บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 203 จับตัว
เคร้ง! กระบี่ในมือของเหม่ยหลินสะบัดอย่างรุนแรงเมื่อโดนเฒ่าประทับสวรรค์สวนการโจมตีของนางเข้าอย่างจัง แต่ถึงตอนนั้นไป๋จูเหวินก็กลับเข้ามาร่วมการต่อสู้แล้ว ทําให้เฒ่าประทับสวรรค์ไม่อาจลงมือต่อได้แต่อย่างไร
เปรี้ยงๆๆ ไป๋จูเหวินใช้ฝ่ามือปักษาโรมรันเข้าปะทะซึ่งๆ หน้ากับเฒ่าประทับสวรรค์เพราะเห็นว่าหยงเวยและอู๋หมิงยังบาดเจ็บอยู่ แต่พวกมันไม่มีท่าที่จะหยุดพักแต่อย่างไรทันทีที่ไป๋จูเหวินเริ่มดึงความสนใจของเฒ่าประทับสวรรค์เอา ไว้อู๋หมิงก็เข้ามาเล่นงานประสานทันที โดยมีหยงเวยคอยใช้ธาตุดินคอยช่วยเหลืออยู่จากด้านหลัง
“กรรร” เฒ่าประทับสวรรค์คํารามก่อนจะปัดร่างของไป๋จูเหวินออกจนกระเด็นไปข้างหลัง น่าเสียดาย ถึงพวกมันจะเป็นยอดอัจฉริยะแห่งยุค แต่สภาพตรงหน้าก็ไม่ต่างจากคนระดับเทียนเซียนขั้น 4 หรือ 5 จํานวนหนึ่งกําลังช่วยกันรุมคนระดับเทียนเซียนขั้น 10 เท่านั้น ซึ่งในความจริงมันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะชนะเลย
ฟุบ! กระสุนวายุของอสูรปักเป้าตรงเข้าเล่นงานเฒ่าประทับสวรรค์จากท้องฟ้าในทันทีที่เห็นไป๋จูเหวินโดนโจมตี แต่กระสุนวายุของอสูรปักเป้าใช้ไม่ได้ผลกับพวกระดับ 10 ขึ้นไป แน่นอนว่ามันใช้ไม่ได้ผลกับเฒ่าประทับสวรรค์ด้วยเช่นกัน
เปรี้ยง! ฝ่ามือของเฒ่าประทับสวรรค์โจมตีสวนขึ้นไปบนอากาศ ทําให้กระสุนวายุของอสูรปักเป้าสลายหายไปทันที น่าเสียดายที่มันไม่เคยต่อสู้ในร่างขนาดเล็กนี้เลย ทําให้มันมีแค่การยิงกระสุนวายุง่ายๆเท่านั้น หากมันคืนร่างกลายเป็นขนาดจริงของมันก็ย่อมสามารถโจมตีได้อย่างรุนแรง แต่นั่นก็เท่ากับจะเป่าเขาทั้งลูกหายไปเลย ซึ่งหากทําแบบนั้น ไป๋จูเหวินและคนอื่นๆได้ตายกันหมดแน่ๆ ถึงตอนนี้มันเริ่มแอบอิจฉาอสูรแมงมุมกับอสูรเต่ายักษ์เสียแล้วที่สามารถบังคับพลังของตัวเองได้
ฟื้วๆๆๆๆ! อสูรปักเป้ายิงเข็มบนตัวมันใส่เฒ่าประทับสวรรค์ แม้ส่วนหนึ่งจะถูกโจมตีใส่ขนร่วง แต่ก็มีบางเข็มที่เจาะเข้าผิวหนังของมันได้ แต่น่าเสียดายขนาเข็มเล็กเกินไปไม่อาจสร้างความเสียหายใหญ่หลวงอะไรได้ แถมพิษก็ยังไม่ได้ผลเพราะเฒ่าประทับสวรรค์ที่เคยสะสมสมบัติมามากมายถึงขั้นมอบรางวัลให้ไป๋จูเหวินเป็นสมุนไพรต้านพิษได้ ตัวมันเองมีหรือจะไม่เคยกิน พูดง่ายๆก็คือตัวเฒ่าประทับสวรรค์นั้นสามารถต้านทานพิษได้เช่นเดียวกับไป๋จูเหวินนั่นเอง
“นี่แนะ” หลินหลินกระโดดเข้าไปชนร่างของเฒ่าประทับสวรรค์ ก่อนจะอ้าปากกัดแขนของเฒ่าประทับสวรรค์ทันที
“กรร”เฒ่าประทับสวรรค์ถึงกังส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เพราะตั้งแต่สู้มายังไม่เคยมีใครเรียกเลือกจากร่างมันได้เลย แต่ฟันของหลินหลินกลับสามารถเจาะพลังคุ้มกันของมันมาได้ ทําเอามันเองยังตกใจไม่น้อย
วีดด!! หงเยวใช้ใยแมงมุมของตนมัดร่างของหลินหลินเอาไว้แล้วดึงนางออกมาก่อนที่เฒ่าประทับสวรรค์จะทําอะไร
“เจ้าจะบ้าหรือไง เดี๋ยวก็เจ็บตัวหรอก” หงเยวต่อว่าเพราะเห็นได้ชัดเลยว่าพลังของเฒ่าประทับสวรรค์นั้นหลินหลินรับไม่ไหวอย่างแน่นอน
“แฮ่ๆ” หลินหลินหัวเราะเงื่อนๆพลางเช็ดเลือดที่ปาก แม้จะบอกว่ากัดเข้าแต่ก็แค่รอยเขี้ยวเท่านั้น ไม่ได้สร้างความเสียหายรุนแรงอะไรเลยเสียด้วยซ้ำ น่าเสียดายที่พื้นที่วัดมีไม่พอให้นางกลายร่างกลับไปเป็นแมงมุม ไม่อย่างนั้นฟันของนางในร่างแมงมุมคงสร้างบาดแผลได้ใหญ่กว่านี้แน่ๆ
“…” ปิงปิงเองก็เหมือนจะไม่พอใจเช่นกันที่ไม่สามารถกลับร่างแมงมุมได้ เพราะร่างนั้นสู้ง่ายกว่าร่างมนุษย์มาก ท่าทางเหล่าอสูรจะมีปัญหากับเรื่องพื้นที่กันหมดเลยกระมัง
“ไม่หรอก เจ้าทําได้ดีแล้ว”เจ้าอาวาสที่พยายามรังษาบาดแผลมาตั้งแต่เมื่อครูพูด พลางกระโดดเข้ามาขวางระหว่างหยงเวยกับพวกไปัจูเหวิน ทําให้สถานการณ์ผ่อนคลายลงมาก
เปรี้ยง! ไม้เท้าของเจ้าอาวาสต้านแรงของเฒ่าประทับสวรรค์เอาไว้อย่างยากลําบาก แม้จะเป็นยอดฝีมือเช่นกัน แต่เฒ่าประทับสวรรค์ก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรแห่งนี้ ทําให้เจ้าอาวาสที่พึ่งรักษาอาการบาดเจ็บมามีท่าที่เสียเปรียบตั้งแต่แรก
เปรี้ยงๆๆๆ ไป๋จูเหวินที่อยู่ด้านหลังเลิกเข้าไปแลกตรงๆกับเฒ่าประทับสวรรค์แล้วใช้วิชาบังคับหกปักษาโจมตีจากระยะไกลแทน เมื่อเห็นดังนั้นคนอื่นๆก็เริ่มทําตาม หาสิ่งของมาใช้โจมตีจากระยะไกล เพื่อช่วยถ่วงเฒ่าประทับสวรรค์เอาไว้ให้เจ้าอาวาสสามารถสู้ได้ง่ายขึ้น
ฟุบ! ในที่สุดความพยายามของพวกไป๋จูเหวินก็ประสบผลเมื่อเงาร่างของอาวุโสเทียนหมิงและเซียนดาบปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังกลุ่มของไป๋จูเหวิน
“อู๋หมิง” อาวุโสเทียนหมิงว่าพลางมองสภาพของศิษย์ตนเองอย่างเป็นห่วง อู๋หมิงมีบาดแผลจากฝ่ามือของเฒ่าประทับสวรรค์ไม่น้อย แต่ก็ไม่ร้ายแรงอะไรทําเอาอาวุโสเทียนหมิงถอนหายใจอย่างโล่งอก
“มิน่าเล่าเฒ่าประทับสวรรค์ถึงมุ่งมาที่นี่”เซียนดาบว่าพลางมองมาทางหยงเวย ดูเหมือนพวกยอดฝีมือจะสามารถสัมผัสพลังมารได้กันทุกคนเลยกระมัง
“อาจารย์ เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ตอนนี้รีบจัดการเฒ่าประทับสวรรค์เถอะ”อู๋หมิงว่าพลางโยนกระบี่ทัณฑ์สวรรค์มาให้อาวุโสเทียนหมิง
“ได้…”อาวุโสเทียนหมิงเงียบไปพลางเหล่มองหยงเวยช้าๆ สําหรับเหล่ายอดฝีมือที่เคยผ่านยุคมารอาลาวาดมาแล้วนั้นเกรียดมารเข้าไส้ ถึงขนาดมีความลังเลวูบหนึ่งว่าจะจัดการเฒ่าประทับสวรรค์ก่อนหรือจัดการมารก่อนดี
เปรี้ยง! กระบี่ของอาวุโสเทียนหมิงตรงเข้าเล่นงานเฒ่าประทับสวรรค์ เมื่อถูกใช้ด้วยผู้มีพลังเซียนทันเทียมกันกระบี่ทัณฑ์สวรรค์ที่เคยโจมตีเฒ่าประทับสวรรค์ไม่เข้าก็สําแดงเดชออกมาอย่างน่าหวาดกลัว
ตูม! คลื่นดาบของเซียนดาบพุ่งเข้าเล่นงานเฒ่าประทับสวรรค์ซ้ำในทันที แม้จะไม่ใช่ดาบราชันศาสตรา แต่ด้วยพลังเซียนมหาศาลของเชียนดาบทําให้คลื่นดาบที่ออกไปมีความรุนแรงอย่างมาก ถึงขนาดเฒ่าประทับสวรรค์ต้องละการโจมตีของอาวุโสเทียนหมิงเพื่อหลบเลยทีเดียว
ฟุบๆๆๆ ในที่สุดภาพการต่อสู้ที่คุ้นตาก็ปรากฏเสียที เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้ทัดเทียมกัน พลังคุ้มกันของเฒ่าประทับสวรรค์ก็ไร้ผล ทําให้มันไม่มีทางเลือกต้องหลบการโจมตีของทั้งสองอย่างจําใจ มันไม่สามารถยืนชนตรงๆกับการโจมตีของศัตรูได้เหมือนตอนสู้กับไปัจูเหวินอีกแล้ว
“กรรร” เฒ่าประทับสวรรค์หันมามองหยงเวยวูบ ก่อนจะหันหลังพุ่งตัวไปอีกทาง
“หนีไปแล้ว” เซียนดาบว่าพลางพุ่งตัวตามไป
ฟุบๆๆ! ไป๋จูเหวินเห็นเช่นนั้นก็ใช้ใยแมงมุมของตนเองมัดร่างของเฒ่าประทับสวรรค์เอาไว้ ปกติแล้วไป๋จูเหวินจะไม่ใช้ใยแมงมุมกับคู่ต่อสู้ที่มีกําลังเหนือกว่า เพราะหากใช้คนที่จะโดนลากไปมาก็คือคนที่กําลังน้อยกว่านั่นเอง แต่ตอนนี้มันมีคนที่มีกําลังพอๆกับเฒ่าประทับสวรรค์ถึง 2 คนที่เดียว
“ท่านอาวุโส ท่านเซียนดาบจับนี้ไว้”ไป๋จูเหวินว่าพลางดึงใยแมงมุมจนตึงให้พวกอาวุโสเทียนหมิงจับระหว่างทาง โดยใยแมงมุมของไป๋จูเหวินนั้นไม่เหมือนของหลินหลินหรือของปิงปิง ใยแมงมุมที่มันได้สืบทอดมาจากมารดานั้นไม่ค่อยมีความเหนียวนัก แต่ให้ความรู้สึกเหมือนเส้นเอ็นที่ทั้งแข็งแรงและบางเฉียบ หากไม่ใช่อาวุธระดับสุดยอดอย่างดาบมรกตหรือกระบี่ทัณฑ์สวรรค์ที่เสร็จสมบูรณ์แล้วก็ตัดไม่ขาดเลย
ฟีดดด!! อาวุโสเทียนหมิงและเซียนดาบลังเลเล็กน้อยว่าใยแมงมุมเพียงเท่านี้จะสามารถรั้งตัวเฒ่าประทับสวรรค์ได้จริงๆงั้นหรือ แต่พอลองดึงดูแล้วกลับพบว่าใยแมงมุมของไป๋จูเหวินนั้นไม่ขาดแม้จะโดนแรงของคนระดับเทียนเซียนขั้นที่ 10 ดึงจากทั้ง 2 ฝั่งก็ตาม
“ดึง” อาวุโสเทียนหมิงส่งสัญญาณพลางออกแรงดึงเข้าหาตัวทันที น่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้เฒ่าประทับสวรรค์เสียสติจนแจกจ่ายสมบัติไปจนหมดแล้ว ทําให้มันไม่มีอาวุธใดติดตัวเลย ทําให้มันไม่อาจตัดใยแมงมุมของไป๋จูเหวินได้
“กรรรร เฒ่าประทับสวรรค์คํารามพลางยื่อด้วยกําลังทั้งหมด แต่ด้วยกําลังของอาวุโสเทียนหมิงและเซียนดาบมันก็โดนลากเข้ามาทีละน้อยจนในที่สุดก็ยืนประจันหน้ากับทั้งสองอีกครั้ง
ฟุบ! ไป๋จูเหวินไม่รอช้ามัดร่างของเฒ่าประทับสวรรค์เอาไว้ในทันทีโดยมอาวุโสเทียนหมิง เซียนดาบ และ เจ้าอาวาสช่วยกันกดร่างของเฒ่าประทับสวรรค์เอาไว้ กว่าจะมัดได้ทั้งตัวเล่นเอาทุลักทุเลไม่น้อย
“ในที่สุดก็จับได้เสียที” อาวุโสเทียนหมิงว่าพลางนั่งลงอย่างหมดแรง พวกมันทั้งคู่ตามตัวเฒ่าประทับสวรรค์มานานหลายเดือนแล้ว แต่เพราะไม่อาจตามความเร็วสูงสุดของเฒ่าประทับสวรรค์ได้ทันเลยจบที่การไล่จับกันไปมาเท่านั้น
“ต่อไปก็เจ้า” เซียนดาบว่าพลางหันมาทองหยงเวย ตอนนี้หยงเวยบาดเจ็บหนักไม่ใช่น้อย การจัดการมันค่อนข้างง่ายเลยทีเดียว
“ใจเย็นก่อนประสก”เจ้าอาวาสที่พึ่งจะได้พักหายใจเช่นกันเดินเข้ามาขวางในทันทีที่เป้ากลับมาทางหยงเวย
“เรื่องนี้อาตมาขออธิบายเอง”เจ้าอาวาสว่าพลางพาอาวุโสเทียนหมิงและเฒ่าประทับสวรรค์ไปคุยกันอีกที่หนึ่ง
“กินซะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางยื่นยารักษาให้อู๋หมิงและหยงเวยที่บาดเจ็บเยอะที่สุด
“ขะ ขอบใจ” หยงเวยว่าพลางเอายาเข้าปากด้วยท่าที่เก้ๆ กังๆ ไม่รู้ทําไมมันรู้สึกผ่อนคลายกว่าตอนที่อยู่กับไป๋จูเหวินที่สํานักเขี้ยวมังกรเสียอีก อาจจะเพราะตอนนี้พวกมันทั้งสองต่างมีพลังเท่าเทียมกัน และยังได้ร่วมศึกด้วยกันอีกกระมัง ความจริงไป๋จูเหวินยังไม่ได้รับคําอธิบายเสียด้วยซ้ำว่าหยงเวยได้รับการฝึกฝนจากกวางอสูรให้สามารถควบคุมจิตมารได้ และยังเข้ามาศึกษาธรรมมะต่อจนไม่มีอาการมารครอบงำแล้ว แต่หลังจากสู้ด้วยกันอย่างหนักไป๋จูเหวินกลับรู้สึกเชื่อใจหยงเวยขึ้นมาเสียเฉยๆ
แน่นอนว่าไป๋จูเหวินไม่ได้เกรียดหยงเวยแต่อย่างไร แต่เดิมมันก็เป็นเพื่อนร่วมสํานักอยู่แล้ว เพียงแต่โดนโจมตีเท่านั้นเลยต้องตอบโต้ ไม่ว่ามันจะเป็นมารหรือไม่ สําหรับไป๋จูเหวินที่อยู่กับอสูรจนเคยชินแล้วมันยอมรับได้ไม่ยากหรอก