บทที่ 1223 เข้าสู่ค่ายกลวิญญาณ

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1223 เข้าสู่ค่ายกลวิญญาณ

แปลโดย iPAT

ภาคใต้

ภูเขาอี้เทียน

“ท่านวูอี้ไห่เชิญทางนี้” วูอันโค้งคำนับและนำทาง

ฟางหยวนพยักหน้าตอบรับอยู่ด้านหน้าค่ายกลวิญญาณ

“เชิญท่านก่อน” วูอันหลีกทางให้ฟางหยวนด้วยรอยยิ้ม

ตอนนี้ตัวตนของวูอี้ไห่เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในโลกของผู้อมตะภาคใต้

ฟางหยวนมายังค่ายกลวิญญาณและกลายเป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบอาณาจักรแห่งความฝันของตระกูลวู วูอันเป็นเพียงผู้อมตะระดับหก ดังนั้นเขาจึงกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาสายตรงของฟางหยวน

วูอันบินออกมาจากค่ายกลวิญญาณและเดินทางเป็นเวลาสองวันสองคืนเพื่อออกไปรับฟางหยวนด้วยตนเอง

เมื่อเขาพบฟางหยวน เขาก้มศีรษะลงทันที ไม่ว่าฟางหยวนจะถามสิ่งใด เขาก็จะตอบคำถามอย่างสุดความสามารถ หากฟางหวนต้องการเตะก้นเขา เขาจะย้ายก้นไปที่ขาของฟางหยวนเพื่อที่ฟางหยวนจะได้เตะก้นของเขาได้สะดวกสบายมากขึ้น

นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ฟางหยวนเข้าใจสถานการณ์ในปัจจุบันเป็นอย่างดี

ฟางหยวนเดินเข้าไปในค่ายกลวิญญาณโดยมีวูอันติดตามอยู่ด้านหลัง

ผู้อมตะหลายคนลอบมองฉากนี้อย่างลับๆ

“วูอี้ไห่มายังภาคใต้เมื่อไม่นานมานี้ เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะของตระกูลวูเพื่อกำจัดสถานะผู้อมตะของทะเลตะวันออก ตอนนี้เขากลายเป็นผู้อมตะของภาคใต้ที่แท้จริงไปแล้ว” ปาฉวนฟงกล่าวกับผู้อมตะที่อยู่ด้านข้างอย่างระมัดระวัง

คนที่อยู่ด้านข้างไม่ใช่ผู้ใดนอกจากผู้อมตะระดับเจ็ดบนจุดสูงสุดของภาคใต้เฒ่าพฤกษาปาเต๋อ

ปาเต๋อกล่าว “คอยดูกันต่อไป”

หลังกล่าวจบคำ ปาเต๋อหันหลังและจากไปทันที

เขาแสดงออกราวกับการปรากฏตัวของวูอี้ไห่ไม่มีความสำคัญกับเขา

ปาฉวนฟงรู้สึกผิดหวัง

เขาต้องการเห็นการตอบสนองจากปาเต๋อ วูอี้ไห่มาที่นี่แต่เขาเป็นคนใหม่ ไม่ว่าจะเป็นโลกของผู้อมตะภาคใต้หรือในค่ายกลวิญญาณ เขาก็เป็นคนใหม่

วูตู๋ซิ่วเสียชีวิตไปแล้ว ตระกูลวูเหลือผู้อมตะระดับแปดเพียงคนเดียว นั่นทำให้ความแข็งแกร่งของตระกูลวูลดลงอย่างมาก หลายกองกำลังกำลังรอเวลาที่จะโจมตีพวกเขาโดยเฉพาะตระกูลปา

ในอดีตตระกูลวูมีความแข็งแกร่ง ปาฉวนฟงไม่พอใจกับเรื่องนี้ แต่ตอนนี้เมื่อวูตู๋ซิ่วเสียชีวิตไปแล้วขณะที่วูอี้ไห่เป็นเพียงคนใหม่ ดังนั้นปาฉวนฟงจึงต้องการกำหราบวูอี้ไห่เพื่อระบายความหงุดหงิด

น่าเสียดายที่ปาเต๋อไม่ตอบสนองความต้องการของเขา

ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ความสามารถที่แท้จริงของวูอี้ไห่

ปาเต๋อเป็นจิ้งจอกเฒ่าที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ หากวูอี้ไห่ไร้เดียงสาหรือมีความแข็งแกร่งไม่เพียงพอ เขาก็ไม่รังเกียจที่จะทำให้ตระกูลปาเป็นผู้ปกครองและมีอำนาจสูงสุดในค่ายกลวิญญาณแห่งนี้

ในค่ายกลวิญญาณมีพื้นที่กว้างใหญ่ สิบสามกองกำลังฝ่ายธรรมะกระจายตัวกันไปปกป้องพื้นที่ต่างๆ พื้นที่ของตระกูลวูมีขนาดใหญ่เป็นอันดับหนึ่ง กองกำลังเดียวที่สามารถเทียบเคียงตระกูลวูมีเพียงตระกูลปา กระทั่งตระกูลไท่และตระกูลเฉิงก็ยังด้อยกว่า

ฟางหยวนได้รับข้อมูลจากตระกูลวูและมีวูอันคอยนำทาง ดังนั้นเขาจึงไม่หลงทางไปที่อื่น

ในไม่ช้าพวกเขาก็พบกับผู้อมตะของตระกูลวูอีกคน วูเหลียว

คนผู้นี้มีไหล่กว้าง เอวบาง มีเคราเหมือนเข็มอยู่ใต้คาง และดูกล้าหาญ เขาทักทายฟางหยวนโดยไม่มีท่าทีอ่อนน้อม “ท่านวูอี้ไห่ โปรดอภัยให้ข้าด้วยที่ไม่ได้ออกไปรับท่าน ข้าได้รับมอบหมายให้อยู่ที่นี่”

น้ำเสียงของเขาสงบนิ่งและเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในตัวเอง

ฟางหยวนรู้สึกขบขัน วูอันกับวูเหลียวเป็นผู้อมตะระดับหกทั้งคู่ แต่ทัศนคติของพวกเขากลับตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง

เดิมทีมีผู้อมตะระดับเจ็ดของตระกูลวูอยู่ที่นี่ แต่เมื่อฟางหยวนเข้ามา ผู้อมตะระดับเจ็ดผู้นั้นก็ถูกย้ายออกไป

ตระกูลวูเป็นกองกำลังอันดับหนึ่งของภาคใต้ แต่พวกเขามีผู้อมตะอยู่อย่างจำกัด ผู้อมตะทุกคนมีความสำคัญและต้องใช้อย่างชาญฉลาด

“เรามาแก้ปัญหาหลักกันก่อน ข้าแน่ใจว่าเจ้าได้ยินคำสั่งจากตระกูลของเราแล้ว นำข้าไปปรับแต่งวิญญาณอมตะทั้งสองของข้า” ฟางหยวนกล่าว

นี่เป็นภารกิจที่สำคัญที่สุด

วูเหลียวเห็นวูอี้ไห่เริ่มทำงานทันที นั่นทำให้เขาเริ่มยอมรับฟางหยวน

วูอันรีบวิ่งไปเข้าไปหาฟางหยวนและเผยรอยยิ้มเย้ยหยันให้กับวูเหลียว “นายท่าน เชิญทางนี้ ข้าจะนำทางท่านไปเดี๋ยวนี้”

ครู่ต่อมาฟางหยวนประสบความสำเร็จในการปรับแต่งวิญญาณอมตะทั้งสองดวง

การปรับแต่งวิญญาณอมตะของผู้อื่นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยความร่วมมือของตระกูลวู มันจึงแตกต่างออกไป

ในที่สุดฟางหยวนก็สามารถถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

เขารู้ว่าในคลังสมบัติของตระกูลวูมีวิญญาณอมตะที่ดีกว่าและเหมาะสมกับเขามากกว่า แต่เขายังเลือกวิญญาณอมตะสองดวงนี้

เขาทำเช่นนี้เพราะขามีเป้าหมาย

ด้วยวิญญาณอมตะสองดวงนี้ ฟางหยวนจะสามารถบ่มเพาะอยู่ในค่ายกลวิญญาณแห่งนี้

จากนี้ไปกระทั่งตระกูลวูจะต้องการย้ายฟางหยวนออกไป พวกเขาก็ต้องพิจารณาถึงประเด็นนี้!

ค่ายกลวิญญาณถูกสร้างขึ้นแล้ว วิญญาณอมตะทั้งหมดเชื่อมต่อถึงกัน การเปลี่ยนวิญญาณอมตะแม้แต่ดวงเดียวจะส่งผลกระทบต่อค่ายกลวิญญาณทั้งหมด เรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อขั้วอำนาจต่างๆอย่างรุนแรง

“นายท่าน ข้าเตรียมอาหารเย็นไว้ให้ท่านแล้ว” หลังจากฟางหยวนปรับแต่งวิญญาณอมตะ วูอันเร่งเข้ามาปรนนิบัติเขา

ฟางหยวนไม่ตอบแต่ก่นเสียงฮึดฮัด

วูอันรู้สึกราวกับได้ยินเสียงดนตรีจากสวรรค์ เขารีบนำทาง “นายท่าน เชิญทางนี้”

วูเหลียวก่นเสียงเย็นและแสดงออกด้วยสายตารังเกียจ

แต่ฟางหยวนกลับเปิดปากกล่าว “วูเหลียว ตามเรามา ข้ามีบางอย่างจะถามพวกเจ้าทั้งสอง”

“ทราบแล้ว” วูเหลียวตอบกลับ

งานเลี้ยงจัดได้ค่อนข้างดี มันเต็มไปด้วยอาหารและสุราเลิศรส

ฟางหยวนนั่งอยู่บนเก้าอี้หลักขณะที่วูอันและวูเหลียวนั่งทางซ้ายและขวาตามลำดับ

ฟางหยวนไม่สามารถฟังความข้างเดียวจากวูอัน มิฉะนั้นข้อมูลบางอย่างอาจไม่ตรงกันความเป็นจริง ดังนั้นระหว่างงานเลี้ยง เขาจึงถามคำถามมากมายกับคนทั้งสอง

วูอันและวูเหลียวตอบทุกคำถาม

หลังจากงานเลี้ยงจบลง ฟางหยวนได้รับความเข้าใจที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์ในค่ายกลวิญญาณแห่งนี้

ฟางหยวนวางแผนที่จะบ่มเพาะอยู่ที่นี่อย่างลับๆไปอีกนาน

เขาต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย

ฝ่ายธรรมะกับฝ่ายปีศาจแตกต่างกัน  ฝ่ายปีศาจสามารถทำทุกสิ่งได้อย่างอิสระขณะที่ฝ่ายธรรมะต้องทำตามกฎ แล้วกฎของฝ่ายธรรมะคือสิ่งใด? มันไม่ใช่สิ่งใดนอกจากประเพณีที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างยาวนาน แต่ทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์

ฟางหยวนเข้าใจตั้งแต่แรกว่าต้องจัดการเรื่องต่างๆโดยใช้วิธีของฝ่ายธรรมะ หากเขาใช้วิธีของฝ่ายปีศาจ ศัตรูของเขาจะหัวเราะอย่างมีความสุขขณะที่ตระกูลของเขาจะผลักเขาออกไป กระทั่งวูหยงก็ยังต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของตระกูลเป็นหลักและย้ายฟางหยวนไปอยู่ที่อื่น

ตระกูลวูเคยเป็นตระกูลอันดับหนึ่ง แต่ตระกูลปา ตระกูลไท่ และตระกูลเฉิงไม่เต็มใจที่จะอยู่ภายใต้ตระกูลวู สำหรับตระกูลเฉียว พวกเขาป็นพันธมิตรที่ซื่อสัตย์ของตระกูลวูมาตลอด

แต่หลังจากการเสียชีวิตของวูตู๋ซิ่ว สถานการณ์เปลี่ยนไปมาก ตระกูลปากำลังตื่นเต้นและพร้อมที่จะโจมตีตระกูลวูโดยเฉพาะเฒ่าพฤกษาปาเต๋ิอ

ฟางหยวนได้เรียนรู้ว่าตระกูลปาเป็นคู๋แข่งหลักของพวกเขา

สำหรับตระกูลเฉียว

ฟางหยวนรู้สึกปวดหัวอยู่บ้าง

เขามาที่นี่และทำผิดข้อตกลงกับตระกูลเฉียว สำหรับทัศนคติของตระกูลเฉียวจะเป็นอย่างไร พวกเขาจะให้การสนับสนุนฟางหยวนต่อหรือไม่ เขายังไม่แน่ใจ

หลังงานเลี้ยงจบลง วูอันต้องการกล่าวบางสิ่งกับฟางหยวน แต่เขายังลังเล

วูเหลียวจากไปอย่างเงียบๆ เขามีความประทับใจที่ดีขึ้นต่อฟางหยวน คำถามที่ฟางหยวนถามระหว่างงานเลี้ยงเป็นคำถามที่ตรงประเด็นทั้งหมด วูเหลียวมีปัญหาในการตอบบางคำถาม แต่นั่นก็ทำให้เขารู้สึกมั่นใจในความสามารถของฟางหยวน

ความแข็งแกร่งเป็นรากฐานของฝ่ายธรรมะ แต่มันยังไม่เพียงพอ พวกเขาจำเป็นต้องมีทักษะทางการเมืองอีกด้วย

อย่างไรก็ตามหลังจากงานเลี้ยงผ่านไปหลายวัน ฟางหยวนยังไม่ปรากฏตัวในที่สาธารณะและเก็บตัวฝึกตนอยู่ในห้องของเขาเท่านั้น

“วูอี้ไห่เป็นเพียงผู้บ่มเพาะสันโดษจริงๆงั้นหรือ?” การกระทำของฟางหยวนคล้ายกับผู้บ่มเพาะสันโดษอย่างมาก

วูเหลียวรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาต้องการเจ้านายที่สามารถควบคุมสถานการณ์ ไม่ใช่เจ้านายที่เก็บตัวฝึกตนโดยไม่สนใจโลกภายนอก

วูอันรู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน

หลายวันที่ผ่านมา เขาหว่านล้อมฟางหยวนด้วยเหตุผลมากมาย แต่ฟางหวนปฏิเสธทั้งหมดและยังบอกว่าห้ามผู้ใดรบกวนหากไม่มีเรื่องสำคัญ

วูอันไม่สามารถบอกได้ว่าฟางหยวนกำลังคิดสิ่งใดอยู่ ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เขาก็ยิ่งวิตกกังวลมากเท่านั้น

นอกจากวูอันยังมีผู้อมตะตระกูลอื่นที่รู้สึกกังวลเช่นกัน

เหตุผลง่ายมาก

มันเกี่ยวกับธุรกิจซื้อขายโอกาส!

ก่อนหน้านี้พวกเขาทำธุรกิจนี้ได้เพราะมีตระกูลวูเป็นผู้นำ

แต่เมื่อวูอี้ไห่ถูกย้ายมาแทนผู้อมตะระดับเจ็ดคนเดิมของตระกูลวู ธุรกิจซื้อขายโอกาสจึงต้องหยุดลงเพราะวูอี้ไห่เป็นเจ้าของวิญญาณอมตะที่สำคัญทั้งสองดวง

วูอันต้องการกอบกู้ธุรกิจซื้อขายโอกาสเพราะเขาได้รับประโยชน์มากมายจากเรื่องนี้ ในความเป็นจริงนี่เป็นแรงกระตุ้นที่ยิ่งใหญ่และทำให้เขากระตือรือร้นที่จะปรนนิบัติฟางหยวน

เดิมทีความสัมพันธ์ระหว่างฟางหยวนกับวูอันกำลังพัฒนาไปได้ด้วยดี แต่เมื่อฟางหยวนทำตัวผิดปกติ วูอันจึงรู้สึกแย่มาก

ธุรกิจซื้อขายโอกาสไม่สามารถกล่าวได้อย่างเปิดเผย หลังจากทั้งหมดนี่คือเรื่องทุจริต

วูอันรู้สึกไม่สบายใจมาก ดังนั้นเขาจึงกัดฟันและตัดสินใจเสี่ยง!