บทที่ 142 เขาก็ยอดเยี่ยมมาก

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

เทาเท่กับหลินจือออกไปจากที่พักของจอร์แดนแล้ว เทาเท่ก็มองนาฬิกาข้อมือแล้วถามหลินจือ:“ไปกินอะไรหน่อยไหม?”

วุ่นทั้งเช้า ตอนนี้เกือบเที่ยงแล้ว

“ฉันไม่อยากกิน……”หลินจือหลับตาพิงเบาะนั่ง อารมณ์ไม่ดีนัก

ถึงแม้เมื่อกี๊เธอจะแก้สคริปต์ส่วนนั้นอย่างสุดกำลัง แต่เธอที่ออกมาแล้ว พอนึกถึงเรื่องสกปรกของซูซีกับเนมา ในใจก็รู้สึกเกลียดชังอย่างมาก

ซูซีสะกิดเส้นตายเธอครั้งแล้วครั้งเล่า หลินจือไม่เข้าใจเลย ทำไมบนโลกนี้ถึงมีคนไร้ยางอายได้แบบนี้ ขโมยงานเธอไปไม่พอ ยังทำให้เธอเป็นคนลอกงานพวกเขาอีก

ดีที่จอร์แดนเป็นคนที่ฉลาด ไม่ได้คัดเธอออกในทันที และก็ไม่ประณามอย่างตรงไปตรงมาว่าเป็นคนลอกงานที่ไร้ยางอาย

ไม่งั้นเธอก็จะไม่เพียงแต่พลาดโอกาสที่จะร่วมมือกับจอร์แดนครั้งนี้ แต่ยังถูกกล่าวหาว่าลอกงานคนอื่นอีก

แค่มองเทาเท่ก็รู้ว่าทำไมเธอโกรธจัดแบบนี้ ถึงแม้เธอจะดูเหมือนพูดจาอบอุ่น แต่ที่จริงแล้วเป็นคนจริงจังมาก

เธอมีคุณธรรมในด้านนักเขียนสูง หวงแหนชื่อเสียงของตัวเองเป็นอย่างมาก

เธอเป็นคนสร้างต้นฉบับโดยแท้จริง แต่ซูซีจัดฉากทำให้เธอลอกเลียนแบบ ถึงแม้ตอนนี้เธอจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองแล้ว ก็ตาม แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้เธอหงุดหงิดอยู่ชั่วหนึ่ง

เทาเท่ก็ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆตัวเองก็เข้าใจเธอทันที อาจจะเพราะเมื่อก่อนไม่ได้ใช้ใจกับเธอจริงๆ

ตอนนี้พอใช้ใจ ก็เลยเข้าใจเธอ

เขาเปิดน้ำแร่ให้เธอ พูดอย่างสบายๆ:“เรื่องพอเกิดขึ้นแล้วต้องมองไปข้างหน้า มาหงุดหงิดไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก”

หลินจือหันไปมองเขาอย่างตกใจเล็กน้อย เขารู้ได้ไงว่าในใจเธอคิดอะไรอยู่?

“คิดหาวิธีหลีกเลี่ยงสิ่งนี้ไม่ให้เกิดขึ้นในอนาคตก็พอ นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดต่างหากล่ะ”เทาเท่มองเธอแล้วพูด“กลับไปแล้วให้ไวท์ซ่อมคอมให้คุณ แล้วจึงปรับปรุงประสิทธิภาพการป้องกันความปลอดภัยคอมพิวเตอร์คุณให้เป็นระดับสูงสุด”

“ไวท์เข้าใจเรื่องพวกนี้ด้วย?”หลินจือคิดว่าไวท์เป็นเพียงหมอที่มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม และไม่คิดว่าจะเชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ขนาดนี้

ส่วนหลินจือกลับไม่เข้าใจเกี่ยวกับคอมมากนัก สำหรับเธอแล้ว คอมเป็นเพียงเครื่องมือในการเขียนสคริปต์เท่านั้น ส่วนฟังก์ชันอื่นๆนั้น ปกติเธอไม่เคยใช้

สิ่งแรกที่เธอทำทุกวันเมื่อเปิดเครื่องคือเปิดเอกสาร จากนั้นเมื่อมีข้อมูลที่ต้องการหาก็จะเข้าเน็ต รับอีเมลบ้างเป็นบางครั้ง นอกจากนั้น เธอก็ไม่ได้ใช้อะไรเลย

ตามละคนส่วนมากเธอจะดูบนทีวีมากกว่า ความรู้สึกแบบนั้นค่อนข้างมันกว่า

นิสัยนี้ได้รับการปลูกฝังในช่วงสามปีของการแต่งงานกับเทาเท่ มีห้องโสตขนาดใหญ่บนชั้นหนึ่งของคฤหาสน์เขา อุปกรณ์ในนั้นเป็นของระดับไฮเอนด์และเป็นที่นิยมที่สุด เพลิดเพลินมากในการใช้ดูละครหรือหนัง

หย่าแล้วถึงแม้เธอจะไม่มีเงื่อนไขนั้น แต่ก็ชินที่จะดูทีวีจอใหญ่

“อือ”เทาเท่ตอบเธอ“เขาเรียนปริญญาสองใบด้านหมอกับคอม”

หลินจือก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ:“เจ๋งมาก!”

เรียนกพวกหมอก็หนักมากพอแล้ว คิดไม่ถึงว่าไวท์จะยังมีเวลาไปเรียนเอกคอมอีก นี่มันเด็กเรียนชัดๆ

เทาเท่มองเธออย่างคลุมเครือ หลินจือถามอย่างไม่เข้าใจ:“ทำไมเหรอ?”

เทาเท่ละสายตาออก:“เปล่า”

เขาอยากบอกว่าเขาก็ยอดเยี่ยมมาก เรียนปริญญาสองใบเช่นกัน วิชาเอกการเงินกับสื่อมีเดีย พวกเขานี้แย่ตรงไหน?

ก็แค่เทาเท่พูดคำชมตัวเองไม่ออกก็เท่านั้น รู้สึกน่าอาย เรื่องแบบนี้ในบรรดาพวกเขาสี่คนนั้น มีแค่โซเมนที่ทำได้เท่านั้

ถึงแม้หลินจือบอกไม่อยากกินข้าว แต่เทาเท่ก็พาเธอมาโรงแรมที่มีชื่อเสียงในเมืองเวลฟ์ ทั้งสองกินข้าวเที่ยงกันเงียบๆ

เทาเท่พูดอธิบาย:“พวกเขาสองคนต้องรอตลกคุณอยู่โรงแรมแน่ งั้นก็ให้พวกเขารอไปสักพักเถอะ”

เขาสามารถกินข้าวกับหลินจือได้พอดี หรืออาจจะหาที่ไหนไปเดินเล่นก็ได้

ซูซีกับเนมาจัดฉากแบบนี้ ไม่มีอะไรมากไปกว่าอยากเห็นเขากับหลินจือดูตลกและล้มเหลว จะต้องรออยู่ในโถงโรงแรมแน่ รอพวกเขากลับไปก็จะเหน็บแนมพวกเขาทันที

ในเมื่อแบบนี้ งั้นก็ให้พวกเขารออย่างใจจดใจจ่อไปเถอะ

ตอนที่หลินจือกับเทาเท่กินข้าวเที่ยงใกล้จะหมด หลินจือก็รับสายจากเจเทาวน์ ถามว่าที่พวกเขาคุยกับจอร์แดนตอนเช้าเป็นไงบ้าง หลินจือพูดเบาๆ:“ราบรื่นมาก พวกเขาได้อำนาจในการปรับเปลี่ยนแล้ว”

ช่วงนี้เจเทาวน์เจอเรื่องแย่ๆมากพอแล้ว เรื่องสกปรกที่ซูซีกับเนมาทำหลินจือเลยยังไม่ได้บอกเขา

“ดีจัง!”เจเทาวน์ก็ดีใจมาก ก็ชมหลินจือในสายอย่างไม่เกรงใจ“ผมรู้อยู่แล้วว่า คุณต้องทำสำเร็จ”

เจเทาวน์พูดในสายอีกว่า:“วันไหนผมกลับไปพวกเราค่อยเลี้ยงข้าวทุกคน เป็นการฉลองให้คุณ”

“อือ”หลินจือตอบเบาๆ

เจเทาวน์พูดในสายอีกว่า:“ที่จริงผมยังมีอีกเรื่องจะขอร้องคุณ”

หลินจือไม่เข้าใจ:“ทำไมเหรอ?”

เจเทาวน์ไม่ค่อยกล้าพูดนัก:“รบกวนคุณช่วยดูแลแมวของผมหน่อยได้ไหม?”

หลินจือตะลึงเล็กน้อย:“แมว?”

เจเทาวน์อธิบาย:“อือ ก่อนไปผมก็เอาแมวไปฝากเลี้ยงที่ร้านสัตว์เลี้ยงแล้ว เดิมทีผมคิดว่าเดี๋ยวแป๊บเดียวก็ได้กลับไปแล้ว ดังนั้นผมเลยเอาไปฝากเลี้ยงไม่กี่วัน ตอนนี้ครบเวลาแล้ว ได้แต่รบกวนคุณชั่วคราว”

หลินจือเข้าใจทันที แล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุข:“ไม่เป็นไร เอามาให้ฉันได้”

เจเทาวน์พูดอย่างรู้สึกขอโทษ:“จะรบกวนคุณไหม?ถ้าคุณไม่ชอบสัตว์เลี้ยงตัวเล็ก ผมจะไปขอให้เพื่อนคนอื่นช่วย”

“ฉันชอบมาก”หลินจือรีบพูด“ฉันชอบสัตว์เลี้ยงตัวเล็กๆมาเสมอ เมื่อก่อนฉันก็อยากเลี้ยงลูกแมวหรือลูกหมาสักตัว——”

หลินจือพูดถึงตรงนี้ก็ชะงักไป เพราะว่าคนร้ายที่ทำให้เธอเลี้ยงได้ไม่สำเร็จนั่งอยู่ตรงข้ามเธอตอนนี้

หลินจือชอบสัตว์เลี้ยงตัวเล็กๆมาเสมอ แต่งงานแล้วอยากเลี้ยงสักตัวมาก หนึ่งคือเธอชอบ สองคือเธอคิดว่าฆ่าเวลาได้ ตัวเองจะได้เลิกคิดเรื่องที่เทาเท่ไม่รักเธอได้

เธอจำได้ว่าเธอเคยพูดกับเทาเท่ แต่ตอนนี้เทาเท่ตอบโต้อย่างไรรู้ไหม?

เหมือนจะพูดอะไรด้วยสีหน้าไม่พอใจ“ถ้าบ้านนี้มีแมวหรือหมาก็จะไม่มีเขา มีเขาก็จะไม่มีแมวหรือหมา”อะไรแบบนั้น เธอเลยล้มเลิกความคิดนี้ไป

พูดตรงๆแล้ว หลังจากกลับประเทศมาถ้าไม่ใช่ว่ามัวแต่ยุ่งกับสคริปต์ เธอก็อยากไปร้านขายสัตว์เลี้ยงแล้วซื้อสัตว์เลี้ยงกลับมาสักตัวจริงๆ

แมวหรือหมาก็ได้ทั้งนั้น เธอชอบหมด

ตอนนี้เจเทาวน์ให้เธอช่วยดูแลแมว เธอยินดีมาก

“ดีจัง รบกวนคุณแล้ว”หลินจือช่วยเขาดูแลแมวได้ เจเทาวน์ก็โล่งอกมาก

เขารู้ว่าหลินจือที่เป็นผู้หญิงอ่อนโยนจิตใจดี จะต้องดีต่อสัตว์เลี้ยงด้วยกันแน่ๆ

ทั้งสองคุยอีกสักพักเกี่ยวกับเรื่องสัตว์เลี้ยงของเจเทาวน์ พอหลินจือคิดว่าเดี๋ยวต่อไปจะมีแมวน้อยขนฟูให้กอด ก็ดีใจอย่างมาก จนลืมว่าตรงข้ามยังมีเทาเท่นั่งอยู่