ตอนที่ 207

Crazy Leveling System

CLS ตอนที่ 207: แพร่ออกไป

 

“คำที่ไม่ควรพูดอย่างงั้นเหรอ?” เฟิงยู่หลงยิ้มเยาะ “มีคำไหนที่ข้าไม่ควรพูด? ข้าอยากจะพูดอะไรก็พูดอย่างนั้น เจ้าจะทำอะไรข้าได้ ถ้าเก่งจริงมาดวลกับข้าไหมล่ะ?”

 

“ไม่ ที่ข้าอยากจะพูดก็คือ ในเมื่อเจ้าร้องขอ ข้าก็จะเติมเต็มให้” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ “สำหรับข้า บางคำ ไม่ควรเอ่ยออกมา”

 

“เจ้านี่มันช่างอวดเก่งจริงๆ ถ้าเก่งจริงก็มาดวลกันตอนนี้เลย!” เฟิงยู่หลงโมโหขึ้นมาทันที เขาไม่คิดว่าศิษย์ใหม่ที่เพิ่งมาถึงจะกล้าต่อต้านเขาจริงๆ

 

“ไม่มีปัญหา มาเริ่มตอนนี้เลยก็ได้ เชิญเจ้าลงมือก่อนได้เลย” อี้เทียนหยุนกวักมือเป็นท่าทางเชื้อเชิญ

 

“ดี ดี ดี!” เฟิงยู่หลงแค่นเสียงออกมาสามคำติด จากนั้นก็ฟาดฝ่ามือออกไปอย่างรวดเร็ว ปะทุพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของตน ตบเข้าที่หัวของอี้เทียนหยุนโดยไม่มีการออมแรง

 

ถ้าถูกฝ่ามือนี้เข้า ต่อให้ไม่ตายก็กลายเป็นปัญญาอ่อน

 

“!”

 

แต่ที่เร็วกว่าเขาก็คือฝ่ามือของอี้เทียนหยุน ตบลงที่หน้าของเฟิงยู่หลงจนปลิวออกไป พร้อมกับกลิ้งอยู่สิบตลบก่อนที่จะหยุดได้ จากนั้นก็กระอักเลือดออกมา พร้อมกับฟันที่ร่วงแทบหมดปาก

 

นี่ทำให้ทุกคนที่ได้เห็นต้องตะลึง แม้ว่าฟางยู่หลงจะไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก แต่อย่างน้อยก็มีพลังในระดับปรับแต่งวิญญาณขั้นที่ 7 กลับถูกตบปลิวทั้งอย่างนี้จริงๆ? นี่หมายความว่า ระดับของเด็กหนุ่มคนนี้แข็งแกร่งกว่าเฟิงยู่หลงอย่างงั้นเหรอ?

 

เฟิงยู่หลงถูกฝ่ามือนี้เข้าจนฟันร่วง เลือดกบปาก ไม่รู้ออก ตก ใต้ เหนือ เฟิงยู่หลงผงกหัวขึ้นมาคราหนึ่ง จากนั้นก็หมดสติไป ฝ่ามือนี้จะว่าแรงก็ไม่แรง แต่อย่างน้อยก็จัดการกับเขาได้

 

นี่เป็นเพราะเขาออมมือไว้ ถ้าไม่อย่างนั้น เฟิงยู่หลงคงจะหัวระเบิดค่าฝ่ามือเขาไปแล้ว

 

“เจ้า เจ้ากล้าทำร้ายพี่เฟิงจริงๆ!!” เลี่ยวเหวินที่อยู่ใกล้ๆ รีบวิ่งไปช่วยเฟิงยู่หลง พร้อมกับชี้มายังอี้เทียนหยุนด้วยความโมโห “เจ้าจะต้องไม่ตายดีแน่!”

 

“แล้วข้าจะรอ” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ

 

หลังจากเฟิงยู่หลงถูกพาตัวไป หยางซีเสวี่ยก็พูดขึ้นมาด้วยความตกใจว่า “เจ้า เจ้าทำร้ายเขา…. เป็นอย่างนี้ตระกูลเฟิงจะต้องมาหาเรื่องเจ้าแน่ ในตำหนักเทียนเหวินแห่งนี้ พวกเขามีพรรคพวกอยู่หลายคน”

 

“ไม่เป็นไรหรอก มาแค่ไหนก็จัดการตามนั้น” อี้เทียนหยุนพูดอย่างเฉยชา

 

“นี่ นี่เป็นความผิดของข้า เพราะข้า เจ้าจึงต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง!” หยางซีเสวี่ยมีสีหน้าจริงจัง เรื่องนี้หนีไม่พ้นความรับผิดชอบของเธอ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ เฟิงยู่หลงคงไม่มาหาเรื่องอี้เทียนหยุน

 

ถ้าเพราะเธอทำให้อี้เทียนหยุนต้องเจอปัญหา เธอจะไม่ยกโทษให้ตัวเองอย่างแน่นอน

 

“ช่างเถอะ ข้าไม่ใส่ใจ” อี้เทียนหยุนส่ายหัว ไม่สนใจเสียงร้องของเฟิงยู่หลงนี้ คนแบบนี้เขาไม่แม้แต่จะเห็นอยู่ในสายตา

 

เหมือนว่าเรื่องเข้าใจผิดจะหาปัญหามาให้เขา แต่ด้วยท่าทางอวดดีแบบนี้ กลัวแต่ว่าไม่ว่าจะเจอใครก็ยังจะสร้างปัญหาขึ้นอยู่ดี

 

ไม่แปลกที่จะไม่มีศิษย์ใหม่เข้าร่วม ก็เพราะมีกลุ่มสัตว์พวกนี้อยู่ ไม่รู้ว่ามีศิษย์ใหม่กี่คนที่หนีไปเพราะความกลัว? ต่อให้ไม่หนีไปเพราะความกลัว กลัวว่าสุดท้ายก็ยังคงถูกหักขาทิ้งอยู่ดี

 

ต่อให้ไม่มีหยางซีเสวี่ยอยู่ เขาเชื่อว่าหลังจากนี้ เฟิงยู่หลงก็ยังจะมาหาเรื่องเขา ด้วยสันดารอย่างเขา เพียงมีเรื่องกันเล็กน้อย เขาก็จะถือว่าเป็นศัตรูที่ต้องกำจัดไป ตราบเท่าที่มีการแข่งขัน ยังไงก็ต้องเจอกับเขาเข้าสักวัน

 

จากนั้น หยางซีเสวี่ยก็พาเขาเข้าไปยังตำหนักเทียนเหวิน พร้อมกับส่งป้ายฐานะให้กับเขา บนนั้นสลักชื่อไว้ด้วยวิธีการพิเศษ พร้อมทั้งบอกว่าอยู่ในสังกัดไหน ทั่วทั้งวังเทียนจี๋แห่งนี้มีป้ายฐานะ แต่ป้ายฐานะของตำหนักเทียนเหวินไม่สามารถทำเลียนแบบได้

 

ถ้าหาย มันจะเกิดปัญหา จากศิษย์อย่างเป็นทางการก็จะกลายเป็นศิษย์สายนอกไป นี่เป็นดั่งตัวแทนสำนัก ถ้าหาย จำเป็นจะต้องได้รับโทษตามระดับ

 

เมื่อจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว หยางซีเสวี่ยก็ไปจัดการเรื่องของตน เธอไม่ใช่พี่เลี้ยงของอี้เทียนหยุน ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อ

 

ก่อนหน้านี้อี้เทียนหยุนใส่หน้ากาก ดังนั้นหยางซีเสวี่ยจึงจำเขาไม่ได้ จึงไม่ได้คุยกัน ถ้าอี้เทียนหยุนใส่หน้ากากเหมือนก่อนหน้า นั่นจะต้องสร้างความตกใจให้กับเธอครั้งใหญ่อย่างแน่นอน

 

อี้เทียนหยุนไม่คิดจะอยู่ที่นี่นาน เขามาที่นี่ไม่ใช่เพื่อกลายเป็นศิษย์ แต่มาเพื่อดูสถานการณ์ปัจจุบัน และเมื่อมาถึงได้ไม่นาน ก็ทำให้เขาต้องรู้สึกไม่ประทับใจแล้ว เหมือนกับหนูตายในหม้อน้ำแกง ถ้ามีศิษย์ที่นิสัยอย่างเฟิงยู่หลงอยู่มาก สำนักนี้คงจะจบสิ้นจริงๆ

 

การแข่งขันกันนั้นเป็นเรื่องดี แต่ไม่ใช่การแข่งขันที่ชั่วร้าย ถ้ามีครั้งหน้าอีก อาจจะมีคนตายก็เป็นได้

 

หลังจากออกมา อี้เทียนหยุนก็พบว่ามีสายตาหลายคู่จับจ้องมาที่ตน บางคนมีสายตาแปลกๆ บ้างก็มองมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

 

“ไง ลูกพี่ ได้ยินว่าเพิ่งมาก็ทำลายสถิติแล้ว ทั้งยังทำร้ายเฟิงยู่หลงซะสาหัสเลย ยอดเยี่ยมจริงๆ! ข้ารู้สึกขัดลูกตามันมานานแล้ว ตบได้สะใจจริงๆ!” ในตอนนี้เอง ก็ได้มีเด็กหนุ่มเดินมาจากด้านข้าง ถูมือเดินเข้ามา พร้อมกับรอยยิ้มที่เป็นมิตร

 

อี้เทียนหยุนไม่ประหลาดใจ เฟิงยู่หลงกับพวกต้องไม่ได้เป็นคนพูดอย่างแน่นอน แต่พวกยามไม่ยอมให้ปากอยู่ว่างแน่ๆ พวกเขากระจายเรื่องราวออกไป ทำให้ทั่วทั้งตำหนักเทียนเหวินรู้เรื่องนี้ ทำให้พวกเขาตกใจ บางคนก็สงสัยว่าเป็นเรื่องจริงไหม

 

พวกเขาสงสัยว่าอี้เทียนหยุนมาที่นี่ครั้งแรกจริงไหม แต่ไม่ได้สงสัยว่าเขาจะฝึกฝนมาจากข้างนอกก่อนแล้ว! ถึงยังไงป่าวงกตนี้ก็เป็นค่ายกลที่ไม่ได้มีความยากสูงนัก ทั้งยังมีการเลียนแบบด้านนอกอยู่เล็กน้อย

 

ยังไงก็ตาม บางคนก็เชื่อ บางคนก็ไม่เชื่อ แต่พวกเขาก็ไม่คิดจะเข้ามาคุยกับเขา ผู้ซึ่งตอแยเฟิงยู่หลง! การทำร้ายเฟิงยู่หลงจนสาหัสนี้ เรื่องนี้พวกเขาไม่เข้าไปยุ่งอย่างแน่นอน

 

เฟิงยู่หลงมีฐานะอยู่ในที่แห่งนี้อย่างมาก ทั้งระดับก็ยังไม่แย่ ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าเข้ามาคุยกับเขา หรือคิดจะเป็นเพื่อนกับเขา ยังไงก็ตาม ก็มีเด็กหนุ่มคนนี้ที่ไม่กลัว เดินเข้ามาคุยกับเขาตรงๆ ราวกับคนคุ้นเคย

 

“ข้าว่าสถิตินี้ต้องมีบางคนทำลายได้อยู่แล้ว ใช่ไหม?” อี้เทียนหยุนไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนที่เร็วที่สุด

 

“ก็จริง มีคนที่เร็วกว่าท่านอยู่….. แต่ถ้าดูตามอายุ อย่างน้อยท่านก็ติด 1 ใน 3 ท่าทางเด็กขนาดนี้ ท่านพอจะบอกข้าได้ไหมว่าปีนี้อายุเท่าไหร่?” เจ้าอ้วนคนนี้ถามขึ้น

 

คำตอบของเจ้าอ้วนไม่ได้ทำให้เขาประหลาดใจ อัจฉริยะมีอยู่มากมาย ต้องมีคนที่ออกมาเร็วกว่าเขาอยู่แล้ว ทั้งเหมือนจะมีคนที่อายุน้อยกว่าเขาด้วย นี่ไม่ใช่เรื่องพิเศษอะไร พวกนี้ถือเป็นอัจฉริยะแต่กำเนิด พรสวรรค์ทางด้านพลังวิญญาณน่ากลัวมาก

 

“ปีนี้ข้าอายุ 17 ไม่ก็ 18” อี้เทียนหยุนคิดว่าอายุของเขาน่าจะประมาณนี้

 

“จริงดิ อายุ 17 จริงๆ!” เด็กหนุ่มถูมือ พูดอย่างตื่นเต้น “เกือบลืมแนะนำตัวเองไปเลย ข้าชื่อหยางอวี่ อันดับ 83 ในตำหนักเทียนเหวิน ชื่อท่านข้ารู้แล้ว เรียกว่าอี้เทียนหยุนสินะ เป็นชื่อที่ดีจริงๆ”

 

อี้เทียนหยุนไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี หยางอวี่คนนี้ช่างทำตัวสนิทสนมกับคนอื่นเก่งจริงๆ แต่ที่เขาสนใจอย่างมากก็คือเรื่องอันดับ

 

“แล้วตอนนี้ข้าอยู่ในอันดับไหน?” อี้เทียนหยุนถาม

 

“เรื่องนี้เราคงต้องไปที่จัตุรัสถึงจะรู้ ตามข้ามา” หยางอวี่พาอี้เทียนหยุนไปยังจัตุรัส ที่นั่นเขาเห็นป้ายศิลา บนนั้นแขวนไว้ด้วยป้ายไม้ที่มีชื่อเขียนอยู่หลายอัน

 

อี้เทียนหยุนกวาดตาดู จากนั้นก็เห็นชื่อตนเองอยู่ในอันดับที่ 81 สูงกว่าหยางอวี่อยู่ 2 อันดับ ประชากรในตำหนักเทียนเหวินไม่ได้มาก ทั้งหมดมีแค่ 133 คนเท่านั้น ซึ่งเขาในตอนนี้อยู่ในอันดับที่ 81!

 

อันดับนี้สำคัญมาก มันสัมพันธ์ต่อการได้รับทรัพยากร การทดสอบวงกตคือการตรวจสอบอันดับ ยิ่งอันดับสูง ทรัพยากรที่ได้ก็ยิ่งมาก ดังนั้น จึงต้องพยายามเลื่อนอันดับให้สูงขึ้น

 

แน่นอนว่าสำหรับเขาแล้วไม่ได้มีความหมายอะไรมากนัก ต่อให้เป็นอันดับ 1 สำหรับเขาที่เป็นอาจารย์สลักอาคมชั้น 5 ใครกันที่จะมีระดับเท่าเขา? เขามาที่นี่เพียงเพื่อเล่นๆ เท่านั้น

 

เป้าหมายจริงๆ ของเขาคือการรวมวังเทียนจี๋เข้ากับนิกายเทียนเฉวียน นี่จึงจะเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของเขา