไม่มีใครในที่นี้ที่กล้าหาเรื่องกับคนของพระราชวังจอมอสูร นอกจากนี้ด้วยความแข็งแกร่งที่พวกเขาได้รับหลังจาดกลับมามันเป็นเรื่องยากที่จะไม่มีใครไม่กลัวพวกเขา

 

ตอนนี้ชิงสุ่ยไม่รู้ว่ามีกี่คนที่ถูกวานรบรรพกาลเนตรมังกรสังหารหลังจากที่เขาออกมา ในตอนแรกเขาไม่ได้คิดว่าจะทำเช่นนั้นเลยแต่ เมื่ออีกฝ่ายนั้นจ้องจะเล่นงานเขาก่อนมันจึงทำให้เขาต้องทำเช่นนี้ออกมา ด้วยผลในครั้งนี้มันทำให้นิกายสาปอสูรนั้นต้องสูญเสียกำลังไปอย่างมาก นี่เป็นเป็นวิธีการที่ดีอย่างมากที่จะสังหารอีกฝ่ายโดยเขาไม่ต้องสูญเสียเลือดเนื้อ ด้วยผลในครั้งนี้มันจะให้ให้ปัญหาของพระราชวังจอมอสูรนั้นถูกกำจัดไปอย่างหนึ่ง

 

ในการกลับมาครั้งนี้ดูเหมือนฮัว รูเหม่ยนั้นจะมีความสุขมากที่สุดเนื่องจากความแข็งแกร่งของเธอและสัตว์อสูรของเธอนั้นได้รับความก้าวหน้าขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ศัตรูของเธอนั้นก็ได้ถูจัดการลงไป มึนจึงทำให้เธอมีความสุขมากกว่าใครเพื่อน

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยที่นั่งอยู่บนวิหคเพลิง กำลังคิดถึงบางสิ่งบางอย่าง ขณะที่ล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า เขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้ยังมีผู้คนของทวีปมังกรอหังกาลนั้นต้องการที่จะหยุดยังพวกเขาอีกรึไม่?

 

เนื่องจากในตอนนี้เขานั้นไม่สามารถมั่นใจได้ถึงความปลอดภัย ชิงสุ่ยจึงได้ตัดสินใจที่จะใช้ทักษะเสียงสัมผัสแห่งพระเจ้า

 

ทักษะเสียงสัมผัสแห่งพระเจ้านั้นเป็นทักษะรับรู้สัตว์อสูรวานรอมตะหกหู ซึงมันนั้นเป็นสัตว์อสูรที่ทรงพลังอย่างมากเทียบเท่ามังกรที่แท้จริงและไม่ได้อ่อนด้อยกว่าวิหกเพลิงที่แท้จริงเลย ด้วยทักษะสัมผัสของมันทำให้ใครก็ยากที่จะจู่โจมมัน ถึงแม้ไม่เคยมีใครเคยพบตัวตนที่แท้จริงของมันแต่ก็มีการบันทึกถึงเรื่องราวของมันอยู่ในทุกๆตำนาน

 

ทักษะเสียงสัมผัสแห่งพระเจ้าที่ชิงสุ่ยได้ครอบครองอยู่นั้นเป็นทักษะที่ลึกลับอย่างแท้จริง มันนั้นมีความใกล้เคียงกับทักษะระดับพระเจ้าของเขา แต่ก็มีความแตกต่างออกไป

 

เวลาได้ผ่านไปช้าๆ ชิงสุ่ยค่อยๆฝังตัวเองลงในห้วงความคิด ขณะที่เขาได้ทำการเรียนรู้ทักษะเสียงสัมผัสแห่งพระเจ้า แม้ว่าจะเป็นทักษะที่ทรงพลังอย่างมากแต่การใช้งานของมันนั้นกลับไปไม่ยุ่งยากเลย

 

หลังจากผ่านไปสักครู่ใหญ่ ชิงสุยลืมตาขึ้นและถอนหายใจออกมา ตอนนี้เขาสามารถจดจำวิธีในการบ่มเพาะทักษะดังกล่าวได้เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่แน่ใจว่าเข้าจะสามารถใช้มันได้ในระดับไหน สิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้คือการฝึกฝนมันเท่านั้น!

 

แม้ว่าเขาจะยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถใช้มันได้ดีขนาดไหน หรือใช่มันได้นานเท่าไร แต่เขาก็อยากจะลองมัน บางทีเขาอาจจะได้รับรู้สิ่งที่ไม่คาดคิดจากการใช้มันก็ได้

 

หลังจากที่เขาใช้มัน ชิงสุ่ยรู้สึกว่าร่างกายของเขาห้อมล้อมไปด้วยพลังวิญญาณที่น่าหวาดกลัว ในเวลานั้นเองเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ทรงพลังจากข้างหน้าเขา มีกลิ่นอายที่ทรงพลัง10จุดห่างออกไปไม่ไกลมากนัก ในตอนนี้ชิงสุ่ยนั้นรู้ได้ในทันทีว่าพวกเขาทั้งหมดนั้นเป็นผู้บ่มเพาะที่ทรงพลังอย่างมาก ในความเป็นจริงพวกเขาเป็นตัวตนที่ทรงพลังกว่านักปราชญ์สุขสำราญเสียอีก

 

สิ่งที่ชิงสุ่ยรู้สึกแปลกใจอย่างมากคือคนๆหนึ่งที่อยู่หน้าผู้คนทั้งหมด เขานั้นเป็นคนที่ทรงพลังมากกว่าคนอื่นๆนอกจากนี้ชิงสุ่ยยังรู้ได้เลยว่าเขานั้นเป็นคนของทวีปมังกรอหังกาลอย่างแน่นอน

 

ดวงตาของชิงสุ่ยค่อยๆแคบลงเหมือนคมดาบ ในขณะที่ชิงสุ่ยพุ่งออกไปและปรากฏตัวหน้ากลุ่มคนเหล่านั้น

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยมองไปที่ชายผู้นั้นอย่างถีถ้วน เขาเป็นชายที่มีอายุอยู่ในวัยกลางคน แต่ถึงอย่างไรก็ยังคงความหล่อเหลาและสง่างามเอาไว้ กลิ่นอายของเขานั้นเต็มไปด้วยความเป็นผู้นำราวกับเขานั้นเป็นราชาของทวีปแห่งนี้ นอกจากนี้ชิงสุ่ยนั้นยังไม่สามารถสัมผัสถึงความแข็งแกร่งที่แม้จริงของเขาได้

 

ในแง่ของชายผู้นั้นเขามองไปที่ชิงสุ่ยราวกับมองไปที่ตัวเองเมื่อ10กว่าปีก่อน พวกเขาทังคู่มีรูปร่างท่าทางที่คล้ายคลึงกันอย่างมาก เพียงแค่กลิ่นอายของทั้งคู่นั้นต่างกันเท่านั้นเอง

 

 

“เจ้าช่างดูคล้ายกับข้าในอดีตจริงๆ ในตอนแรกข้าก็ไม่อยากเจอมากนักแต่เมื่อได้มองใกล้ๆแล้วเจ้าช่างเหมือนกับข้าจริงๆ นี่คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญสินะ?”ชายคนนี้ยิ้มออกมา

 

“มีไฝสีมรกตอยู่บนร่างของท่านใกล้กับซี่โครงซี่ที่สามของท่านหรือไม่?” ชิงสุ่ยถามอย่างนุ่มนวล

 

ชายคนนี้ถึงกับสั่นทอน เขานั้นสูญเสียความทรงจำไปกล่าวสี่สิบกว่าปีมาแล้ว มันให้เขานั้นแทบจะไม่สามารถจำเรื่องราวก่อนหน้านั้นได้อีกเลย นอกจากนี้เรื่องไฝนั้นก็เป็นความลับของเขา ซึ่งแทบไม่มีใครรู้เลยเกี่ยวกับมัน

 

“เจ้าคือใคร? แล้วเจ้ารู้ได้ยังไง? “ชายคนนี้ดูเหมือนจะตื่นตระหนก และพูดออกมาไม่เป็นคำ

 

“นี่ท่านสูญเสียความทรงจำไปแล้วอย่างนั้นรึ?” ชิงสุ่ยส่ายหัว

 

ประมุขอสูรที่อยู่ไม่ไกลจากชิงสุ่ยมากนักนั้นได้แสดงสีหน้าที่แปลกประหลาดและยากที่จะเข้าใจออกมา

 

“ชิงสุ่ย ตั้งแต่ที่เจ้ารู้ว่าเขาคือใคร เจ้าก็น่าจะเข้าร่วมกับเราได้แล้ว? เจ้ามั่นใจได้เลยว่าเราจะไม่ทำอันตรายใดๆกับเจ้า นอกจากนี้เมื่อเจ้านั้นเข้าร่วมกับเรา เจ้านั้นก็จะได้มีเวลารักษาเขาและทำให้ความทรงจำของเขาฟื้นคืนกลับมา”

 

ประมุขอสูรนั้นเฝ้ามองและเก็บรายละเอียดอย่างช้าๆ ในขณะนี้คำตอบของชิงุส่ยมีผลต่อเธอย่างมากเพราะเขานั้นเป็นคนที่ตัดสินใจจะไว้ใจเป็นคนแรก

 

“เข้าร่วมกับกลุ่มของพวกเจ้าอย่างนั้นรึ? กลุ่มที่ใช้ยาบางชนิดเพื่อควบคุมคนอื่นอย่างนั้นรึ ข้าไม่สนใจหรอก นอกจากนี้เจ้าเป็นใครกัน นอกจากหุ่นเชิญของพวกเขา อย่าได้มากล่าวกับข้าโดยเท่าเทียบ”ชิงสุ่ยยิ้มและมองไปที่ชายคนนั้น

 

“เจ้ามันคนสามหาว ไม่สำคัญว่าเจ้าจะเป็นบุตรของเศียรมังกรรึไม่ วันนี้ข้าต้องลงโทษเจ้า!”

 

ในเวลานี้ชายชราคนหนึ่งได้ พุ่งเข้าใส่เขาอย่างฉับพลัน อาการรอบๆตัวของชายชราคนนั้นค่อยๆลุกไหม้เป็นเพลิงขยาดใหญ่และตรงเข้าใส่ชิงสุ่ย

 

หมัดบรรพกาลอัคนี!

 

“จะทำไมถ้าข้าจะกล่าวเช่นนี้ เจ้าจะสามารถทำอะไรข้าได้?”ชิงสุ่ยกล่าวออกมาในขณะที่ง้าวทองคำทะลวงศัตรูได้ปรากฏขึ้นที่มือของเขา

 

ทักษะ9รากฐานบรรพกาลศึก ท่าแรก!

 

นี่เป็นครั้งแรกที่ชิงสุ่ยนั้นปลดปล่อยความสามารถของมันออกมา!

 

ตูม!

 

เพียงแค่ครั้งเดียวมันก็สามารถตัดผ่านหมัดเพลิงของอีกฝ่ายไปได้อย่างง่ายดาย แต่ถึงอย่างไรมันก็ไม่มีความรุ่นแรงมากพอที่จะทำร้ายชายชรา

 

หนึ่งลมหายใจต่อมา!

 

ในขณะนี่ร่างกายของชิงสุ่ยสั่นสะท้านไปด้วยพลัง

 

“บังอาจ วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าเห็นถึงความห่างชั้นระหว่างเจ้ากับคนของทวีปมังกลอหังกาล เจ้าคิดจริงๆรึว่าทักษะชั้นต่ำแบบนั้นจะสามารถรับมือกับพวกเราได้ ข้าจะแสดงให้เข้าเห็นว่าทักษะที่แท้จริงมันเป็นอย่างไร”ชายชรากล่าวออกมาขณะที่ปลดปล่อยปราณทั้งหมดออกมา

 

“วันนี้สงสัยว่าข้าคงต้องตัดหัวคนชราเสียแล้ว”ชิงสุ่ยกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม

 

……..

 

ในเวลานี้ชายผู้นั้นเสียการควบคุมไปเล็กน้อยเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขานั้นเป็นเครื่องมือของกลุ่มเศียรมังกร ดังนั้นเขาจึงโมโหอย่างมาก นอกจากนี้เขานั้นยังเป็นคนที่คิดว่าตัวเองนั้นเป็นคนที่ผู้นพกลุ่มนั้นไว้วางใจที่สุด มันจึงทำให้เขาไม่สามารถทนต่อความโมโหของเขาไปได้ ถึงอย่างไรเขาก็รู้ว่าสิ่งที่ชิงสุ่ยนั้นพูดคือความจริง เขาเป็นเพียงแค่เครื่องมือที่ใช่แล้วทิ้งเท่านั้น แค่ถึงอย่างไรเขานั้นก็ไม่อยากจะเชื่อมัน และยอมอุทิศชีวิตของเขาให้กับกลุ่ม

 

ชิงสุ่ยนั้นสามารถคาดเดาไว้ตั้งนานแล้วว่าเขานั้นสูญเสียความทรงจำลงไป ดังนั้นชิงสุ่ยจึงต้องการที่จะรักษาเขา แต่ถ้าเป็นเพราะอีกเหตุผลหนึ่ง ไม่ว่าเขาจะทำยังไงก็ไม่สามารักษาเขาได้นั้นเพราะถูกวางยา ซึ่งมันนั้นจำเป็นต้องใช้ยาแก้พิษเท่านั้นในการรักษาและเขาไม่รู้ว่าชายคนนี้นั้นถูกยาชนิดไหน มันเป็นเรื่องยากที่เขาจะรักษาชายคนนี้

 

“เราสามารถคุยกันสักหน่อยได้หรือไม่?”ชายคนนั้นจ้องมองไปที่ชิงสุ่ย

 

“เศียรมังกร ทำไมต้องคุยกับเขาอีกละ? หากมีอะไรผิดพลาดเราจะอธิบายกับท่านผู้นำยังไง?”

 

ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินชื่อผู้นำ แต่ถึงอย่างไรเขานั้นก็ยังดื้อด้านต่อไป

 

“ข้าขอเวลาสักครู่!”ชายคนนั้นกล่าวออกมาด้วยเสียงที่แข็งกระด่าง

 

“เศียรมังกร!”

 

“อย่าบังคับให้ข้าต้องฆ่าเจ้า? ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เจ้ามีสิทธิ์สั่งการข้า? “ชายคนนั้นมองไปทางชายชรา ในขณะที่อาวุธได้ปรากฏในมือของเขา มันให้คนอื่นๆถึงกับถ่อยหลังไปในทันที