ระหว่างที่ความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นเกิดกับซอมบี้ร่างแม่ สีหน้าของหลิงม่อย่ำแย่ลงเรื่อยๆ เขาคำรามเสียงต่ำและเหวี่ยงหนวดสัมผัสออกไปอีกครั้ง แต่กลับยังคงไม่อาจหยุดยั้งฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาอย่างต่อเนื่องของซอมบี้ร่างแม่ได้
“ทำตามที่ฉันบอก ยอมแพ้เสียเถอะ มนุษย์…” เมื่อดวงตาของซอมบี้ร่างแม่กลายเป็นสีแดงก่ำทั้งดวง อยู่ๆ เธอก็หัวเราะเสียงแหลมเสียดแทงแก้วหูขึ้นมา ขณะเดียวกัน ใบหน้าหลิงม่อแปรเปลี่ยนเป็นตกตะลึงเมื่อมองเห็นพลังงานทางจิตรอบกายเธอพลันปะทุขึ้นมาราวกับคลื่นที่ป่วนพล่าน และเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ หนวดสัมผัสของหลิงม่อแทบไม่สะเทือนผิวหนังเธอแลยแม้แต่น้อย
“นี่มันบ้าอะไรเนี่ย…” หลิงม่อเบิกตากว้างมองภาพนั้น เสียงหัวเราะของซอมบี้ร่างแม่ดังก้องอยู่ข้างหู เขาก้าวถอยขึ้นตามขั้นบันไดโดยสัญชาตญาณ
“ฮ่าๆๆๆ…เป็นอะไรไป? กลัวงั้นหรอ?” ในที่สุด เสียงหัวเราะของซอมบี้ร่างแม่ก็เงียบลง เธอจ้องหลิงม่อไม่วางตา โดยที่เบื้องหลังมีคลื่นพลังงานทางจิตที่อาจพุ่งเข้าใส่เขาได้ทุกเมื่อ “น่าเสียดาย…สายไปซะแล้วล่ะ”
ขณะเดียวกับที่เธอพูดประโยคนี้ออกมา หลิงม่อพลันสะท้านวาบในใจ รีบหันกายวิ่งขึ้นไปข้างบน ขณะเดียวกันก็ตะโกนไปทางเย่เลี่ยนกับซย่า “รีบหนีเร็ว!”
โครม!
ท่ามกลางเสียงกระทบกระทั่ง หนวดสัมผัสของหลิงม่อถูกคลื่นพลังกลุ่มนั้นซัดสาดจนกลายเป็นจุดแสงเล็กๆ และคลื่นพลังกลุ่มนั้นก็ตามหลิงม่อมาติดๆ
เย่เลี่ยนกับซย่าน่าได้ยินเสียงตะโกน จึงหันกลับมามองโดยอัตโนมัติ แต่ซอมบี้ตัวนั้นยื้อยุดฉุดแย่งกับพวกเธอสุดชีวิต จึงทำให้พวกเธอไม่อาจปลีกตัวออกมาได้
“บ้าเอ๊ย!”
ซย่าน่าผงะถอยหลัง ตามมาด้วยเย่เลี่ยนที่พุ่งเข้าใส่ และต้านรับกรงเล็บที่ซอมบี้ตัวนั้นเหวี่ยงเข้ามา และในขณะที่มันคิดจะใช้พลังจิต เงาร่างของเย่เลี่ยนกลับหายวับไปจากที่เดิม แทนที่ด้วยซย่าน่าที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว…
การสลับโจมตีอย่างรวดเร็วของทั้งสอง ส่งผลให้การเคลื่อนไหวของเจ้าซอมบี้ตัวนี้เกิดช่องโหว่ในที่สุด เมื่อเสียง “โครม” ดังขึ้น ประตูสู่ดาดฟ้าก็ถูกกระแทกลอยออกไป พร้อมกับซย่าน่าและซอมบี้ตัวนั้นที่พุ่งออกไปด้วยเช่นกัน แต่ในวินาทีที่ถูกกระแทกตัวปลิว เจ้าซอมบี้ตัวนั้นกลับยื่นมืออกมา และคว้าไปทางเย่เลี่ยน
เย่เลี่ยนที่หมุนกายหมายจะวิ่งไปช่วยหลิงม่อ กลับไม่คาดคิดว่ามันจะทำอย่างนี้ กว่าเธอจะได้สติและคิดหลบหลีก กลับสายไปหนึ่งก้าวเสียแล้ว นิ้วมือของเจ้าซอมบี้เกี่ยวเสื้อของเธอ และพาตัวเธอกระเด็นลอยออกไปพร้อมกันทั้งสามคน…
“แกหนีไม่พ้นหรอก!”
เวลานี้ หลิงม่อได้วิ่งพุ่งขึ้นมาจนอยู่ห่างจากประตูดาดฟ้าไม่ไกลแล้ว พอเห็นเย่เลี่ยนที่เหมายจะพุ่งมาช่วยเขากลับถูกขัดขวาง หลิงม่อพลันอึ้งงัน และในเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งวินาทีที่เขาชะงักไปนี้ กลับทำให้เขาเกือบถูกคลื่นพลังจิตกลุ่มนั้นกลืนกิน
พลังงานทางจิตเหล่านั้นซึ่งมีแรงกดดันมหาศาล ปะทะเข้ากับร่างหลิงม่ออย่างแรง…
โครม!
หลังเสียงอึกทึกดังขึ้น หลิงม่อที่ตั้งตัวไม่ทันถูกกระแทกจนตัวปลิวราวกระดาษแผ่นหนึ่ง และล้มลงหน้าประตูดาดฟ้า
พอเห็นหลิงม่อถูกโจมตี ซอมบี้ร่างแม่กลับยังคงรอยยิ้มแข็งทื่อน่าขนลุกนั้นไว้บนใบหน้า และก้าวเดินขึ้นมาจากข้างล่างทีละขั้นๆ
ต่อก แต่ก…ต่อก แต่ก…
“แค่ก…” หลิงม่อกระอักไอ พลางพยายามหยัดร่างกายท่อนบนขึ้น แต่ดูจากสีหน้าซีดขาวและร่างกายที่สั่นเทาไม่หยุดของเขา เห็นชัดว่าการโจมตีเมื่อครู่สร้างบาดแผลให้เขาไม่น้อย
เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หลิงม่อยกมือคว้าขอบประตูที่อยู่เบื้องหน้า จากนั้นก็ออกแรงหันกายกลับมาเอนหลังพิงขอบประตู ดวงตาจดจ้องซอมบี้ร่างแม่เขม็ง พร้อมกับหอบหายใจกระชั้นชิด
“ทำไมล่ะ ไม่กรีดร้องหรืออ้อนวอนหน่อยหรอ?” ซอมบี้ร่างแม่จ้องหลิงม่ออย่างสนใจ พลางเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พร้อมกับถามว่า “ถึงจะอ้อนวอนไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่ความหมกมุ่นที่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป คือสัญชาตญาณของมนุษย์อย่างพวกแกไม่ใช่หรอ?”
“พูดออกมาได้…เธอมองข้ามพวกที่ฆ่าตัวตายไปแล้วหรอ?” หลิงม่อกระอักอีกสองสามที แล้วจึงค่อยพูดขึ้น
“ฆ่าตัวตาย? ฉันเข้าใจที่แกพูดแล้ว…ทั้งที่ความตายมาเยือนตรงหน้าแล้ว แต่ก็ยังปากแข็งไม่ยอมพูดออกมาตรงๆ อีกงั้นหรอ? แต่ว่า ฉันไม่รังเกียจหรอกนะถ้าจะได้คุยกับแกสังสองสามคำก่อนตาย…จะว่าไงดีล่ะ เทียบกับคนที่ฆ่าตัวตาย ฉันชอบคนที่ถึงแม้จะรู้ดีว่าต้องตายในตอนจบ แต่ก็ยังดิ้นรนอย่างสุดชีวิตมากกว่า จิตของคนแบบนี้แข็งแกร่งกว่า พลังงานทางจิตที่สั่งสมมาก็ย่อมมากกว่า สำหรับฉัน มนุษย์ที่อ่อนแอ แม้จะเอามาทำเป็นอาหารเที่ยงก็ยังรู้สึกว่าไร้รสชาติสิ้นดี” ซอมบี้ร่างแม่พูด พลางยื่นมือข้างหนึ่งออกมา พลังงานทางจิตขนาดใหญ่กลุ่มหนึ่งพลางก่อตัวอยู่กลางฝ่ามือเธอ
“หึๆ…พูดไร้สาระอะไรอยู่ได้…” หลิงม่อพยายามยึดขอบประตูเพื่อลุกขึ้นยืน พลางหัวเราะเย็นชา บอกว่า “ถึงจะถูกแกมองว่าเป็นอาหารรสเลิศ สำหรับฉันมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่ายินดีอะไร…”
“ตอนนี้ไม่มีใครมาช่วยแกได้แล้ว ไม่ว่าแกจะพูดอะไร มันก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงจุดจบของแกได้…” ซอมบี้ร่างแม่มองลูกบอลพลังงานบนฝ่ามือตัวเองแวบหนึ่ง จากนั้นก็พลันพุ่งเข้ามาทางหลิงม่อ ดูจากท่าทางของเธอ เห็นชัดว่าเตรียมจะซัด “ลูกบอล” ลูกนั้นใส่สมองของหลิงม่อโดยตรง…และทันทีที่ถูกบอลพลังงานลูกนั้นพุ่งชนซึ่งๆ หน้า สิ่งที่รอหลิงม่ออยู่ ย่อมเป็นจุดจบที่ไม่อาจขัดขืนได้อีกต่อไป…
“วางใจเถอะ ไม่เจ็บมากหรอก…” เธอพุ่งเข้ามาจนอยู่ห่างจากหลิงม่อเพียงหนึ่งเมตร แต่กลับเห็นหลิงม่อแม้จะยืนตัวตรงยังทำไม่ได้ ซอมบี้ร่างแม่จึงเงื้อลูกบอลพลังจิตขึ้น และแสยะยิ้มเย็นชาให้หลิงม่อ “ถ้าอย่างนั้น ก็ลาก่อนล่ะนะ…”
พลั่ก!
ในเสี้ยววินาทีที่บอลพลังจิตใกล้กระแทกเข้าที่หัวของหลิงม่อ เสียงหนึ่งกลับดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ…ไม่นาน สีหน้าของซอมบี้ร่างแม่กลับค้างเติ่ง…กระทั่งเสี้ยววินาทีต่อมา เธอพลันอ้าปากกรีดร้องเสียงแหลมทันใด
“กรี๊ดดดดด!”
บอลพลังจิตในมือเธอหายวับไปในพริบตา ใบหน้าพลันบิดเบี้ยว ร่างกายเธอกระตุกสั่น พลังงานขุมหนึ่งพลันปะทุออกมาจากดวงแสงแห่งจิตของเธอ วินาทีต่อมา เงาดำเงาหนึ่งก็ถูกเธอโจมตีและปลิวออกไปจากข้างหลัง
สีของเงาดำนั้นพลันแปรเปลี่ยนเป็นโปร่งใสอย่างรวดเร็วขณะลอยอยู่กลางอากาศ จากนั้นก็ระเบิดและจางหายไปอย่างรวดเร็ว หลิงม่อหน้าซีดเผือดไปอีกครั้ง ทว่าปากกลับเปล่งเสียงหัวเราะเย็นชาออกมา “หึๆๆๆ…”
“แกทำอะไรกับฉัน!” ซอมบี้ร่างแม่ยืนทรงตัว ก้มหน้ามองหน้าท้องตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ เลือดสดๆ กำลังซึมอยู่บนเสื้อของเธอ และมันก็กำลังขยายออกเป็นวงกว้างเรื่อยๆ เธอตวัดสายตาดุดันมองหลิงม่อ บอกว่า “แกลอบโจมตีร่างกายของฉัน…แต่ฉันกลับไม่รับรู้ถึงมัน…”
“ก็เธอมัวแต่คิดว่าจะกินฉันด้วยวิธีไหน นอกนั้นก็จดจ่ออยู่กับแค่การสะกดจิตและมัวแต่ตื่นเต้น แล้วเธอจะรับรู้ถึงร่างดวงจิตของฉันได้ยังไงล่ะ? อ้อ ถือโอกาสแนะนำให้รู้จักเลยแล้วกัน มันชื่อเสี่ยวเฮย ถึงแม้ตอนนี้จะถูกเธอโจมตีจนจางหายไป แต่มันไม่มีทางหายไปจริงๆ หรอกนะ” หลิงม่อบอก
“ฉันไม่อยากรู้ว่าแกตั้งชื่อให้ร่างดวงจิตตัวเองว่าอะไร…เหนือความคาดหมายจริงๆ ขนาดเผชิญหน้ากับฉันตรงๆ แกกลับไม่เรียกร่างดวงจิตซึ่งมีพลังงานทางจิตของแกกว่าครึ่งกลับมา…อีกอย่าง แกรู้ได้ยังไง…เรื่องที่ฉันสะกดจิต?” ซอมบี้ร่างแม่ยกมือกุมแผลตัวเอง พลางถามอย่างตกตะลึง
“เรื่องนี้ง่ายมาก…แค่กๆ…” หลิงม่อกระอักอีกครั้ง ทว่าไม่นานเขากลับยืนตัวตรงได้ราวกับปาฏิหาริย์ กระทั่งยังปัดฝุ่นตามร่างกาย “ฉันยอมรับว่าแกมีพลังจิตที่แข็งแกร่งมาก แต่ฉันไม่เชื่อว่าตัวเองจะอ่อนแอจนถึงขั้นถูกแกฆ่าได้ในครั้งเดียว ถ้าหากว่าฉันอ่อนแอถึงขั้นนั้นจริงๆ ช่วงชีวิตหนึ่งปีที่ผ่านมาคงสูญเปล่า แต่ในอีกด้าน เธอก็กลัวพวกพ้องของฉันมากเหมือนกัน แต่เธอก็รู้ว่าเธอถ่วงเวลาพวกเขาได้ไม่นาน ดังนั้นเมื่อเป็นอย่างนี้ คำตอบมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว แกไม่อยากใช้เวลาต่อสู้นานนัก วิธีเดียวที่จะจบการต่อสู้อย่างรวดเร็ว ก็คือทำให้ฉันคิดว่าตัวเองถูกฆ่าตายแล้ว”
“ดังนั้น…แกก็เลยซ้อนแผน? เสี่ยงอันตราย ให้ร่างดวงจิตของตัวเองซุ่มอยู่อีกด้าน รอให้ฉันจดจ่อเต็มที่เพื่อเตรียมโจมตีแกเป็นครั้งสุดท้าย แล้วค่อยโผล่ออกมาโจมตีร่างกายของฉัน…” ซอมบี้ร่างแม่พูดอย่างเหม่อลอย
“ใช่แล้ว ถ้าแกจะโทษ ก็ต้องโทษที่แกโลภมาก ถ้าหากว่าแกเหมือนซอมบี้ธรรมดา ที่ลงมือทำมากกว่าพูด ไม่แน่ว่าพวกเราอาจสู้กันจนบาดเจ็บทั้งสองฝ่ายจริงๆ ก็ได้” หลิงม่อบอก
เวลานี้ท้องของซอมบี้ร่างแม่ถูกเลือดย้อมจนเป็นสีแดงไปหมด เธอยกฝ่ามือที่เต็มไปด้วยเลือดของตัวเองขึ้นมาดู แล้วพูดด้วยสีหน้าเหม่อลอยเล็กน้อย “ตามคาด…ร่างกายของมนุษย์ อ่อนแอเกินไป…บาดแผลเล็กๆ แค่นี้ กลับส่งผลได้ถึงขนาดนี้…”
“ฉันยังสงสัยไม่หาย เธอเข้ามาในร่างกายมนุษย์ได้ยังไง? แล้วยังมีซอมบี้ตัวนั้นอีก…ถ้าหากฉันเดาไม่ผิด มันน่าจะเป็นร่างจริงของเธอสินะ? ร่างกายของซอมบี้ธรรมดา ไม่มีทางต้านรับการโจมตีของพวกเธอสองคนได้พร้อมกันแน่นอน มีเพียงซอมบี้ร่างแม่เท่านั้นที่จะทำได้…” หลิงม่อครุ่นคิด แล้วถาม
“คิกๆ…” ซอมบี้ร่างแม่ไม่ตอบ แต่กลับหัวเราะแปลกๆ ขึ้นมา ไม่นาน เสียง “กร๊อบแกร๊บ” ก็ดังมาจากหัวของเธอ…บางสิ่งที่คล้ายก้อนเนื้อเละๆ มุดออกมาจากใต้เส้นผมของเธอ และกระโดดลงไปข้างล่าง
“ตัวอะไรวะนั่น!” หลิงม่อตกใจ แต่ก็ยังไม่ลืมวิ่งตามไปโดยอัตโนมัติ ทว่าขณะที่เขาวิ่งผ่านซอมบี้ร่างแม่ที่ล้มลงไป เธอกลับยื่นมือมาคว้าข้อเท้าหลิงม่อไว้
ซอมบี้ร่างแม่…ไม่สิ ตอนนี้ต้องบอกว่าหญิงสาวคนนั้น เธอแหงนหน้าที่เต็มไปด้วยเลือด และตะโกนใส่หลิงม่อ “แกฝันไปเถอะ…ขอเพียงมันไม่ตาย ฉันก็จะยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้…” สภาพเธอดูย่ำแย่มาก หลิงม่อกระทั่งอยากถามเธอว่า หัวเธอระเบิดขนาดนี้แล้วยังคิดจะมีชีวิตรอดต่อไปอีกหรอ?
แต่สุดท้ายเขาก็ทำเพียงต้องหญิงสาวเย็นชา บอกว่า “เธอช่างน่าสงสารจริงๆ…”
“ใช่ ตอนนี้ฉันอนาถมากพอแล้ว…ฉันไม่ได้อยากทำร้ายพวกแก ฉันแค่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป อยากมีชีวิตที่ดีกว่าตอนนี้…ฉันจะไม่มีทางปล่อยให้แกฆ่ามัน!”
ขณะที่หญิงสาวกอดเท้าหลิงม่อไม่ยอมปล่อย เจ้าของสิ่งนั้นก็วิ่งไปถึงมุมเลี้ยวชั้นล่างแล้ว
“เอาล่ะ…ในที่สุดฉันก็รู้แล้วว่าทำไมเธอถึงตื่นเต้นขนาดนั้นตอนที่เห็นฉัน…เฮ้ย! ก่อนจะไปหันมาดูทางนี้ก่อนสิ!” หลิงม่อตะโกนเสียงดัง ฉวยโอกาสตอนที่เจ้าสิ่งนั้นชะงัก ขว้างเจ้าตัวเล็กสีแดงเลือดออกไป
“เอามาสเตอร์บอลของฉันไปกิน!”