________________________________________

งานนิทรรศการน้ำหอมนานาชาติตั้งอยู่ที่ศาลาฉุนซิง ในเมืองเจียงเป่ย

และในตอนนี้หลินฟานก็กำลังยืนสูดกลิ่นหอมที่ลอยมาตามอากาศนอยู่ที่หน้าประตู จากนั้นเขาก็ค่อยๆเดินตามฝูงชนเข้าไปยังข้างใน

ผู้ที่มาเข้าร่วมนิทรรศการน้ำหอมนานาชาติ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงหรือไม่ก็ผู้ชายที่มาช้อปปิ้งกับผู้หญิงเท่านั้น

มันเป็นเรื่องหายากอย่างมาก ที่ผู้ชายจะมาที่นี่คนเดียวแบบหลินฟาน

แต่หลินฟานก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับเรื่องพวกนี้ เขาเดินดูและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกลิ่นของน้ำหอมอยู่ในใจของเขา

งานนิทรรศการน้ำหอมนานาชาติที่จัดขึ้นในครั้งนี้มีขนาดที่ใหญ่มาก และข้างในงานนิทรรศการก็ยังมีบูธที่มาเข้าร่วมอีกหลายร้อยแห่ง

ซึ่งงานนิทรรศการน้ำหอมในครั้งนี้ได้ดึงดูดแบรนด์ดังๆระดับนานาชาติมามากมาย เช่น ชาแนล, ดิออร์ , ลังโคม เป็นต้น

ผู้หญิงหลายคนต่างก็ทดลองใช้น้ำหอมอยู่ตามบูธต่างๆ พวกเธอพูดคุยกันอย่างตื่นเต้นและหัวเราะเป็นครั้งคราว

ทำให้พื้นที่จัดแสดงนิทรรศการทั้งหมดมีบรรยากาศที่ผ่อนคลายและมีชีวิตชีวาอย่างมาก

และทุกครั้งที่หลินฟานเดินผ่านหน้าบูธ เขาก็จะได้กลิ่นน้ำหอมของแบรนด์ต่างๆ ซึ่งในเวลาเดียวกันก็จะมีผู้ช่วยตามบูธออกมาแจกตัวอย่างน้ำหอมให้กับเขาอีกด้วย

เพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น หลินฟานก็มีตัวอย่างน้ำหอมมากกว่าหนึ่งโหลอยู่ในมือของเขาแล้ว

และในตอนนี้ หลินฟานก็ยังเดินต่อไปเรื่อยๆ

แต่เมื่อเขามาถึงหน้าบูธน้ำหอมที่ชื่อว่าฮัวจือดี เขาก็หยุดมองในทันที

พื้นที่ของบูธแห่งนี้นั้นใหญ่กว่าบูธทั่วไปอย่างมาก และการออกแบบรูปลักษณ์ของบูธก็มีความนุ่มนวลและดูทันสมัยกว่าบูธอื่น แถมยังมีพนักงานจำนวนมากในร้านที่ดูคึกคักอยู่เต็มไปหมด

เห็นได้ชัดว่าร้านฮัวจือดี ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการจัดนิทรรศการในครั้งนี้

แต่… หลินฟานไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เลย

ที่เขาหยุดมองเป็นเพราะว่ามีแค่บูธนี้เท่านั้น ที่ส่งกลิ่นหอมออกมาเป็นพิเศษ มันเป็นกลิ่นที่แตกต่างจากบูธอื่นในงานนิทรรศการน้ำหอมนานาชาติทั้งหมดตั้งแต่ที่เขาได้เข้ามา และจากนั้นกลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยก็ค่อยๆแทรกซึมออกมา

หลินฟานจึงค่อยๆเดินไปที่บูธด้วยความอยากรู้อยากเห็น

และทันทีที่หลินฟานเข้าไปในบูธ พนักงานหน้าหวานก็เข้ามาทักทายเขาด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ทางเราช่วยไหม”

หลินฟานสูดลมเข้าจมูกเบา ๆ และกำลังจะพูดออกไป

แต่จู่ๆก็ได้มีเสียงของความไม่พอใจดังขึ้นมาจากในบูธ

ผู้หญิงรูปร่างอวบที่แต่งหน้าจัด ก็ได้ตะโกนออกมา “นี่เธอขายน้ำหอมบ้าอะไรเนี่ย ทำไมตัวฉันถึงได้มีกลิ่นเหม็นถึงขนาดนี้”

ชายหน้ากลมที่อยู่ข้างๆก็ตะโกนตามมา “นี่มันน้ำหอมหรือน้ำเหม็นกันแน่ ยังจะมีหน้าเอามาขายอีกนะ!”

จากนั้นพนักงานฝึกงานที่ยืนอยู่ตรงข้ามก็รีบก้มศีรษะของเธอลงทันทีแล้วพูดด้วยความตื่นตระหนก “คุณนาย เรื่องนี้จะต้องมีความเข้าใจผิดบ้างอย่าง”

ทั้งที่เธอเพิ่งพูดอย่างนั้นออกมา

แต่แล้วเธอก็เริ่มไม่มั่นใจ

เพราะพนักงานเองก็เริ่มได้กลิ่นเหม็นฉุนที่ลอยมาจากตัวของลูกค้า

จากนั้นผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดก็พูดว่า “เข้าใจผิดอะไร? ถ้าอย่างนั้นเธอก็รีบมาดมดูสิ! ฉันไม่คิดเลยว่าจะมีบูธที่กล้าเอาน้ำเหม็นมาขายในงานนิทรรศการน้ำหอมนานาชาติ!”

ทันทีหลังจากที่เธอพูดจบ เธอตะโกนว่า “ดูสิ ทุกคน บูธนี้คือบูธชั้นต่ำ! น้ำหอมของพวกเขาเหม็นมาก อย่าไปซื้อน้ำหอมของพวกเขานะ!”

เมื่อทุกคนที่อยู่รอบๆได้ยินในสิ่งที่เธอพูด

คนที่กำลังจะลองน้ำหอมก็รีบถอยห่างออกมาทันที

และในไม่ช้า บูธขนาดใหญ่แห่งนี้ก็ว่างเปล่าไร้ผู้คน

จากนั้นเจ้าหน้าที่ผู้จัดงานที่สวมปลอกแขนสีแดงก็เข้ามาถามว่า “เกิดอะไรขึ้นที่นี่?”

ผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดเลยเดินไปหาแล้วพูดว่า “นี่คือบูธชั้นต่ำ พวกเขาขายน้ำหอมคุณภาพต่ำที่มีกลิ่นเหม็น! ฉันแค่ลองฉีดใส่ตัวเพื่ออยากรู้กลิ่นของน้ำหอม แต่ดูกลิ่นตัวของฉันตอนนี้สิ… ”

อันที่จริงพนักงานได้กลิ่นเหม็นตั้งแต่เข้ามาในบูธนี้แล้ว ได้กลิ่นก่อนที่ผู้หญิงแต่งหน้าจัดจะเดินเข้ามาไกล้เขาซะอีก

แต่ทันทีที่เธอเดินเข้ามาใกล้ กลิ่นเหม็นมันก็ทำให้เขารู้สึกคลื่นไส้มากกว่าเดิม

กลิ่นเหม็นนี้ทำให้พนักงานถึงกับต้องถอยห่างออกมาจากผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดถึงสองก้าว จากนั้นเขาก็หันไปถามพวกพนักงานว่า “เกิดอะไรขึ้น”

พนักงานยังคงมึนงงและไม่อยากจะเชื่อ ดังนั้นเธอจึงพูดไปว่า: “เรื่องนี้…มันต้องเป็นความเข้าใจผิดกันแน่ๆ”

“ห้ะ เข้าใจผิดอะไร!” ชายหน้ากลมตะโกน

ในตอนนี้ คนที่อยู่รอบๆบูธเริ่มได้กลิ่นเหม็นที่ลอยออกมา พวกเขาเอามือมาปิดจมูก และถอยห่างออกจากบูธแห่งนี้โดยเร็ว…

และบางคนก็ถึงกับถ่ายรูปบูธจากระยะไกล เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการจะบอกเพื่อน ๆ ว่าไม่ควรซื้อน้ำหอมจากบูธฮัวจือดี

เสมียนเป็นกังวลอย่างมากเมื่อเห็นสิ่งนี้

เนื่องจากตอนนี้เป็นยุคไอที ทุกคนจะรับรู้ข้อมูลข่าวสารได้ไวมาก หากมีคนวิจารณ์บูธเราว่าขายน้ำหอมที่มีกลิ่นเหม็นล่ะก็ มันต้องส่งผลกระทบต่อแบรนด์มากแน่นอน

และเหตุผลที่เข้าร่วมงานนิทรรศการน้ำหอมนานาชาติวันนี้ก็เพื่อเสริมภาพลักษณ์และความนิยมของน้ำหอม ไม่ได้เข้าร่วมมาเพื่อเสื่อมเสียชื่อเสียง!

ในตอนนี้หลินฟานที่เงียบมาโดยตลอดก็ได้กล่าวขึ้นมา “จริงๆแล้ว กลิ่นเหม็นที่ออกมาจากผู้หญิงคนนี้ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับน้ำหอมของฮัวจือดีเลย”

และในทันทีที่ผู้หญิงแต่งหน้าจัดได้ยินคำพูดเหล่านี้ เธอรู้สึกเหมือนว่าเธอกำลังโดนด่าอยู่

เขาหมายถึงอะไร?

สาเหตุได้ได้มาจากน้ำหอม?

หรือว่าเขาหมายถึงกลิ่นตัวของฉันอยู่งั้นหรอ?

ผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดตะโกนออกมา ” เขาต้องเป็นคนของบูธนี้แน่ๆ เขาถึงได้พูดจาเข้าข้าง! อย่าไปเชื่อเขานะ!”

หลินฟานไม่ได้โต้ตอบคำพูดของผู้หญิงที่แต่งหน้าจัด เขาพูดขึ้นอย่างใจเย็น “ผมคิดว่าก่อนที่เธอจะฉีดน้ำหอมกลิ่นดอกไม้ เธอได้ฉีดน้ำหอมเฟิ่งเซียง, เยว่เซียร่ง, เอสอี และน้ำหอมอื่นๆมาใช่ไหม”

หลังจากที่หยุดชั่วคราวหลินฟานก็พูดต่อ “น้ำหอมส่วนใหญ่ทำมาจากกลิ่นดอกไม้ต่างๆ เช่น กุหลาบ จัสมิน ดอกแดฟโฟดิล แมกโนเลีย พุด ฯลฯ ซึ่งจะผสมตามสูตรพิเศษของแต่ละร้านเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สดชื่นแตกต่างกัน”

“แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือ ยิ่งฉีดน้ำหอมมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีกลิ่นเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น”

“เหมือนในการทดลองทางเคมี หากมีของอยู่แค่สิ่งเดียวก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ถ้าใส่อะไรเพิ่มเข้าไป ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่พิเศษขึ้นมาในทันที”

ขณะที่พูดหลินฟานก็หยิบขวดน้ำหอมของฮัวจือดีขึ้นมาและทำการเปิดฝาขวด

“พวกคุณลองดมกลิ่นของมัน แล้วคุณจะรู้ว่ามันไม่ได้มีกลิ่นเหม็น ”

จากนั้นพนักงานก็วางมันไว้ข้างจมูกแล้วสูดดมเบาๆ

คนขี้สงสัยที่อยู่รอบๆก็ดมด้วยเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้กลิ่นเหม็นอะไรเลย

จากนั้นหลินฟานก็หยิบน้ำหอม เฟิ่งเซียง, เยว่เซียร่ง และ เอสอี ออกมาทีละขวดและก็ให้ผู้คนได้ลองดมกลิ่นดู

เป็นไปอย่างที่หลินฟานพูด น้ำหอมเหล่านี้ไม่มีกลิ่นเหม็นอะไรเลย

และวินาทีต่อมา หลินฟานก็ผสมเฟิ่งเซียง เยว่เซียร่งและเอสอีเข้าด้วยกัน

ทันใดนั้นกลิ่นเหม็นก็ได้กระจายไปทั่ว

“ไอ้บ้า กลิ่นเหม็นมาก!”

“กลิ่นเหม็นอะไรเนี่ย!”

“โอ้!”

ในตอนนี้มีแต่เสียงโห่ร้องอยู่ในบูธ

บางคนได้กลิ่นเหม็นนี้แล้วก็ถึงกับอาเจียนออกมา

และในที่สุดทุกคนก็เชื่อคำพูดของหลินฟาน ที่ว่ากลิ่นเหม็นในครั้งนี้เกิดจากการผสมกันของน้ำหอม ไม่ใช่จากการที่ร้านไปเอาของที่ไม่มีคุณภาพมาขาย

จากนั้นผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดและผู้ชายที่มีใบหน้ากลมก็เข้าใจทันที ว่าไม่สามารถทำอะไรได้แล้วนอกจากเดินออกไปจากร้าน

และในไม่ช้าบูธของฮัวจือดีก็กลับมาสงบอีกครั้ง

แต่หลินฟานยังรู้สึกเหม็นกับกลิ่นนี้อยู่ เขาจึงเอามือขึ้นมาปิดจมูกของเขาไว้

ซึ่งไม่นานหลังจากนั้น พนักงานก็ได้เปิดขวดน้ำหอมกลิ่นดอกไม้ต่างๆและฉีดไปทั่วทั้งบูธ

ใช้เวลาไม่นาน กลิ่นหอมที่สดชื่นของดอกไม้ต่างๆก็ได้กลบกลิ่นเหม็นไปจนหมด

และในตอนนี้ บริเวณรอบๆบูธก็ได้กลับมามีกลิ่นที่สดชื่นอีกครั้ง

ทุกคนที่เดินผ่านต่างก็ได้กลิ่นหอมจากบูธนี้ เหมือนกับว่าพวกเขาได้อยู่ในทุ่งดอกไม้ มันเป็นกลิ่นที่สดชื่นอย่างมาก

ด้วยกลิ่นนี้ จึงทำให้ทุกคนกลับมารวมตัวที่บูธฮัวจือดี

และในตอนนั้นเองก็มีเสียงดังขึ้นมาจากข้างหลังของหลินฟาน

“ขอบคุณนะ”