ที่จริงเทาเท่คิดว่าครั้งนี้ที่เขากับหลินจือเผชิญหน้าเรื่องแผนการที่ซูซีกับเนมาใส่ร้ายด้วยกัน ความสัมพันธ์พวกเขาจะก้าวหน้ามากขึ้น
ใครจะไปคิดว่าแค่เจเทาวน์โทรมาเรื่องแมว จะทำให้หลินจือยิ้มได้ขนาดนี้ และยังลืมไปเลยว่ามีเขาอยู่
เทาเท่ไม่เข้าใจเลยสักนิด แมวกับหมาพวกนั้นมีอะไรดี
เขามักจะอยู่ห่างจากพวกมัน ไม่คิดว่าพวกมันน่ารักสักนิด ทำให้ตอนนั้นที่หลินจือเสนอกับเขาว่าจะเลี้ยงสัตว์ เขาก็มีแต่ความไม่พอใจเต็มใบหน้า แล้วปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
แต่ตอนนี้เห็นความอ่อนโยนในแววตาของหลินจือ ในใจเขาก็สั่นคลอน
จนในใจเขายังคิดว่า ถ้าสัตว์เลี้ยงสามารถแลกกับรอยยิ้มของเธอเหมือนกันได้ เหมือนว่าเขาก็สามารถยอมแพ้ได้
หลินจือกับเจเทาวน์คุยเสร็จเก็บโทรศัพท์มา จึงคิดได้ว่าตัวเองมีเทาเท่นั่งอยู่ตรงข้าม
เห็นสีหน้าเขาไม่ดี หลินจือคิดว่าเขาไม่ชอบใจที่เธอคุยโทรศัพท์ต่อหน้าเขานาน จึงรีบขอโทษ:“ขอโทษนะ”
เธอคุยโทรศัพท์กับแฟน เขาที่เป็นสามีเก่าเสียใจแค่ไหน ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะตำหนิได้
ดังนั้น เทาเท่ได้แต่ทำเป็นถามนิ่งๆ:“ทำไมไม่บอกเขาเรื่องของซูซีกับเนมา?”
หลินจือบอกไปตามจริง:“เขามีเรื่องให้ปวดหัวมากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้เขาทุกข์ใจอีก”
เทาเท่ฟังจบก็ไม่อยากพูดอีก เธอใส่อดใส่ใจแฟนหนุ่มมาก!
ทั้งสองกินข้าวคิดเงินเสร็จแล้วก็ออกไป บนรถที่กลับไปโรงแรม จู่ๆเทาเท่ก็ถามหลินจือ:“ชอบสัตว์เลี้ยงจริงเหรอ?”
หลินจือนึกถึงประสบการณ์ที่ตัวเองเคยถูกเทาเท่ปฏิเสธอย่างแรง ใบหน้าก็มีความเตรียมพร้อมป้องกันทันที เธอกลัวว่าเธอพูดว่าชอบ เขาจะเยาะเย้ยเธออีกครั้ง
เทาเท่เห็นเธอดูระวังตัวไม่พูดอยู่นาน ก็โกรธเธออย่างมาก
ก็แค่ถามเธอว่าชอบไม่ชอบสัตว์เลี้ยงเหรอ?
เขาจะกลืนกินเธอได้หรือยังไงกัน?
เขาถามอย่างเซ็งๆอีกครั้ง:“ถามคุณอยู่นะ?”
หลินจือคิด แล้วก็ให้คำตอบที่ค่อนข้างถูกจุด:“ชอบมาก”
เทาเท่:“……”
เมื่อกี๊ที่เธอเพิ่งคุยกับเจเทาวน์เรื่องแมว แววตามีความเป็นประกาย ชัดเจนว่าชอบมาก แต่ตอนนี้กลับตอบว่าชอบมากต่อหน้าเขา
และทำไมยังปกปิดอยู่อีก?
เขาจะไปรู้ได้ไงว่า ท่าทีที่เมื่อก่อนเขาหมดความอดทนและรังเกียจต่างๆต่อหลินจือ จะสร้างปมให้หลินจือมากขนาดนี้
เพราะว่าเมื่อก่อนถูกเขาโจมตีอย่างรังเกียจหลายครั้ง ต่อมาเพราะหลินจือคิดว่าเขาไม่ชอบ เธอเลยไม่พูดถึงอีกสักคำ
หัวใจของเธอ เดิมทีเปิดไว้คาดหวังให้เขาเข้ามา
ต่อมาก็ค่อยๆปิดลง จนตอนนี้หัวใจก็ปิดแน่นมาก
ดังนั้น เธอจะเปิดใจกับเขาแล้วบอกว่าเธอชอบสัตว์เลี้ยงมากได้อย่างไรกันล่ะ?
เทาเท่เหลือบมองเธออย่างคลุมเครือ ไม่พูดอะไรอีก แต่ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ตัวเองไป
กลุ่มเมืองเจสเวิร์ดF4
เทาเท่:“ที่ไหนมีขายสัตว์เลี้ยง?”
โซเมน:“ไม่มั้งเท่?แกจะเลี้ยงสัตว์เลี้ยง?แกไม่ชอบพวกน้องแมวน้องหมาสุดๆไม่ใช่เหรอ?”
ต้องยอมรับว่า ในฐานะที่เป็นเพื่อนรักมาหลายปี โซเมนเข้าใจเทาเท่อย่างไม่ธรรมดา
ไวท์:“ต้องเอาให้หลินจือแน่ๆ”
โซเมน:“ถึงเอาให้หลินจือ ฉันก็คิดว่าเหลือเชื่อ ฉันคิดว่าชีวิตนี้เท่จะไม่พูดเรื่องสัตว์เลี้ยงเสียแล้ว”
นทีบดี:“นี่เท่อยู่ในจุดที่สูญเสียความเป็นตัวเองเพื่อความรักแล้วสินะ?”
คำนี้ของนทีบดีแทงใจมาก เทาเท่โกรธจนอยากออกจากกลุ่ม
เขาจะสูญเสียความเป็นตัวเองได้ไง?
เขาแค่เอาให้หลินจือเลี้ยง ไม่ใช่เขาที่ซื้อเองต่างหาก
โซเมนพูดอีกว่า:“เท่ ฉันรู้ว่าในใจนายจะต้องพูดแน่ว่าไม่ใช่นายที่เลี้ยง แต่ฉันเตือนแกหน่อยนะ ถ้าหลินจือเลี้ยง ก็ต้องแยกห่างไม่ได้แน่ ไม่ช้าก็เร็ววันหนึ่งแกจะต้องเข้าไปร่วมด้วย นอกจาก ……แกตามจีบหลินจือโดยไม่คาดหวังอะไร”
หากจีบไม่ติด ถึงหลินจือเลี้ยงแมวสิบตัว ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเทาเท่
แต่ถ้าตามจีบกลับมา งั้นเทาเท่ก็ต้องยอมรับชีวิตที่มีสัตว์เลี้ยงในบ้านของช่วงชีวิตที่ยืนยาวต่อจากนี้
เทาเท่:“……”
ทำไมเขารู้สึกว่า พวกโซเมนไม่ได้จะช่วยเขาเลยสักนิด แต่ละคนเห็นเขาเป็นเรื่องตลกทั้งนั้น
“ไม่พูดก็ไม่ต้องพูด”เขาพูดคำนี้ไปแล้วก็ไม่อยากสนพวกเขาอีก เขาให้จอนห์หรือควีนไปหาก็ได้
ตอนนี้เองนทีบดีก็ค่อยๆส่งไปว่า:“ในฐานะที่บ้านเลี้ยงเยอรมันเชเพิร์ดตัวหนึ่งกับโกลเด้นตัวหนึ่ง ฉันรู้จักร้านขายสัตว์เลี้ยงที่หรูหราที่สุดในเมืองเจสเวิร์ดอยู่แล้ว”
พูดถึงหมาสองตัวที่บ้านแล้ว ในใจนทีบดีก็มีแต่ MMP
ทั้งๆที่หมาสองตัวนั้นเลี้ยงตั้งแต่เด็กจนโต หมาทั้งสองกลับไปอยู่รอบๆภรรยาสาวของเขา
ไม่ได้บอกว่าหมาเป็นสัตว์ที่ซื่อสัตย์ที่สุดหรอกเหรอ?ทำไมพอมาถึงเขาถึงเปลี่ยนใจไป?
จากนั้นนทีบดีก็ส่งคอนแทกต์ให้เทาเท่:“แกติดต่อเขาก็พอ เป็นผู้จัดการของร้านขายสัตว์เลี้ยงแห่งนี้”
“ขอบใจ”เทาเท่ตอบกลับไป
นทีบดีตอบ:“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ต่อไปตามจีบหลินจือคืนกลับมา ไม่ลืมเลี้ยงเหล้ามงคลฉันสักแก้วก็พอ”
นทีบดีพูดออกไป โซเมนก็แอดนทีบดีแล้วพูดว่า:“อย่าทำเป็นว่าแกช่วยอยู่คนเดียวสิ ฉันกับไวท์ก็ช่วยอะไรตั้งเยอะแยะ ต้องชวนพวกเราให้หมดเลย”
ไวท์พูด:“ใช่เท่ ถ้าตามคืนกลับมาได้จริง จัดงานแต่งเถอะ แกไม่ได้จัดงานแต่งให้หลินจือเลย ผู้หญิงที่ไหนที่ในใจไม่อยากบ้าง”
ถูกพวกไวท์เตือนแบบนี้ เทาเท่ก็ตระหนักได้ทันที งานแต่งนั้นเป็นเรื่องใหญ่จริง
ตอนนั้นเขากับหลินจือแค่จดทะเบียน ไม่ได้พูดถึงงานแต่ง
เพราะงานแต่งงนี้เป็นมาอย่างไร ทั้งสองฝ่ายต่างรู้ดี แม้แต่คุณท่านที่บังคับเขาแต่งกับหลินจือก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ สันนิษฐานว่าคุณท่านน่าจะจินตนาการถึงความน่าอายที่ระดมผู้คนมาเป็นจำนวนมากในการจัดงานแต่งได้
“โอเค”เทาเท่ตอบในกลุ่มไปแบบนี้
ขณะเดียวกันในใจเขาก็แอบสาบานว่า ต่อไปจะต้องจัดงานแต่งใหญ่โตให้หลินจือ ให้สถานะที่ตรงไปตรงมากับเธอ ให้คนยอมรับเธอ รู้จักเธอ
คิดแบบนี้แล้ว มือเขาก็อดไม่ได้ที่จะกดเปิดหน้าเว็บ เริ่มค้นหาแบบชุดแต่งงาน
หลินจือที่อยู่ข้างๆก็มองมาทางเขา พอเห็นเขาดูชุดแต่งงาน ก็ตะลึงงัน
เธอไม่สามารถไม่นึกถึงการแต่งงานของตัวเองกับเทาเท่ได้เลย ไม่มีงานแต่ง ไม่มีงานฉลอง ไม่มีการประกาศ จนวันนี้ ยังมีคนจำนวนมากยังไม่รู้เลยว่าเทาเท่เคยแต่งงานแล้ว
เมื่อตอนที่เธอยังเป็นเด็กสาว ก็ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่เคยฝันถึงภาพที่ตัวเองแต่งงานกับผู้ชายที่เธอรักในชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์
แต่ต่อมาความจริงได้สอนเธอ งานแต่งของเธอไม่มีชุดแต่งงาน ไม่มีพิธีและยังไม่มีแม้แต่ความรัก
นานิเคยบอกว่า งานแต่งเธอครั้งนี้ ที่จริงเธอไม่ได้แต่งให้เทาเท่ แต่แต่งให้ความปรารถนาของตัวเองเท่านั้น
หลินจือยอมรับ ถึงแม้คำนี้ของนานิจะแทงใจ แต่ก็ทำให้เธอมีสติ