ตอนที่ 206

Crazy Leveling System

CLS ตอนที่ 206: ตอกหน้า

 

หลังจากอี้เทียนหยุนพบทางออก เขาก็ก้าวเท้าเดินออกมาตรงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากออกมาแล้ว ตรงหน้าของเขาก็พบกับสภาพแวดล้อมที่งดงามเป็นอย่างมาก รอบด้านประดับด้วยหินผา พร้อมกับต้นไม้ที่ขึ้นแซม ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวาอย่างมาก

 

นี่คือตำหนักเทียนเหวิน เป็นสถานที่สำหรับฝึกสลักอาคมโดยเฉพาะ นี่คือสิ่งที่สำนักใหญ่เป็น ด้วยศิษย์ที่มากมาย ทำให้ปรากฏศิษย์ที่มีความสามารถหลากหลาย จึงจำเป็นต้องแยกกันไปตามความถนัด

 

ถ้ามีคนเพียงคนเดียวที่สลักอาคม เป็นไปไม่ได้ที่จะถูกแยกออกมา ซึ่งจะเป็นการสูญเสียทรัพยากรมหาศาล

 

“ผู้มาโปรดแสดงป้ายยืนยันตัวตนด้วย”

 

ยามที่เฝ้าหน้าทางเข้าเมื่อเห็นอี้เทียนหยุน ตอนแรกก็อ้าปากค้าง เนื่องเพราะว่าเขาดูเด็กเกินไป ยังไงก็ตาม พวกเขาก็ไม่ได้ขับไล่เขาไป ทุกอย่างต้องทำตามกฎ ไม่ว่าจะคนคุ้นเคยหรือคนแปลกหน้า ล้วนแต่ต้องแสดงป้ายยืนยันตัวตนด้วยกันทั้งนั้น

 

“ป้ายยืนยันตัวตนอย่างงั้นเหรอ นี่คือป้ายของข้า” อี้เทียนหยุนหยิบป้ายที่เหอเชียนหานมอบให้ออกไป แล้วพูดว่า “นี่คือป้ายของข้า แต่ไม่รู้ว่าจะใช้ได้หรือเปล่า?”

 

“นี่ไม่ใช่ป้ายของศิษย์ นี่คือป้ายแนะนำ เป็นป้ายแนะนำของผู้จัดการเหอ….”

 

“หือ เดี๋ยวก่อนนะ เหมือนมีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง นี่ไม่ใช่ป้ายแนะนำหนิ…..”

 

ขณะที่ยามกำลังตรวจดูป้ายอย่างระวังนั้น ก็มีอีก 3 ร่างเดินออกมาจากป่าวงกต สีหน้าของพวกเขาล้วนเต็มไปด้วยความตกใจ

 

“เจ้า เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”

 

ในตอนนี้เอง เมื่อเฟิงยู่หลงกับพวกเดินออกมา เมื่อเห็นอี้เทียนหยุนยืนอยู่ตรงหน้า ทันใดนั้นก็แสดงสีหน้าตกใจออกมาทันที จากนั้นหยางซีเสวี่ยก็เดินตามออกมา เมื่อเธอเห็นอี้เทียนหยุน ทันใดนั้นก็แสดงอาการตกใจออกมาเช่นกัน

 

ความเร็วของเขาเร็วมาก เทียบกับพวกเขาแล้วยังเร็วกว่า พวกเขาเดินผ่านที่นี่บ่อยๆ และการเดินผ่านแต่ละครั้งก็จะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย จึงทำให้เวลาที่ได้ต่างกันไปในแต่ละครั้ง นี่เป็นหนึ่งในการฝึกฝนเช่นกัน

 

แต่ไม่คิดเลยว่าอี้เทียนหยุนที่เพิ่งเคยเดินผ่านครั้งแรกจะมาถึงเร็วกว่าพวกเขา นี่คงไม่ใช่อัจฉริยะหรอกนะ!

 

“ทางออกอยู่นี่ ถ้าไม่ให้ข้าอยู่ที่นี่ แล้วจะให้ข้าเดินวนอยู่ในนั้นอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนมองไปยังเลี่ยวเหวินแล้วพูดออกมา “แล้วอีกอย่าง หลังจากนี้เจ้าต้องเดินกลับหัว ข้าคาดหวังอย่างมากที่จะเห็นเจ้าเดินเช่นนั้น”

 

คำพูดประโยคนี้ เขาไม่รังเกียจที่จะเหยียบซ้ำลงไปยังหน้าของพวกเขา ในเมื่อพูดอย่างนั้นออกมา ก็เตรียมรับการตอกหน้ากลับได้เลย!

 

“นี่ นี่เป็นไปไม่ได้ เจ้า เจ้าจะต้องโกงแน่ๆ!” เลี่ยวเหวินไม่เชื่อคำพูดของอี้เทียนหยุน เขาไม่เคยเห็นคนที่เข้ามาครั้งแรกแล้วออกมาได้เร็วอย่างนี้

 

“งั้นเจ้าบอกข้าหน่อยว่าข้าโกงยังไง?” อี้เทียนหยุนจ้องไปที่เขา ราวกับสนใจอย่างมากว่าอีกฝั่งจะบอกว่าเขาโกงยังไง

 

อี้เทียนหยุนมองไปที่เลี่ยวเหวินคนนี้ด้วยความสนใจอย่างมาก อยากจะฟังว่าเขาจะพูดว่าตนเองโกงยังไง

 

“เจ้า เจ้าเคยมาที่นี่มาก่อน!” เลี่ยวเหวินคิดแล้วพูดออกมา

 

“เจ้าบอกว่าข้าเคยมาที่นี่มาก่อนอย่างงั้นเหรอ ทำไมข้าไม่รู้เลยล่ะ?” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ “งั้นทำไมเจ้าไม่บอกว่าข้าเป็นศิษย์ของตำหนักเทียนเหวินไปซะเลยล่ะ แต่จะยังไงก็ช่าง ในเมื่อข้าออกมาได้แล้ว เจ้าก็ต้องเดินกลับหัวอยู่ดี”

 

เลี่ยวเหวินกดอาการโกรธจนหน้าแดง พร้อมกับชี้ไปที่อี้เทียนหยุน แต่ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธยังไงดี ศิษย์ตำหนักเทียนเหวินมีใครบ้าง พวกเขาล้วนรู้จัก ใครที่เคยมาที่นี่ ยามล้วนต้องเคยเห็นอย่างแน่นอน คำพูดของเลี่ยวเหวินนี้ช่างไม่เป็นไปตามจิตสำนึกเลยสักนิด

 

อี้เทียนหยุนผ่านมาแล้ว ทั้งยังผ่านมาด้วยความเร็วที่เหนือกว่าพวกเขา ใช่แล้ว ตอนนี้เลี่ยวเหวินจึงต้องเดินกลับหัว

 

“เจ้าบอกว่าเขามาเป็นครั้งแรก ยิ่งกว่านั้นยังเร็วกว่าพวกเจ้าด้วย?” ยามที่ยืนฟังอยู่ใกล้ๆ ให้รู้สึกตกใจ นี่มันไม่เก่งเกินไปหน่อยเหรอ?

 

มาเป็นครั้งแรก ทั้งความเร็วยังมากกว่าพวกหยางซีเสวี่ยอีก พวกเขานับเป็นศิษย์ระดับแถวหน้า แต่เขาก็ยังเร็วกว่า นี่มันจะท้าทายสวรรค์เกินไปหรือเปล่า? ดูจากอายุที่ยังเยาว์ขนาดนี้ มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว

 

“ใช่ เร็วกว่าพวกเรา” หยางซีเสวี่ยมองไปที่อี้เทียนหยุนด้วยสีหน้าซับซ้อน พร้อมถามขึ้นว่า “คนที่ผู้จัดการเหอแนะนำมาครั้งนี้ ไม่น่าผิดหวังเหมือนครั้งก่อน ที่แม้แต่ป่าวงกตยังผ่านไม่ได้”

 

การผ่านป่าวงกตนี้ เป็นการทดสอบพลังวิญญาณรวมถึงวิสัยทัศน์ แม้จะไม่ยากมาก แต่ก็ไม่ง่ายจนเกินไป อย่างน้อยก็ไม่ใช่ประเภทที่เดินเล่นๆ แล้วจะออกมาได้ แต่จำเป็นต้องใช้ความคิด แต่ไม่คิดว่าอี้เทียนหยุนผ่านได้เร็วอย่างนี้ เหนือกว่าการคาดการณ์ของพวกเธอไปมาก

 

“แล้วข้าสอบผ่านหรือเปล่า?” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” หยางซีเสวี่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “ยิ่งกว่านั้น ยังเป็นผลลัพธ์ที่โดดเด่นอย่างมาก ขอต้อนรับสู่ตำหนักเทียนเหวิน!”

 

ตอนแรกที่เธอมา เธอต้องเสียเวลาไปหลายชั่วยามถึงจะออกมาได้ แต่อี้เทียนหยุนกลับผ่านมาได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังเร็วอย่างมาก ความต่างนี่ช่างใหญ่มากจริงๆ

 

“มีความสามารถแค่นิดหน่อย แต่กลับพูดจาใหญ่โต” เฟิงยู่หลงแค่นเสียงออกมา เดินแยกจากเลี่ยวเหวิน มายืนอยู่ข้างๆ อี้เทียนหยุน แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ในตำหนักเทียนเหวินแห่งนี้ ระดับอย่างเจ้าไม่นับว่าเป็นอย่างไรได้ เจ้าระวังไว้ให้ดีเถอะ….. อย่าไปชนสิ่งที่ไม่ควรชนเข้าเสียล่ะ แล้วข้าจะทำให้เจ้าเสียใจตลอดชีวิต!”

 

เขากล่าวเตือนอี้เทียนหยุนว่าอย่าให้เข้าใกล้หยางซีเสวี่ยเกินไป ไม่อย่างนั้น เขาจะลงมาจัดการอี้เทียนหยุนด้วยตนเอง

 

ยังไงก็ตาม อี้เทียนหยุนก็ไม่ได้สนใจอะไรเธออยู่แล้ว แต่คำพูดนี้ก็ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจเช่นกัน เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน?

 

“เดี๋ยวก่อน เจ้ายังไม่ได้เดินกลับหลังเลย ส่วนเจ้าก็ยังไม่ได้เดินกลับหัว คิดจะกลับคำพูดหรือไง” อี้เทียนหยุนไม่รังเกียจที่จะเปิดเผยคำพูดเมื่อก่อนหน้าของพวกเขา ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนกับการผายลม

 

“เจ้าอยากตายอย่างงั้นเหรอ?” เฟิงยู่หลงสีหน้าเย็นชา ก่อนหน้านี้เขาแค่อยากจะดูถูกอี้เทียนหยุน แต่ใครจะคิดว่าเขาจะเดินออกมาได้ในเวลา 1 ชั่วยามจริงๆ ยิ่งกว่านั้นยังออกมาได้เร็วกว่าพวกเขามาก

 

“เฟิ่งยู่หลง นี่เจ้ากำลังข่มขู่อย่างงั้นเหรอ? คำพูดนี้เจ้าเป็นคนพูดเองเมื่อก่อนหน้า!” เมื่อหยางซีเสวี่ยเห็นเฟิงยู่หลงข่มขู่อี้เทียนหยุน ก็พลันรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา

 

เธอไม่ได้มีความสัมพันธ์หรือสนิทอะไรกับอี้เทียนหยุน เธอแค่เห็นท่าทางข่มขู่ที่เฟิงยู่หลงแสดงออกมา แล้วไม่พอใจก็เท่านั้นเอง เธอไม่ชอบเฟิงยู่หลงเป็นทุนเดินอยู่แล้ว คนผู้นี้เป็นพวกก้าวร้าว ทั้งยังไม่รู้จักอดทนอดกลั้น ชอบใช้กำลัง ใครที่ตอแยเขา อย่าได้หวังว่าจะได้อยู่สบาย

 

“นี่เจ้าออกตัวแทนเจ้าขยะนี่อย่างงั้นเหรอ?” เฟิงยู่หลงส่ายหัว สายตาเป็นไปด้วยความโกรธ พร้อมกับพูดเยาะขึ้นว่า “วางใจเถอะ ข้าไม่ทำอะไรมันหรอก แต่ที่นี่คือตำหนักเทียนเหวิน ไม่ใช่บ้านนอก ไม่สามารถต่อสู้วุ่นวายได้ ข้ามีวิธีของข้า!”

 

คำพูดนี้ทำให้อี้เทียนหยุนขมวดคิ้ว สถานการณ์ในสำนักค่อนข้างย่ำแย่ เหมือนว่าศิษย์ต่างก็สังกัดตระกูลที่ต่างกัน ทำให้สถานการณ์ไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เมื่อเป็นอย่างนี้ ทั่วทั้งสำนักจึงได้ไม่ได้มีอนาคต!

 

“มีบางคำพูดที่ควรพูดกับไม่ควรพูด เจ้าไม่รู้หรือไง?” อี้เทียนหยุนมองไปที่เขาอย่างเย็นชา กล้าพูดข่มขู่เขาซึ่งหน้าอย่างงั้นเหรอ?