เขาพูดไม่เร็ว กู้จิ้งจึงพอจะฟังเข้าใจ

เขายังพูดถึงจ้าวจิ้งเทียนอยู่อีก? แถมยังบอกว่าต่อไปนี้จะแยกทางกับเธอ ทางใครทางมัน?

กู้จิ้งตื่นตระหนกมาก กำลังจะเอ่ยปากพูดก็เห็นเขาเดินออกไปเสียก่อน

มองดูแผ่นหลังกว้างที่แสนเดียวดายและห่างเหินนั้น กู้จิ้งนึกถึงตอนที่เพิ่งมาถึงยุคสมัยนี้ใหม่ๆ ตอนนั้นเธอยังไม่รู้อะไรสักอย่าง นึกถึงเรื่องเข้าใจผิดมากมาย นึกถึงหนทางหลบหนีที่แสนยากลำบาก นึกถึงเรื่องที่ถูกผู้คนขับไล่ ความเจ็บปวดก็ผุดขึ้นในใจ

ตอนนี้ ที่พึ่งเพียงคนเดียวของเธอ คนที่เธอเคยคิดว่าจะเป็นที่พึ่งที่แข็งแกร่งที่สุดของเธอในโลกที่ไม่คุ้นเคยนี้กลับจะทิ้งเธอไปแล้ว?

“นาย…” เธอร้องตะโกนเสียงดังเหมือนคนสติแตก “นายไม่ต้องการฉันแล้วหรือ?”

คำพูดประโยคนี้ใช้ถ้อยคำง่ายๆ เซียวเถี่ยเฟิงจึงฟังเข้าใจ

คำพูดเพียงไม่กี่คำที่ฟังเข้าใจพุ่งตรงเข้าสู่ส่วนที่อ่อนไหวที่สุดในหัวใจของเซียวเถี่ยเฟิงอย่างจัง

ปีนี้เขาอายุยี่สิบหกปี เคยผ่านความเจ็บปวดจากการสูญเสียบิดามารดาและต้องอาศัยอยู่ใต้ชายคาของผู้อื่น เคยเผชิญกับความยากลำบากในการร่อนเร่พเนจรและการต่อสู้อาบเลือด เขาคิดว่าตัวเองกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งและมีจิตใจเข้มแข็งจนไม่มีอะไรสามารถทำร้ายเขาได้อีกแล้ว

เขาสามารถทักทายคนในหมู่บ้านอย่างยิ้มแย้ม เป็นห่วงแม่ม่ายคนหนึ่งที่ต้องเดินทางเพียงลำพังในตอนกลางคืน เขาสามารถปล่อยให้อาสะใภ้รองหยิบฉวยเสบียงอาหารทั้งหมดที่เขามีอยู่ไป เขาถึงกับยอมให้จ้าวจิ้งเทียนบีบคั้นเขาจนต้องถอยซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นคนดีอย่างที่ใครๆ คิด

นี่เป็นเพียงเปลือกของความอดทนและความนอบน้อมมีน้ำใจที่เขาได้มาจากการเผชิญกับความโหดร้ายบนโลกมานานปีเท่านั้น หากขจัดเปลือกของความอดทนและความนอบน้อมมีน้ำใจออก ด้านในก็คือหัวใจที่ทั้งแข็งแกร่งเย็นชาและห่างเหินจนไม่มีใครสามารถสัมผัสได้

แต่ในคืนนั้นที่สวนแตง เมื่อเขาได้เห็นปีศาจสาวมุดออกมาจากถุงหนังเป็นครั้งแรก นางก็เปรียบเสมือนแสงสว่างที่พุ่งตรงเข้าสู่จุดที่อ่อนไหวที่สุดในหัวใจของเขา

นับแต่นั้นมาก็ไม่สามารถขจัดออกไปได้อีก แม้ไม่ต่างกับการกอดหนามแหลมเอาไว้ในอ้อมอก เขาก็เต็มใจ

บัดนี้ นางทำร้ายเขา ทำร้ายเขาอย่างแสนสาหัส แต่กลับมาร้องไห้ถามเขาว่าเขาไม่ต้องการนางแล้วหรือ?

คำพูดประโยคนี้กระแทกเข้าสู่หัวใจของเขา ความคับแค้นโกรธเคืองทั้งหมด ความริษยาชิงชังทั้งหมด เหมือนจะสลายกลายเป็นหมอกควันไปในชั่วพริบตา

นางคือปีศาจสาวของเขา ปีศาจสาวแสนโง่เขลาของเขา

ต่อให้ตอนที่พบกันครั้งแรกนางแทงเขาสองครั้ง แต่นั่นก็เป็นเพราะนางโง่เกินไป

ปีศาจสาวที่โง่เขลาเช่นนี้ ทำไมเขาจะไม่สามารถให้อภัยได้เล่า?

ดังนั้นเขาจึงหยุดเท้าแล้วหันกลับไป

ทันทีที่เขาหันกลับไป ปีศาจสาวก็โผเข้ามาหาแล้วกอดคอของเขาเอาไว้แน่นราวกับกลัวความเป็นความตายจะมาพรากพวกเขาออกจากกัน

“ฉันไม่อยากให้นายไป ต่อไป…ต่อไป…​” ปีศาจสาวน้อยใจและสิ้นหวังยิ่งกว่าเขาเสียอีก นางร้องไห้สะอึกสะอื้นจนแทบจะฟังไม่รู้เรื่อง “อย่างมากพอเห็นจ้าวจิ้งเทียน ฉันจะรีบหลบให้ไกลๆ เลย!”

เซียวเถี่ยเฟิงได้ยินเช่นนี้ก็กอดเธอเอาไว้แน่น

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ขอเพียงต่อไปเจ้าไม่แตะต้องเขาอีก เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเถิด”

เขากอดร่างนุ่มนิ่มในอ้อมอกเอาไว้พลางกล่าวเสียงแหบพร่า “ต่อไปขอเพียงเจ้าต้องการ ไม่ว่ามากแค่ไหนก็ได้ทั้งนั้น ข้าจะไม่มีวันไม่ยอมมอบให้เจ้าอีก ขอเพียงเจ้าไม่ไปหาจากคนอื่น ข้าอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น”

แต่กู้จิ้งผู้น่าสงสารจะรู้ได้อย่างไรว่าอะไรคือการดูดไอหยาง มันไม่อยู่ในขอบเขตของเรื่องที่เธอสามารถเข้าใจได้เสียด้วยซ้ำ

ดังนั้น ความหมายของคำพูดประโยคนี้ในสมองของเธอจึงกลายเป็นว่า ต่อไปไม่ว่าเจ้าจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น ต้องการมากแค่ไหนก็ได้ทั้งนั้น ขอเพียงเจ้าไม่ไปรังแกคนอื่นอีก ข้าอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น

เธอได้ยินเช่นนี้ก็ยิ่งร้องไห้หนัก ใจคิดว่าถึงผู้ชายคนนี้จะเอาแต่ปกป้องผู้ชายคนอื่น แต่อย่างน้อยเขาก็เห็นความสำคัญของเธอ

“ฉัน…ฉัน…ฉันมีแต่นายแล้ว!” เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าวต่อ “บนโลกนี้ฉันมีแค่นายเท่านั้น ไม่มีใครอื่นอีกแล้ว!”

เซียวเถี่ยเฟิงได้ยินคำพูดประโยคนี้อย่างชัดเจน ไม่มีอะไรให้เข้าใจผิดอีก!

ความรักและสงสารอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนผุดขึ้นในอกของเขา เขาอยากกอดนางไว้แน่นๆ ให้ร่างของนางหลอมรวมเข้ากับเลือดเนื้อของเขาเสียให้รู้แล้วรู้รอด

เขาคิดมาตลอดว่าตัวเองผ่านความยากลำบากมานานปีจนสามารถมองทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ด้วยสายตาเรียบเฉย และคงไม่สามารถอ่อนโยนกับใครได้ทั้งนั้น

แต่เขากลับได้พบกับนาง

พบกับนาง ความละโมบและความคาดหวังที่เขาฝังลึกเอาไว้ในหัวใจจนแม้กระทั่งตนเองก็ยังไม่รู้ รวมทั้งความปรารถนาที่จะได้ครอบครองล้วนถูกปลดปล่อยจากส่วนลึกของวิญญาณ มันเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งครอบงำความคิดทั้งหมดของเขา

ตอนนี้เขาไม่คิดอะไรอื่นอีกแล้ว แค่อยากจะแสดงความในใจกับนางให้สะใจสักครั้งเท่านั้น

เขากอดปีศาจสาวในอ้อมอกแน่น ความรู้สึกหวานชื่นแกมเปรี้ยวฝาดผุดขึ้นในใจ ปลายคางแข็งกระด้างถูไถกับเส้นผมหอมกรุ่นอ่อนนุ่มของนางอย่างเร่งร้อน ปากพึมพำเสียงแหบพร่าว่า “ข้าก็เหมือนกัน ข้ามีเพียงเจ้าเท่านั้น!”

ระหว่างที่พูด มือใหญ่ของเขาก็ประคองด้านหลังศีรษะของนางเอาไว้ บังคับให้นางเงยหน้าขึ้น จากนั้นเขาก็ค้อมกายลงมา

ชั่วขณะนั้น ฝนซา สายลมพัดแรง ผ่านศึกสงครามใหญ่น้อย ยังไม่คลายเมามาย

วิญญาณบ้าคลั่งราวเข้าสู่นาวาเซียน

 

เช้าวันนี้ เมื่อกู้จิ้งตื่นขึ้นมาก็พบว่าด้านนอกกำลังมีฝนตกปรอยปราย

เตียงที่นอนอยู่ติดกับหน้าต่าง พอชะโงกหน้าออกไปดูก็พบว่าท้องฟ้ากำลังมืดครึ้ม หยาดฝนกำลังโปรยปรายลงมา ทำให้หลังคาสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดเหมือนถูกปกคลุมด้วยหมอก

ที่ลานด้านนอกมีพนักงานคนหนึ่งกำลังรีบร้อนยกอาหารจากห้องครัวไปส่งให้แขก

กู้จิ้งรีบหดศีรษะกลับมา

เมื่อวานยังรู้สึกว่าบรรยากาศรอบด้านเหมือนฤดูร้อน แต่หลับไปแค่คืนเดียว พอตื่นขึ้นมาเห็นฝนปรอยปราย กู้จิ้งถึงได้รู้สึกว่าที่แท้กำลังจะเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว

กำลังนอนพังพาบอยู่ตรงขอบหน้าต่าง จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมาเกี่ยวตรงเอว ทำให้สูญเสียการทรงตัว ทันใดนั้นร่างของเธอก็ล้มลงบนเตียง

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นก็เห็นเซียวเถี่ยเฟิงกำลังนอนหลับตาอยู่ตรงนั้น แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมขาของเขาถึงยื่นมาเกี่ยวเอวของเธอได้

นี่…

มองดูชายหนุ่มที่กำลังหลับตาแสร้งทำเป็นนอนหลับ พอคิดถึงเรื่องเมื่อคืนวานขึ้นมา ใบหน้าของเธอก็ร้อนผ่าว

คิดไม่ถึงจริงๆ เดิมคิดว่าเป็นแค่หนังสติ๊กบ้านนอก ที่แท้ก็ปืนใหญ่ดีๆ นี่เอง!

ถึงแม้ว่าเธอจะมีประสบการณ์ในวิชาชีพแพทย์ ทั้งยังเป็นผู้หญิงที่มีความรู้รอบตัวและล่วงรู้ทฤษฎีต่างๆ มากมายนับไม่ถ้วน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ปฏิบัติจริง

มีแต่การสัมผัสด้วยตัวเองเท่านั้น ถึงจะรู้ว่ารสชาตินั้นเป็นอย่างไร

เธอเม้มริมฝีปากแล้วหันไปเท้าคางกับขอบหน้าต่าง มองสายฝนที่กำลังโปรยปรายต่อ

ชายหนุ่มที่ด้านหลังลุกขึ้นนั่งแล้วยื่นแขนเปล่าเปลือยมาโอบรอบเอวเธอเอาไว้

“เจ้า…ชอบไหม?” เขาซบหน้าอยู่ตรงข้างหูเธอครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถามเบาๆ เสียงของเขาแหบพร่า เปี่ยมด้วยเสน่ห์ของบุรุษเพศ

“อืม” แม้เธอจะไม่ใช่คนหน้าบาง แต่ก็ไม่ถึงกับกล้าประกาศออกมาดังๆ ว่าชอบ

เซียวเถี่ยเฟิงฟังน้ำเสียงกังวานใสของอีกฝ่ายแล้วก็อดนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวานไม่ได้ พอนึกขึ้นมาก็แทบจะตัดใจไม่ได้เลยทีเดียว

ก่อนหน้านี้ตอนที่ถูกนางดูดไอหยางในถ้ำ เขาคิดว่าเป็นเรื่องที่ทำให้เขามีความสุขที่สุดแล้ว ตอนนี้มาคิดดูถึงได้รู้ว่าบนยอดเขามีทิวทัศน์ที่งดงามเพียงใด และตอนนั้นเขาก็อยู่ที่เชิงเขาเท่านั้น

เขาคว้าเอวเธอมากอดเอาไว้พลางกล่าวเสียงต่ำ “เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับสักเท่าไหร่ เราเองก็ไม่มีธุระเร่งร้อนอะไร นอนต่ออีกสักหน่อยดีหรือไม่?”

กู้จิ้งไม่ใช่คนโง่ ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็แค่นเสียงฮึคำหนึ่ง “นอนต่อคืออะไร?”

แม้จะมีคำศัพท์บางคำที่ฟังไม่เข้าใจ แต่แววตาที่เร่าร้อนปานจะแผดเผาผู้คนกับมือที่กอดเธอเอาไว้ไม่ยอมปล่อยก็ทำให้เธอเข้าใจความหมายของเขาอย่างชัดเจน

ก็กินหนึ่งครั้งไม่พอ ยังอยากจะกินอีกน่ะสิ!

เธอย่อมไม่เต็มใจ เพราะกำลังปวดเอวอยู่!

แต่เซียวเถี่ยเฟิงไม่ยอมแพ้ เขากอดเธอเอาไว้พลางปลอบประโลมเสียงเบา “ปีศาจน้อยคนดีของข้า ให้ข้าอีกครั้งเถอะนะ”

จริงๆ คือเซียวเถี่ยเฟิงคิดจะมอบไอหยางให้นางอีกครั้ง

เพราะเขาค้นพบว่า การดูดไอหยางด้วยวิธีเช่นนี้ไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายของบุรุษ เกรงว่าคงมีแต่การใช้เวทศาสตราดูดไอหยางเท่านั้นถึงจะทำให้บุรุษได้รับบาดเจ็บ

เมื่อคิดเช่นนี้เขาก็รู้สึกว่า บางทีเมื่อวานนางคงจะแค่ใช้เวทศาสตราดูดไอหยางของจ้าวจิ้งเทียน ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น อย่างมากก็แค่จูบปากเท่านั้นใช่ไหม?

เขาเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับพรหมจรรย์ของอิสตรีมาบ้าง รู้ว่าหญิงสาวบริสุทธิ์จะมีเลือดออกในครั้งแรก และปีศาจสาวของเขาเองก็มี

เรื่องนี้ทำให้เขาตระหนักว่า เรื่องเล่าขานเกี่ยวกับปีศาจที่ร่ำลือกันมาแต่โบราณเหล่านั้นไม่ได้พูดถึงปีศาจสาวของเขา แต่เป็นปีศาจตนอื่น

ปีศาจสาวของเขาไม่เคยมีผู้ชายคนไหนก่อนหน้าเขาทั้งนั้น