ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 1445 – ความทรงจำ

 

“ตอนนี้ เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องพวกเขาอีกแล้ว ตอนนี้เจ้าสามารถพูดอะไรก็โดยไม่มีใครห้ามอีกแล้ว”

 

“นั้นข้าจะกล่าวตามตรง ข้าไม่มั่นใจว่าอาการของท่านนั้นเกิดจากการวางยารึไม่ แต่ถ้าท่านต้องการให้ข้าทดลองรักษาท่านดู บางทีข้าอาจะพอช่วยท่านนั้นฟื้นความทรงจำบางส่วนกลับมาได้ อย่างน้อยก็เป็นเรื่องที่สำคัญกับท่านที่สุด”

 

ชายคนนี้หดหูอย่างมาก หากเกิดมันเรื่องจริงที่เขานั้นถูกวางยา นั้นหมายความว่าผู้นำของเขาเป็นที่วางยาของเขาอย่างนั้นรึ ยิ่งไปกว่านั้นผู้นำของเขาก็ยังบอกเขาอีกว่าสิ่งที่เกิดกับเขานั้นเป็นไปโดยธรรมชาติ ….

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยมั่นใจอย่างมากว่าชายคนนี้คือพ่อของเขา มันทำให้รู้สึกดีใจและรู้สึกมีความหวังอีกครั้ง

 

แต่ถึงอย่างไร เขาไม่ได้มีความสุขที่ได้เจอชายคนนี้ สิ่งที่เขามีความสุขคือการที่จะได้ทำให้แม่ของเขาสมหวังอีกครั้ง ตอนนี้ชิงสุ่ยสามารถให้อภัยเขาได้แล้ว นั้นเพราะเขารู้แล้วที่เขาจากไปนั้นเพราะเขานั้นได้สูญเสียความทรงจำลงไป

 

“ข้าจะลองเชื่อเจ้าดู”

 

เขายิ้มให้ชิงสุ่ย เช่นเดียวกันเขาไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเชื่อในสิ่งที่ชายหนุ่มคนนี้พูดทั้งที่พวกเขานั้นไม่รู้จักกันเลย ราวกับว่าสัญชาตญาณของเขากำลังบอกว่าเขาสามารถไว้ใจชายคนนี้ได้

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้หยิบเอาเข็มแห่งชีวิตและความตายออกมา ขณะที่ปักมันลงไปที่ร่างกายของชายคนนั้น

 

ปราณแห่งการหวนคืนนั้นมีคุณสมบัติที่ฟื้นฟูอย่างมากในตอนนี้  ด้วยปราณจากทักษะสร้างเสริมกายาบรรพกาลของชิงสุ่ยที่เต็มไปด้วยพลังธรรมชาติ ผนวกด้วยปราณแห่งทวยเทพของชิงสุ่ย ทำให้อำนาจในการรักษาและกำจัดปราณที่ผิดปกติออกไปได้อย่างรวดเร็ว

 

อำนาจในที่กำลังควบคุมที่หลงเหลือในร่างกายของชายผู้นี้เริ่มถูกขับออกมาแต่ถึงอย่างไรก็เกิดการต่อต้านกันอย่างรุนแรงในตอนนี้

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยปิดตาลงและพยายามควบคุมปราณของเขาเอาไว้ ในตอนนี้หากสิ่งปกติดังกล่าวนั้นถูกผนึกเอาไว้ เขาไม่เป็นผลดีในระยะยาว มันจะเป็นเรื่องยากขึ้นไปที่จะกำจัดมันได้ในอนาคต

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรว่าทำไม ชายคนนี้ถึงถูกวางยาผิดแบบนี้ พวกเขาทำมันไปทำไม และเขาต้องการอะไรจากชายคนนี้ อะไรคือแรงบันดาลใจของพวกเขา?

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยยังคงทำการรักษาของเขาอย่างต่อเนื่อง …หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยามกว่า ร่างกายของชิงสุ่ยก็เริ่มสั่นสะท้าน จากนั้นเขาค่อยๆหยุดลงและมองไปที่เขา

 

“นานเท่าไรแล้วรึที่ผู้นำของท่านได้ช่วยหลือท่าน?”

 

“ก็ประมาณ20ปีได้ มีอะไรรึ มันมีอะไรเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้?”

 

“ท่านรู้รึไม่ทำไมในช่วงหลังๆมานี้ ทำไมความแข็งแกร่งของท่านถึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ท่านเคยได้ยินเรื่องการขโมยจิตวิญญาณหรือไม่?”

 

“ข้าเคยได้ยินจากท่านผู้นำของข้ามาว่า ในโลกนี้มีทักษะการขโมยจิตวิญญาณอยู่ มันเป็นความสามารถในการขโมยความแข็งแกร่งของผู้อื่น แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นเรื่องยากที่จะใช้มัน มีโอกาสไม่ถึง0.01%ด้วยซ้ำที่จะทำมันได้สำเร็จ  ว่าแต่เจ้าพูดถึงมันทำไม?”เขากล่าวออกมาด้วยความงงงวย

 

“ในตอนที่ข้ารักษาท่านอยู่ ข้าสัมผัสได้ว่าร่างกายของท่านั้นเป็นกายาพุทธธาตุ มันเป็นกายาที่เหมาะสมอย่างมากในการบ่มเพาะ และเป็นกายาที่มีประสิทธิอย่างมากหากใช้ร่วมกับการบ่มเพาะที่เหมาะสม แต่มันนั้นก็มีมีเงื่อนไขที่เหมาะสมอย่างมากที่จะถูกทำให้ขโมยจิตวิญญาณได้ง่ายกว่าคนเท่าไปถึง100 เท่า  จากการะที่ข้าสำรวจร่างกายของท่านในตอนนี้  ทำให้ข้าพวกว่าของเขตพลังที่แท้จริงของท่านนั้นมันเกิดนกว่า50ล้านสุริยาไปแล้วถึง10เท่าแล้ว แต่ทำไมตัวของท่านนั้นยังติดอยู่ในขอบเขตนี้”

 

ในตอนนี้ชายคนนี้เริ่มคิดได้ถึงเรื่องบางอย่าง จริงอยู่ที่อำนาจของเขาในตอนนี้อยู่ที่50ล้าน และมันนั้นสามารถเพิ่มขึ้นมาได้อย่างง่ายดายในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา จากที่มันนั้นคงที่อยู่มากเป็นเวลานาน ในตอนนี้เขาเริ่มเชื่อมโยงเรื่องราวบางอย่างได้แล้ว ในตลอด6เดือนที่ผ่านมา เขานั้นได้ถอดใจเกี่ยวกับความทรงจำของเขา ทำให้เขานั้นได้เข้าหาผู้นำของเขาน้อยลง และมักจะใช้เวลาอยู่กับการฝึกฝน เดิมที่เขานั้นคิดว่ามันเป็นเพราะตัวของเขานั้นฝึกฝนอย่างหนักเสียอีกถึงได้แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้

 

ยิ่งคิดมาเท่าไหร่ เขาเริ่มนึกถึงข้อผิดสังเกตได้หลายๆอย่าง มีอยู่หลายครั้งที่ผู้นำของเขาได้ปลดปล่อยอายที่ชั่วร่ายใส่ร่างกายของเขา โดยที่เขาสามารถสัมผัสได้ แต่เขานั้นก็ไม่ได้สนใจใดๆ เพราะเขาคิดว่าชายคนนี้คือผู้ช่วยชีวิตและมีพระคุณกับเขา มันจึงทำให้เขานั้นละเลยและประมาท  จนทำให้เขาคิดว่าทุกๆคนที่รักษาเขานั้นเป็นคนดี………..

 

ชายชราผู้นั้นได้ใช้การขโมยจิตวิญญาณกับร่างกายของเขามาเป็นนานแล้ว นี่เป็นแผนที่เขาวางเอาไว้นับสิบๆปี และทำให้เขานั้นได้รับผลประโยชน์ที่มากมาย

 

“อีกเรื่องหนึ่งความทรงจำของท่านนั้นได้สูญหายไปเพราะถูกผิด แต่หน้าเสียดายที่ตอนนี้ข้านั้นยังไม่มีวิธีรักษาท่าน แต่ข้าก็สามารถดังความทรงจำบางส่วนของท่ามาได้ ท่านต้องการลองมั้ย?”

 

“ก่อนหน้านี้โปรดบอกข้าได้รึไม่ ว่าครอบครัวของข้าเป็นยังไงบ้าง?” ชายคนนั้นถามชิงสุ่ยด้วยความกังวล

 

เขามั่นใจแล้วว่าตอนนี้เขานั้นต้องมีสายสัมผัสที่พิเศษระหว่างกัน หรือไม่เขาอาจเป็นลูกชายของเขา แต่เขานั้นก็มิอาจจำมันได้?

 

“พวกเขาสบายดี”ชิงสุ่ยยิ้มและตอบ

 

“ดี ข้าจะลอง!”ชายคนนั้นกล่าว

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยใช้เวลาประมาณสามสิบนาที่เท่านั้น เพื่อฝังเข็มทั้งหมด

 

ในเวลานี้ร่างกายของเขาสั่นสะท้านและเรียกชื่อที่ชิงสุ่ยคุ้นเคยออกมา ชิงอี่ ชิงชิง… (โถ่ๆชิง พ่อลืม)

 

ในขณะนั้นเองน้ำตาได้ไหลออกมาจากดวงตาของเขา ในขณะนี้เขาร้องไห้ออกมาอย่างบ้าคลั่งด้วยความเจ็บปวด ราวกับหัวใจของเขาถูกมัดปักเอาไว้

 

แม้คนที่แข็งแกร่งก็ยังมีช่วงเวลาที่อ่อนแอ ชิงสุ่ยไม่คาดคิดว่าเขาจะสามารถจดจำเรื่องราวออกมาได้มากมายเท่านี้ นั้นหมายความว่าเขานั้นต้องคิดถึงและเป็นห่วงคนเหล่านั้นอย่างมาก

 

“พวกเขาเป็นยังไงบ้าง นี่ก็สี่สิบปีมาแล้ว เด็กน้อยของข้านั้นคงจะโตเป็นสาวสวยไปแล้ว!”เขามองไปที่ชิงสุ่ยและกล่าวออกมาด้วยความห่วงหา

 

“พวกเขาสบายดี แล้วต่อจ้านี้ท่านั้นต้องการที่จำอย่างไรต่อ?”

 

“ข้าก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ว่าตอนนี้ข้านั้นไม่สามารถกลับไปหาพวกเขาได้ จนกล่าวข้าจะหายได้!”ชายคนนั้นกล่าวออกมา

 

“แล้วตอนนี้ท่านนั้นสามารถจัดจำเรื่องราวได้มากน้อยแค่ไหนกัน เพื่อมีอะไรที่ข้าจะสามารถช่วยเหลือท่านได้?”

 

“ข้าจำได้ว่าข้าคือเหยียน จงเย่ว เป็นคนของตระกูลเหยียน อาศัยอยู่ที่เมืองเหยียน ในทวีปเมฆามรกต มีภรรยาชื่อชิงอี่ และมีลูกสาวชื่อชิงชิง….”เขากล่าวออกมาอย่างช้าๆ

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้แต่ถอนหายใจออกมา เขานั้นไม่คาดหวังว่าเขาจะจำตัวเขาได้ แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นเรื่องดีที่เขาสามารถฟื้นความจำบางส่วนมาได้

 

“ในตอนนั้นข้านั้นถูกตระกูลเหยียนกดดันอย่างมาก และยังมีตระกูลเสี่ยวที่กดดันข้าอยู่อีกทางหนึ่ง”

 

“ตอนนี้ตระกูลเหยียนและตระกูลเสี่ยวนั้นถูกทำลายลงไปแล้ว…”ชิงสุ่ยกล่าว

 

“พวกเขาสมควรได้รับผลกรรมแล้ว จริงสิ แล้วเจ้าสามารถบอกข้าได้รึไม่ว่าเจ้าคือใคร?”เหยียน จงเย่วกล่าวออกมา

 

“ข้านั้นคือชิงสุ่ย อีกนัยหนึ่งข้าคือลูกชายของท่าน………”

 

เดิมทีเหยียนจงเยว่ก็พอที่จะคาดเดาได้ ด้วยความผูกพันและสายใยบางอย่างมันมากพอที่เขาพอจะคาดเดา ยิ่งไปกล่าวนั้นชิงสุ่ยนั้นก็มีใบหน้าที่คล้ายคลึงกับเขามาก

 

“เยี่ยมๆไปเลย เจ้าคือลูกชายที่ข้านั้นภูมิใจอย่างมาก เจ้าช่างเป็นคนที่โดดเด่น ฮ่าๆๆ”ในตอนนี้เขาหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข  เขาหัวเราะออกขณะที่จับไปที่ไหล่ของเขา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบเจอกับชิงสุ่ย ถึงแม้ว่าจะเป็นครั้งแรกแต่มันนั้นก็ผ่านมานานแล้ว ตอนนี้ลูกชายของเขานั้นเติบขึ้นมากล่าวเป็นคนที่แข็งแกร่งและหล่อเหลาอย่างมาก แต่นั้นก็ไม่มีผลกระทบต่อสายสัมพัรธ์ทางสายเลือดของพวกเขา

 

“ทำไมตอนนี้ท่านพ่อไม่ออกจากทวีปมังกรอหังกาลละ กลับไปบ้านของเรา ตอนนี้ทุกๆคนนั้นกำลังรอท่านอยู่ หรือท่านไม่อาจทิ้งชื่อเสียง เศียรมังกรไปได้?”ชิงสุ่ยมองไปที่เขาและถาม

 

“ป่าวเลย ข้านั้นต้องการกลับไป แต่ตอนนี้ถ้าข้ากลับไปเกรงว่า จะทำให้พวกเจ้าเป็นอันตรายมากกว่า พวกเขานั้นคงไม่ยอมปล่อยข้าไปง่ายแน่นอน!”เขากล่าวแลว่ายหัว

 

ชิงสุ่ยนั้นพอจะเข้าใจในเรื่องนี้ ถึงแม้ตอนนี้เขาจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก เขาก็ยังไม่ค่อนแน่ใจว่าจะสามารถจัดการผู้นำของพ่อของเขาไปได้

 

“งั้นเราจะร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหานี้ ในฐานะพ่อลูก ข้าเชื่อเราต้องทำมันได้! ”

 

“เขานั้นแข็งแกร่งอย่างมาก ข้าว่าแม้แต่เราร่วมมือกันมันก็ยังเป็นเรื่องยาก”เหยียนจงเย่วกล่าวออกมาอย่างจริงจัง

 

“แล้วถ้าเราร่วมกันละ ข้าคิดว่าพวกเราหน้าจะพอจัดการกับเขาได้”เสียงที่ไพเราะของประมุขอสูรดังขึ้น

 

หลังจากที่เธอกล่าวออกมาท่าทางของชิงสุ่ยก็ค่อยๆสงบลง ยังไงซะในตอนนี้เขาก็ไม่มีทางปล่อยให้พ่อของเขานั้นกลับเสี่ยงอันตรายอย่างแน่นอน

 

“เจ้ามันคนเนรคุณ ท่านผู้นำอุสาดูและเจ้ารักษา แต่เจ้ากลับมาทรยศเขา เจ้าคนหน้าไม่อาย” กลุ่มคนนับสิบเหาะกลับมาใกล้ๆ

 

“แล้วจะทำไมพวกเจ้ามีปัญญาที่จะทำอะไรอย่างนั้นรึ? หากเราจะไปก็ไม่มีใครสามารถหยุดเราได้”ชิงสุ่ยยิ้มออกมา

 

“แล้วถ้าเป็นพวกเราละ?”ในเวลานั้นชายชรา2คนได้โผล่ออกมาใกล้ๆวกเขา

 

“อาวุโสใหญ่ ผู้คุมกฎซ้าย ในที่สุดพวกท่านก็มาถึงสักที!”

 

“เศียรมังกร หากเจ้ายอมกลับไปกับเราดีๆ เราจะไม่เอาความกับเจ้า!” ผู้คุมกฎซ้ายกล่าวออกมา