บทที่ 1124 พลังที่แท้จริง?

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

“มันหยุดแล้ว!” ซย่าน่าวิ่งตามมาด้วยความเร็วยืนข้างกายหลิงม่อ พร้อมกับเงาร่างเลือนรางอีกเส้นที่ไหวกระเพื่อมเบาๆ ราวกับเงาที่ทับซ้อนอยู่บนตัวเธอ และตอนนี้เอง ที่สายตาของซอมบี้ตัวนั้นละออกจากตัวหลิงม่อ หันไปมองเงาร่างที่เพิ่งวิ่งเข้ามาถึงแทน

“ดูแล้วเจ้านี่คงจะเจ็บใจที่อยู่ๆ ตัวเองก็เสียเปรียบ…” หลิงม่อพ่นลมหายใจเบาๆ แล้วพูดขึ้น ตอนนี้บนหน้าผากเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ แต่ดวงตากลับเป็นประกายเจิดจ้า “ไม่รู้ว่ามันเป็นตัวอะไรกันแน่…ไม่เหมือนซอมบี้ซะทีเดียว แต่ก็ไม่เหมือนซอมบี้กลายร่างสายพลังจิตด้วย ถึงแม้ซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นจะหลุดปากบอกข้อมูลออกมานิดหน่อย แต่เรื่องจริงเป็นยังไงฉันกลับไม่ค่อยมั่นใจ…”

“แต่อย่างน้อยมีเรื่องหนึ่งที่มั่นใจได้…” ร่างดวงจิตและร่างจริงของซย่าน่าพลันพูดขึ้นพร้อมกัน…น้ำเสียงของพวกเธอไม่เหมือนกัน สีหน้าท่าทางก็ต่างกัน แต่มีเพียงเสียงเท่านั้นที่เหมือนกันทุกประการ และทั้งสองเสียงก็ดังขึ้นพร้อมกันที่ข้างหูและในสมองของหลิงม่อ “ซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้น น่าจะใกล้เผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมาแล้วล่ะ…”

พูดไป ร่างดวงจิตน่าน่าพลันจางหายไป เมื่อปรากฏตัวอีกครั้งก็พบว่าเธอกำลังหันหลังและมองลงไปที่บันไดด้านหลัง ปากยังคงพูดต่อว่า “น่าแปลก…ฉันมั่นใจว่าตอนที่มันเข้ามาฉันสัมผัสได้ถึงมัน แต่หลังจากนั้น มันก็เหมือนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย อีกอย่างพวกเราก็วิ่งขึ้นข้างบนตลอดทาง แต่กลับไม่ได้ยินเสียงอะไรดังมาจากข้างล่างเลย”

“เอาล่ะ ไม่ว่ามันจะมาไม้ไหน อีกเดี๋ยวพวกเราก็คงได้รู้ความจริงกันแล้ว…” หลิงม่อมองรอบๆ อย่างระแวดระวัง พลางพูดขึ้น

ซอมบี้สาวสองตัวพยักหน้าเงียบๆ และไม่พูดอะไรอีก เพียงคอยสัมผัสรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดรอบตัว

ศัตรูเป็นซอมบี้ร่างแม่ที่มีพลังจิต ไม่ว่าเรื่องการอำพรางตัว หรือฤทธิ์เดชของมัน พวกเขาล้วนไม่มีข้อมูลมากพอ ยามเผชิญหน้ากับหลิงม่อ มันเหมือนยังหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่ในการต่อสู้หลังจากนี้ คงไม่อาจคาดหวังว่ามันจะเปิดโอกาสอะไรให้อีก…

หลังจากที่ซอมบี้ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาหยุดวิ่งหนี พวกเขาจึงหยุดเช่นกัน ทั้งสองฝ่ายคุมเชิงโดยมีบันไดสิบกว่าขั้นกั้นขวาง แต่กลับไม่มีใครผลีผลามพุ่งออกมาก่อน ชั่วขณะหนึ่ง ราวกับทุกอย่างหยุดชะงัก บรรยากาศโดยรอบกดดันจนชวนให้รู้สึกหนักอึ้ง

ดีที่ท่ามกลางคนเหล่านี้ มีเพียงหลิงม่อที่เป็นมนุษย์จริงๆ และภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ นอกจากความกดดันแล้ว กลับยังมีความตื่นเต้นแฝงอยู่ด้วย…

“ถ้าหากฉันเดาไม่ผิด แน่นอนว่าการปรากฏตัวของฉันเป็นโอกาสสำหรับซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้น แต่ขณะเดียวกันมันก็เป็นโอกาสที่สำคัญสำหรับฉันไม่แพ้กัน…สิ่งที่มันพูดถึงเมื่อกี้ จะต้องเป็นเจ้ามาสเตอร์บอลแน่นอน…แล้วก็เป็นอย่างที่มันบอก ตอนนี้เจ้ามาสเตอร์บอลเป็นหนึ่งเดียวกับฉัน มันไม่ได้ต้องการเพียงฉัน แต่ยังต้องการเจ้ามาสเตอร์บอลด้วย และสำหรับเจ้ามาสเตอร์บอลแล้ว นี่ก็เป็นโอกาสที่จะทำให้มันตื่นขึ้นมาอีกครั้งเหมือนกัน โอกาสที่จะทำให้มันใช้งานได้จริงๆ ซักที…”

ขณะที่หลิงม่อกำลังครุ่นคิด ทันใดนั้น สถานการณ์พลันเกิดความเปลี่ยนแปลง อยู่ๆ ร่างกายของซอมบี้ตัวนั้นก็กระตุกสั่น จากนั้นมันก็สะบัดหัวไปมา และตาเหลือกขาว หลังจากที่กระตุกสั่นอย่างรุนแรงประมาณหนึ่งวินาที ทันใดนั้น ร่างกายมันกลับแข็งทื่อและแน่นิ่งไป…ขณะเดียวกัน กลิ่นอายของมันก็เปลี่ยนไป…

เมื่อกี้มันยังเป็นเหมือนศพเดินได้ เป็นเพียงอสุรกายที่เคลื่อนไหวได้โดยอาศัยสัญชาตญาณและทำตามคำสั่งเท่านั้น แต่ตอนนี้ สายตาของมันกลับแปลกไปจากเดิม…หลิงม่อชะงักงัน ไม่นานก็พึมพำประโยคหนึ่งออกมาโดยอัตโนมัติ “มันมีสติปัญญาแล้ว…”

ถูกต้องแล้ว ตอนนี้สายตาของซอมบี้ตัวนั้นที่มองมาทางเขา แฝงไว้ด้วยอารมณ์บางอย่าง…

ทว่าซอมบี้ตัวนั้นไม่ได้พูดอะไร เอาแต่บิดร่างกายไปมาแปลกๆ เหมือนคนที่มีอาการข้อต่ออักเสบก็ไม่ปาน แต่ในสายตาของหลิงม่อ ภาพนี้ดูประหลาดกว่านั้นมาก…อีกทั้ง เขากลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด…

“เหมือนตอนนั้น…ตอนที่เราเพิ่งเริ่มควบคุมหุ่นซอมบี้ แล้วพลังจิตกับร่างกายไม่สมดุลกัน…เจ้าหมอนี่ไม่ได้เกิดสติปัญญาขึ้นมาอย่างกะทันหัน แต่มีบางอย่างเพิ่งแทรกซึมเข้าไปในสมองของมัน…ที่แท้นี่ไม่ได้เป็นเพียงเหยื่อล่อ แต่เป็นแผนซ้อนแผนที่ซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นเตรียมไว้เล่นงานพวกเรา…”

ไม่ต้องเดาก็รู้ ถ้าหากเสี่ยวเฮยถูกซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นโจมตีและเหนี่ยวรั้งไว้สำเร็จจริงๆ พอร่างจริงของหลิงม่อได้รับผลกระทบ ซอมบี้ตัวนี้ที่เดิมถูกพวกเขาขวางไว้ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างนี้ขึ้น และนำพาอันตรายมาให้พวกหลิงม่อยิ่งกว่าตอนนี้…

แต่ตอนนี้ ซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นเลือกที่จะใช้แผนนี้ล่วงหน้า…นั่นแสดงว่า หลังจากที่หลิงม่อบีบบังคับให้มันเผชิญหน้ากับเขาซึ่งๆ หน้าสำเร็จ ซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นก็เพิ่มความระแวดระวังที่มีต่อพวกเขาขึ้นอีกระดับแล้ว…

“ก็ดี…ยังมีแผนอะไรอีก เอาออกมาใช้ให้หมด! ดูก็รู้ ตอนนี้แกคงคิดจะตัดสินแพ้ชนะกับฉันในครั้งเดียวแล้ว…” หลิงม่อกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัวขณะคิดในใจ

ระหว่างที่ซอมบี้ตัวนั้นเกิดความเปลี่ยนแปลง กลิ่นอายน่ากลัวเริ่มแผ่ซ่านออกมารอบกายอย่างต่อเนื่อง สายตาที่มองมาทางหลิงม่อก็เย็นชาขึ้นเรื่อยๆ…กระทั่งสุดท้าย ดวงตาสองข้างของมันเต็มไปด้วยกลิ่นอายบ้าคลั่ง เหมือนอดใจรอที่จะฉีกร่างหลิงม่อให้ขาดเป็นชิ้นๆ ไม่ไหวแล้ว…

“ฮื่อออ…” ซอมบี้ตัวนั้นพลันคำรามเสียงต่ำ ไม่นานมันก็พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว!

“มาแล้ว” ขณะเดียวกันนั้น เย่เลี่ยนหันไปมองข้างหลัง และตะโกนขึ้น

ซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นมาแล้ว!

“ฝันไปเถอะ!” เห็นซอมบี้พุ่งตรงมาทางหลิงม่อ ซย่าน่ากลับแค่นหัวเราะเย็นชา และพุ่งออกไปปะทะทันที

พลังงานทางจิตของซอมบี้โอบล้อมกรงเล็บเหวี่ยงออกมาพร้อมกัน แต่กลับถูกซย่าน่าตั้งรับดัง “เคร้ง” หากมองดูดีๆ จะพบว่า บนเคียวดาบของเธอยังมีเคียวดาบสีแดงโลหิตที่สะท้อนทาบทับอยู่อีกด้าม…แต่เมื่อซอมบี้ตัวนั้นคำรามเสียงต่ำ กรงเล็บของมันก็ถูกกดต่ำลงมาอีก ส่งผลให้เฮยน่าและน่าน่าต้องขมวดคิ้วมุ่น

“ฉันไม่สนว่าแกจะเป็นใคร…แต่บังอาจมาหมายตาเหยื่อของพวกเรา ฉันไม่มีทางไว้ชีวิตแกแน่!” เมื่อเสียงเย็นชาหนึ่งดังขึ้น ดวงตาของร่างจริงและร่างดวงจิตของซย่าน่าพลันเปลี่ยนสีไปพร้อมกัน…ขณะเดียวกัน เงาร่างทั้งสองเส้นของพวกเธอกลับมาทับซ้อนกันอีกครั้ง…

“เด็กโง่ ไปช่วยซย่าน่าเร็ว” หลิงม่อจ้องมองลงไปยังบันไดอันวังเวงที่อยู่เบื้องล่าง พลางพูดอย่างใจเย็น แต่ความจริงแล้ว ตอนนี้เขาไม่อาจขยับตัวแล้ว แม้แต่จะแบ่งพลังจิตออกไปสำรวจสถานการณ์ฝั่งซย่าน่าก็ยังทำไม่ได้…แรงกดดันมหาศาลที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน กำลังกดทับร่างกายเขาจนยากขยับ

มีอะไรบางอย่าง กำลังเข้าใกล้พวกเขาจากด้านล่าง…

และกลิ่นอายนี้ ก็ต่างจากกลิ่นอายที่เขาสัมผัสได้ยามที่เผชิญหน้ากับซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นอย่างสิ้นเชิง…

นี่คือพลังที่แท้จริงของอีกฝ่ายงั้นหรือ?

…มิน่าล่ะมันถึงได้โมโห…ทั้งที่มีพลังอย่างนี้อยู่ แต่กลับถูกศัตรูปั่นหัว…

“นี่คือสัญญาณที่หล่อนต้องการส่งให้ฉันหรอ? หล่อนกำลังบอกฉันว่าฉันไม่มีทางชนะ…”

หลิงม่อเพิ่งจะคิดถึงตรงนี้ ก็พลันสั่นสะท้านไปทั้งตัว

“ไม่สิ…ทำไมฉันต้องคิดอย่างนี้ด้วย!”

เขามองเข้าไปในความมืดเบื้องล่างอีกครั้ง และทันใดก็ได้สติ “สะกดจิตงั้นหรอ? หรือว่า…”

เวลานี้ เย่เลี่ยนพุ่งเข้าไปโจมตีซอมบี้ตัวนั้นแล้ว

เมื่ออยู่ต่อหน้าซอมบี้ร่างแม่ที่ถึงแม้มีร่างกายเป็นมนุษย์ แต่กลับมีพลังจิตอันแข็งแกร่งตัวนั้น สิ่งที่เธอทำได้ มีเพียงรีบไปรวมตัวกับซย่าน่า และกำจัดซอมบี้ตัวนี้ให้เร็วที่สุด

แต่เห็นชัดว่าบทบาทของซอมบี้ตัวนี้คือแยกพวกเขาออกจากกัน หลังจากมีสติปัญญา พลังต่อสู้ของพลันระเบิดขึ้นมาอีกขั้น แม้หลังจากที่เย่เลี่ยนเข้าไปสมทบ ร่างกายของมันจะมีบาดแผลเพิ่มขึ้นหลายรอยในพริบตา แต่เลือดที่ไหลริน กลับกลายเป็นการกระตุ้นพลังจิตของมันให้เพิ่มขึ้น อาศัยการต่อสู้ที่ทุ่มพลังแทบจะทั้งหมดในคราวเดียวแบบนี้ ชั่วขณะหนึ่งมันกลับสามารถประมือกับซอมบี้ระดับสูงสองตัวได้สูสีอย่างไม่น่าเชื่อ

“ต่อกแต่ก…ต่อกแต่กๆ…”

เวลานี้ ราวกับทุกสรรพเสียงรอบกายพลันห่างออกไป หลิงม่อยืนอยู่ที่เดิม ได้ยินเพียงเสีย

ฝีเท้าที่ดังมาจากข้างล่าง…เสียงฝีเท้านั้นแช่มช้า และมั่นคงทุกย่างก้าว แต่ยามที่หลิงม่อจ้องไปยังมุมเลี้ยวบันไดซึ่งไร้เงาคน เขากลับรู้สึกราวกับว่ามีอสุรกายดุร้ายกำลังเยื้องย่างขึ้นมา และตัวเขาเอง กลับเหมือนเหยื่อตัวเล็กๆ ที่ไร้ทางสู้…

“กึก!”

ในที่สุด เงาร่างนั้นก็ปรากฏตัวอยู่บนบันไดด้านล่าง เสี้ยววินาทีที่มันปรากฏตัว หลิงม่อสัมผัสได้ถึงอันตรายถึงขีดสุด ขณะเดียวกัน ซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ใบหน้าซีดขาวเล็กน้อยเผยรอยยิ้มประหลาด มันฉีกยิ้ม พลางพูดออกมาอย่างชัดเจนทุกถ้อยคำ “มนุษย์ คราวนี้ แกหนีไปไหนไม่ได้แล้ว…”

“ตึกตัก!”

หัวใจของหลิงม่อกระหน่ำเต้นอย่างบ้าคลั่ง หนังศีระษตึงชาอย่างไม่อาจควบคุมได้ หนวดสัมผัสพุ่งพรวดออกไปในพริบตา ทว่าหนวดสัมผัสที่เขาเหวี่ยงออกในครั้งนี้ กลับมีมากถึงร้อยกว่าเส้น!

ไม่มีการหยั่งเชิง ไม่มีคำพูดใดๆ ทั้งสิ้น ท่ามกลางความตื่นตระหนกสุดขีด การตอบสนองแรกของหลิงม่อ ก็คือต้องสู้! มีเพียงต้องสู้ ถึงจะสามารถดึงเขาออกมาจากห้วงอารมณ์ที่ราวกับหัวใจใกล้ระเบิดเต็มที!

“อ๊ากกกก! ไปตายซะเถอะ!”

ดวงตาของหลิงม่อแดงก่ำเล็กน้อยขณะที่โจมตีอย่างต่อเนื่อง ร่างกายของอีกฝ่ายเป็นมนุษย์เหมือนกัน ขอเพียงทำลายร่างกายนั้นทิ้งก็พอแล้ว! เพราะนั่นคือจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของมัน!

ทว่าท่ามกลางการโจมตีอันบ้าคลั่งที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันนี้ ซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นกลับยืนนิ่งไม่ไหวติง กระทั่งแม้แต่สีหน้าก็ไม่เปลี่ยนแปลง มันเอาแต่จ้องหลิงม่อพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก ไม่แม้แต่จะหลบเลี่ยงการโจมตี แต่หลิงม่อกลับรู้ดีว่าขณะเดียวกับที่หนวดสัมผัสของเขาเหวี่ยงออกไปอย่างบ้าคลั่ง รอบกายของซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นได้ปรากฏพลังงานทางจิตขึ้นหนึ่งชั้น หนวดสัมผัสปะทะเข้ากับพลังงานชั้นนั้น และจางหายไปทันที ทว่าพลังงานทางจิตของอีกฝ่ายกลับยังคงพลุ่งพล่านเต็มเปี่ยม ไม่อาจพุ่งทะลุเข้าไปได้เลยแม้แต่น้อย…

“มนุษย์ ไม่มีประโยชน์…” ซอมบี้ร่างแม่จ้องหน้าหลิงม่อ จากนั้นก็เริ่มก้าวขึ้นมาจากเบื้องล่างช้าๆ…และเวลานี้ สนามต่อสู้ของพวกเย่เลี่ยนได้ย้ายขึ้นไปชั้นบนสุด จนใกล้ถึงประตูดาดฟ้าแล้ว…

“ฉันจะดูดกลืนความทรงจำ…พลังงานทั้งหมดของแก…”

ขณะที่ซอมบี้ร่างแม่พูด ดวงตาของมันแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งระยะห่างระหว่างมันกับหลิงม่อลดลง พลังงานทางจิตที่ล้อมรอบกายมันก็รุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง…