บทที่ 1222 ผู้นำรุ่นต่อไป

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1222 ผู้นำรุ่นต่อไป

แปลโดย iPAT

วิญญาณอมตะระดับเก้า วิญญาณแห่งความรัก!

จ้าวเหลียนหยุนไม่รู้จักวิญญาณดวงนี้ แต่นั่นไม่ได้หยุดนางจากการสังเกตเห็นเอกลักษณ์พิเศษของมัน

นางรู้สึกราวกับวิญญาณดวงนี้เป็นจุดศูนย์กลางของทุกสิ่ง มันเหมือนเปลวไฟหลากหลายสีสันที่ร้อนแรงที่สุดในจักรวาล ความเป็นจริงทั้งหมดจะถูกพลิกกลับ ทุกอย่างในโลกใบนี้จะหมุนรอบตัวมัน

‘นี่คือ…ปาฏิหาร์ย์?’ ความคิดหนึ่งปรากฏขึ้นในใจของจ้าวเหลียนหยุน

จากนั้นนางก็ล้มลงหมดสติอยู่บนพื้น

นิกายคฤหาสน์วิญญาณตกลงสู่ความปั่นป่วนทันที

วิญญาณแห่งความรักเป็นวิญญาณอมตะที่เป็นสัญลักษณ์ของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

มันบินออกมาจากที่อยู่ของมันและมาหาจ้าวเหลียนหยุน สิ่งสำคัญที่สุดคือเมื่อจ้าวเหลียนหยุนหมดสติ มันไม่ได้บินหนีไปและยังเกาะอยู่บนไหล่ของนาง

ในคืนนั้นนิกายคฤหาสน์วิญญาณต้องจัดการประชุมฉุกเฉินเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง สอง และสามของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ รวมถึงฟงจิวเก้อ เทพธิดาไป่ชิง ซูเฮา หลี่จุนอิง และตัวตนระดับสูงทั้งหมดของนิกายมารวมตัวกันเป็นครั้งแรกในรอบหลายร้อยปี

“ทุกคนย่อมรู้กฎของนิกายเป็นอย่างดี ตอนนี้วิญญาณแห่งความรักยอมรับจ้าวเหลียนหยุน ดังนั้นนางก็คือผู้นำนิกายรุ่นต่อไป!” ซูเฮากล่าวโดยไม่สามารถปกปิดความสุขในน้ำเสียง

ก่อนหน้านี้เขาเป็นผู้แนะนำให้จ้าวเหลียนหยุนกระทำการดังกล่าวเพื่อทำลายชื่อเสียงของฟงจินฮวงและสร้างชื่อเสียงที่ดีให้กับตัวจ้าวเหลียนหยุนเอง

เขาไม่คิดว่าจ้าวเหลียนหยุนจะดื้อรั้นคุกเข่าอยู่ที่นั่นอย่างไม่ยอมแพ้

ซูเฮาไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร

เขาเลี้ยงดูจ้าวเหลียนหยุนและใช้นางเป็นตัวหมากเพื่อจัดการฟงจินฮวง แต่เป้าหมายที่แท้จริงของเขาคือการโจมตีบิดาของนาง ฟงจิวเก้อ

ทุกองค์กรล้วนมีความขัดแย้งภายใน

องค์กรขนาดใหญ่มักจะแบ่งออกเป็นหลายฝ่าย

ในปัจจุบันฝ่ายของฟงจิวเก้อมีอำนาจสูงสุดในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

ซูเฮา หลี่จุนอิง และคนอื่นๆถูกกำหราบโดยฝ่ายของฟงจิวเก้อและไม่สามารถเงยศีรษะขึ้น โชคดีที่ผู้อมตะระดับแปดทั้งสองของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งและสองมีความยุติธรรมะ พวกเขาไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใดแต่มองผลประโยชน์ของนิกายเป็นสำคัญ สิ่งนี้ทำให้ซูเฮาและหลี่จุนอิงยังมีสถานะบางอย่างแม้จะด้อยกว่าฝ่ายของฟงจิวเก้อก็ตาม

จ้าวเหลียนหยุนคุกเข่าขอร้องฟงจินฮวง เรื่องนี้เป็นเพียงฉากหน้า แต่แท้จริงแล้วมันเป็นความขัดแย้งทางการเมืองภายในของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

จ้าวเหลียนหยุนเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ แต่หลังจากได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ นางจึงมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะแข่งขันกับฟงจินฮวงเพื่อชิงตำแหน่งผู้นำนิกายรุ่นต่อไป

ซูเฮาทำใช้จ้าวเหลียนหยุนเป็นเครื่องมือทางการเมืองของเขา

ก่อนหน้านี้ซูเฮาคิดว่าเขาไม่สามารถปล่อยให้จ้าวเหลียนหยุนคุกเข่าต่อไป ในความคิดของเขา ผลงานทางการเมืองที่นางทำเพียงพอแล้ว หากจ้าวเหลียนหยุนคุกเข่าต่อไป นางจะดูเหมือนคนงี่เงา เรื่องนี้ไม่มีประโยชน์ต่อนาง

แต่หลายชั่วโมงก่อนที่ซูเฮาจะลงมือ เขากลับได้ยินว่าวิญญาณแห่งความรักบินเข้ามาหาจ้าวเหลียนหยุน เขาตกใจมาก

หลังจากตะลึง เขารู้สึกมีความสุข

เขารู้สึกอย่างแรงกล้าว่านี่คือโอกาส ของขวัญชิันนี้มีค่ามากเกินไป เขาแทบหมดสติเพราะความสุขอันเหลือล้น

นี่เป็นโอกาสที่หายากอย่างไม่น่าเชื่อ

เขาจำเป็นต้องใช้โอกาสนี้เพื่อทำให้จ้าวเหลียนหยุนกลายเป็นผู้นำรุ่นต่อไปของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ!

ด้วยวิธีนี้เขาจะสามารถตอบโต้ฝ่ายของฟงจิวเก้อ นี่เป็นโอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อนสำหรับซูเฮา ตราบเท่าที่เขาได้รับโอกาสนี้ อนาคตของเขาในนิกายจะเปลี่ยนแปลงไปมาก

ซูเฮาไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้

ดังนั้นเขาจึงเป็นคนแรกที่ยืนหยัดและสนับสนุนให้จ้าวเหลียนหยุนเป็นผู้นำนิกายรุ่นต่อไป

เขากล่าว “กฎของนิกายระบุไว้อย่างชัดเจน ในการเลือกผู้นำ อันดับแรกพวกเราต้องฟังเสียงสมาชิกส่วนใหญ่ ต่อมาพวกเราจะพิจารณาเกี่ยวกับพรสวรรค์ สุดท้ายพวกเราจะทำตามมติของตัวตนระดับสูง”

ความหมายก็คือไม่ว่าสมาชิกนิกายจะคิดเห็นอย่างไร ไม่ว่าผู้เข้าแข่งขันจะมีพรสวรรค์หรือไม่ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้อมตะระดับสูง

ซูเฮายังกล่าวต่อ “ตอนนี้ในสายตาของสมาชิกนิกาย จ้าวเหลียนหยุนอาจเป็นปีศาจต่างโลก แต่นางมีความรักและภักดีต่อคนรักของนาง นางคุกเข่าต่อหน้าคู่ต่อสู้ของนาง เรื่องนี้ทุกคนรู้ดี ในแง่ของพรสวรรค์ มันไม่สำคัญตราบเท่าที่พวกเราเต็มใจ เราสามารถยกระดับพรสวรรค์ของนางได้อย่างง่ายดาย ข้าเชื่อว่าทุกท่านเคยได้ยินประสบการณ์ของนางในภาคเหนือมาแล้ว นางเป็นชนชั้นสูงที่มีความสามารถอันโดดเด่น และสุดท้ายในแง่ของความเห็นชอบของทุกคนที่นี่ เริ่มจากข้า ข้ายอมรับจ้าวเหลียนหยุน ข้าสนับสนุนให้นางเป็นผู้นำนิกายรุ่นต่อไป!”

“ข้าเห็นด้วย” หลี่จุนอิงเร่งสนับสนุน

นางเป็นภรรยาของซูเฮา ทั้งสองย่อมมีความคิดเห็นเหมือนกันในเรื่องนี้

นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก

แต่ฉากต่อไปกลับสร้างความตกตะลึงให้กับทุกคน

“ข้าเห็นด้วยกับซูเฮา”

“ข้าเห็นด้วยกับความคิดของซูเฮา”

“กระทั่งวิญญาณแห่งความรักยังยอมรับจ้าวเหลียนหยุน แล้วข้าจะกล่าวสิ่งใดได้อีก”

ในครั้งเดียวผู้อมตะระดับหกห้าคนเห็นด้วยกับคำกล่าวของซูเฮา

เทพธิดาไป่ชิงไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป

นางรู้สึกว่า ‘ดูเหมือนทุกคนที่นี่จะเห็นด้วยกับซูเฮา พวกเขาคิดว่าตำแหน่งผู้นำรุ่นต่อไปของนิกายคฤหาสน์วิญญาณควรเป็นของจ้าวเหลียนหยุน’

เทพธิดาไป่ชิงเป็นผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ แต่มากกว่านั้นนางเป็นมารดาของฟงจินฮวง

ตำแหน่งผู้นำรุ่นต่อไปของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมีความพิเศษมาก

นางจะกลายเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกาย พวกเขาจะลงทุนกับนางและทำให้นางเติบโตเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

นิกายคฤหาสน์วิญญาณไม่เพียงต้องการผู้เชี่ยวชาญรุ่นเก่าแต่พวกเขายังต้องการผู้อมตะรุ่นใหม่เพื่อทำให้ระบบสามารถดำเนินต่อไป

เทพธิดาไป่ชิงเคยเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณมาก่อน นางมีประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับเรื่องนี้

แม้ฟงจิวเก้อและเทพธิดาไป่ชิงจะสามารถดูแลฟงจินฮวงและทำให้นางก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะได้อย่างง่ายดาย แต่การสนับสนุนชนิดนี้จะเปรียบเทียบกับการสนับสนุนจากนิกายได้อย่างไร

เทพธิดาไป่ชิงไม่ต้องการเห็นบุตรสาวของนางสูญเสียโอกาสสำคัญ

แต่นางก็เข้าใจอย่างลึกซึ้ง ‘ตอนนี้สถานการณ์ของฮวงเอ๋อเสียเปรียบมาก!’

ตามกฎของนิกาย เมื่อวิญญาณแห่งความรักยอมรับบางคน ไม่ว่าพวกเขาจะไม่ชอบหรือคนผู้นั้นจะมีพรสวรรค์ที่เลวร้ายเพียงใด พวกเขาก็จะกลายเป็นผู้นำนิกายคนใหม่อย่างไม่มีข้อแม้

เนื่องจากกฎข้อนี้ หลังจากซูเฮากล่าวจบ ผู้อมตะหลายคนจึงออกปากอนุมัติและสนับสนุน

ในความเป็นจริงอำนาจทางการเมืองของซูเฮาไม่มั่นคง โดยปกติเขาจะไม่ได้รับการสนับสนุนเช่นนี้

‘แม้กฎของนิกายจะเป็นเช่นนั้น แต่มันยังไม่ใช่สถานการณ์ที่สิ้นหวังเพราะในประวัติศาสตร์ของนิกาย เราเคยมีผู้นำที่ได้รับการคัดเลือกจากกฎข้อนี้แต่สุดท้ายนางกลับ…’

เทพธิดาไป่ชิงคิดถึงเรื่องนี้และกำลังจะกล่าว

แต่ในจังหวะนี้ฟงจิวเก้อกลับกดมือนางเบาๆ

“อย่ากระวนกระวาย”

“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการกล่าวถึงโม่เหยา เวลานั้นนางเป็นเพียงทาสมนุษย์หมึก แต่นางได้รับการยอมรับจากวิญญาณแห่งความรักและได้รับการสนับสนุนจากทุกคนและยังสามารถปฏิรูปโป้ชิง แต่สุดท้ายนางกลับทรยศต่อนิกายและท้าทายวังสวรรค์”

ฟงจิวเก้อถ่อยทอดเสียง

เทพธิดาไป่ชิงหยักหน้าและตอบกลับอย่างลับๆ “ถูกต้อง นี่เป็นความหวังเดียวของฮวงเอ๋อ ตราบเท่าที่เราใช้จุดนี้โต้แย้ง  ด้วยความแข็งแกร่งทางการเมืองของพวกเรา เราอาจสามารถเอาชนะกฎข้อนี้ ท้ายที่สุดกฎก็ถูกสร้างขึ้นโดยผู้คน กฎนี้ไม่สมเหตุสมผล!”

แต่ฟงจิวเก้อปฏิเสธความคิดของเทพธิดาไป่ชิง “ซูเฮาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เหตุใดเขาจึงไม่พูดถึงกฎของนิกายในประโยคก่อนหน้านี้ เขากล่าวถึงเงื่อนไขสามข้อแรกเท่านั้นและดูเหมือนจะลืมกฎข้อนี้ที่ทำให้เขาได้เปรียบมากที่สุดไป”

เทพธิดาไป่ชิงตะลึง

ฟงจิวเก้อกล่าวต่อ “นี่คือแผนการของเขา มันเป็นกับดักที่ล่อลวงให้เจ้ากล่าวถึงเรื่องนี้ เจ้าจะตกหลุมพรางของเขา แม้โป้ชิงและโม่เหยาจะก่อเหตุเหล่านั้น กฎของนิกายก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง หลังการต่อสู้ที่ภูเขาอี้เทียน นิกายของเราถูกกดันอย่างหนัก แต่กฎของเราก็ยังไม่เปลี่ยน นี่เป็นปัญหาฝังลึกเกินกว่าที่ตาเห็น หากเจ้าต้องการใช้อำนาจทางการเมืองเพื่อท้าทายมัน เราจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้และสูญเสียอย่างน่าสังเวช ขณะที่ซูเฮาจะได้รับทุกสิ่งที่เขาต้องการ”

ร่างกายของเทพธิดาไป่ชิงปกคลุมไปด้วยเหงื่ออันเย็นเยียบเมื่อได้ยินเรื่องนี้

“ข้าใจร้อนเกินไป” เทพธิดาไป่ชิงตระหนักถึงข้อผิดพลาดของตน

“เพราะมันเกี่ยวข้องกับฮวงเอ๋อ ข้าร้อนใจเนื่องจากความรัก ไม่ มีเหตุผลอื่น ข้ากลายเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดและได้รับวิญญาณอมตะระดับเจ็ด นี่ทำให้ข้ามั่นใจในตนเองมากเกินไป เพราะข้าเป็นฝ่ายธรรมะที่พลังการต่อสู้ไม่ใช่ทุกสิ่ง หากสามีไม่เตือนข้า ข้าคงทำเรื่องผิดพลาดร้ายแรงไปแล้ว”

เทพธิดาไป่ชิงมองฟงจิวเก้อโดยไม่รู้ตัว

นางรู้สึกราวกับได้รับการปกป้องจากสามี แม้ฟงจิวเก้อจะมาจากเส้นทางสายปีศาจ แต่หลังจากหลายปีเขาสามารถแสดงทักษะของการอยู่ในนิกายได้อย่างไร้ที่ติ นิกายของฝ่ายธรรมะไม่ได้ต้องการเพียงพลังการต่อสู้แต่ความสามารถทางการเมืองเป็นสิ่งสำคัญมาก มิฉะนั้นฝ่ายของฟงจิวเก้อจะมีวันเวลาที่สดใสเช่นทุกวันนี้ได้อย่างไร

“เนื่องจากท่านสามารถเปิดโปงกับดักของซูเฮา ข้าก็จะมอบความไว้วางใจให้กับท่าน” เทพธิดาไป่ชิงถ่ายทอดเสียงอย่างลับๆด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรัก

ฟงจิวเก้อเผยรอยยิ้มขมขื่น “เรื่องนี้ข้าจะไม่เข้าไปยุ่งเพราะการแทรกแซงไม่มีประโยชน์”

“ท่านหมายความว่าอย่างไร?” เทพธิดาไป่ชิงตะลึง

ฟงจิวเก้อไม่ได้กล่าวสิ่งใดแต่มองขึ้นไปบนท้องฟ้า

‘พวกเขาไม่ตกลงหลุมพราง…’ ซูเฮากำลังรอให้บางคนกระโดดลงไป แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับไม่มีผู้ใดกล่าวคัดค้าน กระทั่งฟงจิวเก้อยังนิ่งเงียบ นี่ทำให้ซูเฮารู้สึกเสียดายมาก

เขารวบรวมความคิดและกลับมามั่นใจ ‘ลืมมันไปซะ! เมื่อไม่มีผู้ใดคัดค้าน เรื่องก็ถูกตัดสินแล้ว’

แต่ในจังหวะนี้ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งกลับเปิดปากกล่าว “ข้าเข้าใจความคิดของพวกเจ้า แต่จ้าวเหลียนหยุนมีภูมิหลังที่พิเศษ นางเป็นปีศาจต่างโลก ข้าจะรายงานผลการประชุมให้กับตัวตนระดับสูงและให้พวกเขาตัดสินใจ”

“อันใด!?” ซูเฮาตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์