ตอนที่ 204 มันยุติธรรมที่ไหน

หลังจากการประกาศของเธอซ่งหลิงเอ๋อร์ก็กลับไปนั่งในท่าทางสบายๆ ราวกับว่าสิ่งที่เธอพูดไปเป็นเรื่องสบายๆ

ในขณะเดียวกันฝูงชนก็ระเบิดเสียงขึ้นจากเดิมที่เริ่มสงบลงกลับวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง

“ผู้อาวุโสซ่ง จะรับศิษย์เพิ่มงั้นหรอ! แต่ถ้าข้าจําไม่ผิดเธอบอกว่าเธอจะไม่รับศิษย์อีกแล้วหลังจากที่เธอรับศิษย์ทั้งสองคนในปัจจุบันของเธอเมื่อหกปีก่อนหนิ!”

อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกคนที่ตื่นเต้นกับการประกาศของซ่งหลิงเอ๋อร์

“เธอนี่ช่างสรรหาคํามาพูดจริงๆ…ข้าไม่คิดว่าเธอจะตอบกลับเราด้วยวิธีนี้และยังเร็วขนาดนี้..” ผู้อาวุโสชาน รู้สึกคิ้วกระตุกเมื่อได้ยินคําประกาศของซ่งหลิงเอ๋อร์

“เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าศิษย์หยวนมีความสามารถที่จะประสบความสําเร็จ และจะเป็นที่หนึ่งในบรรดาผู้เข้าร่วมทั้งหมด เธอถึงตั้งใจประกาศแบบนั้นออกมาเพื่อใช้ฝูงชนกดดันให้ศิษย์หยวนยอมรับเป็นการกระทําที่ยอดเยี่ยม แต่ไร้ยางอาย!” ผู้อาวุโสซวนส่ายหัวเขาไม่แน่ใจว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้กับความพยายามของซ่งหลิงเอ๋อร์ใน การบังคับให้หยวนเข้าร่วมนิกายดนตรีสวรรค์

“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าศิษย์หยวนไม่ได้อันดับหนึ่ง?” ชวนหวู่ฮั่นถามด้วยความสงสัย

“ไม่ นั่นเป็นไปไม่ได้แม้ว่าจะมีผู้ตัดสินอีกสองคนอยู่ที่นั่น แต่การตัดสินของผู้อาวุโสซ่งจะมีน้ําหนักมากกว่าการตัดสินของพวกเขา ถ้าเธอบอกว่าที่หนึ่งเป็นของศิษย์หยวน เขาจะได้ที่หนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัยใครจะกล้า สงสัยในการตัดสินของเธอ ใครจะมีหลักฐานยืนยันว่าการตัดสินของเธอผิดพลาด! ไม่มีใครสามารถทําได้!” ผู้อาวุโสซวนอธิบายให้เธอฟัง

“นอกจากนี้ด้วยความสามารถของศิษย์หยวนไม่มีใครคิดว่าการตัดสินของผู้อาวุโสซึ่งไม่ยุติธรรมแน่นอน!”

“นะ…นี่มันไม่ยุติธรรมจริงๆ! นี่มันเป็นยังงี้ไปได้ยังไง! คนที่มีชื่อเสียงอย่างผู้อาวุโสซ่งจะลดระดับตัวเองลงไปถึงเพียงนี้เชียวหรือ เพียงเพื่อต้องการให้หยวนเป็นศิษย์ของเธอเท่านั้นงั้นหรอ ข้าไม่เข้าใจเธอเลย…” ซวนหวู่ฮั่นถอนหายใจ

ผู้อาวุโสซวนและผู้อาวุโสชานมองไปที่ ซวนหวู่ฮั่นด้วยท่าทางแปลกๆถ้าซวนหวู่ฮั่นรู้ว่าหยวนมีความสามารถเพียงใดเธอจะเข้าใจถึงความสิ้นหวังของซ่งหลิงเอ๋อร์ ในความเป็นจริงถ้าสลับบทบาทของหลงอี้จุนกับซ่งหลิงเอ่อร์ หลงอี้จุนก็คงทําไม่ต่างกัน เขาจะทําทุกวิถีทางเพื่อแย่งชิงหยวนมาเป็นศิษย์ให้ได้

ในเวลาต่อมาผู้อาวุโสกระแอมในลําคอของเขาและเขาก็พูดด้วยเสียงที่ชัดเจน

“ตอนนี้เรามาพูดถึงการแข่งขันกันต่อเถอะ”

“การแข่งขันจะถูกบางออกเป็นสามส่วนที่แตกต่างกันและเจ้าจะได้รับคะแนนจากหนึ่งถึงสิบจากผู้ตัดสินแต่ละคน เมื่อสิ้นสุดการแข่งขันทีมใดที่มีคะแนนมากที่สุดจะได้รับการประกาศเป็นที่หนึ่ง”

“สําหรับส่วนแรกเราจะให้เจ้าแต่ละคนเล่นโน้ตดนตรีสามตัว ไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้นเจ้าสามารถเล่นโน้ตใดก็ได้ที่เจ้าต้องการ แต่เจ้ามีโอกาสเพียงสามตัวเท่านั้นดังนั้นจงเลือกอย่างชาญฉลาด”

ผู้อาวุโสซูชี้ไปที่ผู้เข้าร่วมที่นั่งแถวแรกและพูดว่า

“เราจะเริ่มจากเจ้าเจ้ามีเวลาเตรียมตัว 30 วินาที่เริ่มเลย”

สถานที่แห่งนี้เงียบลงในทันทีและสายตานับล้านก็จับจ้องไปที่ผู้เข้าร่วมการแข่งขันคนนี้ ก่อนส่งแรงกดดันที่มองไม่เห็นไปยังเขา ราวกับว่ามีภูเขาลูกใหญ่กําลังกดทับตัวเขาอยู่

มือของผู้เข้าร่วมคนนี้สั่นเทา เขาเอื้อมไปยังพิณที่อยู่บนโต๊ะของเขาและครูต่อมาเขาก็เริ่มเล่น

ติ๊ง…ติ้ง…ติ๊ง…

โน้ตดนตรีที่ฟังดูน่าอึดอัดสามเพลงดังก้องอยู่ในบริเวณนั้นทําให้ผู้ฟังขมวดคิ้วทันที

อย่างไรก็ตามไม่มีผู้ชมคนใดส่งเสียงหรือบ่นใดๆ พวกเขารอคําตัดสินของผู้ตัดสินเงียบๆ

ผู้อาวุโสและผู้อาวุโสจึงหันไปมองซ่งหลิงเอ๋อร์ราวกับว่าพวกเขากําลังรอให้นางตัดสินก่อน แต่หลังจากเห็นว่าเธอไม่ได้ขยับตัวแม้แต่นิดเดียวพวกเขาก็ตัดสินใจที่จะตัดสินก่อน

“ศูนย์”

ผู้อาวุโสซูพูดด้วยน้ําเสียงเย็นชา

“ศูนย์”

ผู้อาวุโสจิ้งพูดตาม

เมื่อผู้ตัดสินคนอื่นให้คําตัดสินในที่สุดซ่งหลิงเอ๋อร์ก็พูดขึ้นและน้ําเสียงเย็นชาของเธอดังก้องอย่างชัดเจนในสถานที่นั้น

“ไม่จําเป็นต้องให้ค่ของเจ้าเล่นแล้ว เจ้าสองคนไปจากที่นี่ได้ เจ้าไม่มีคณสมบัติในการเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้”

ผู้เข้าร่วมพยักหน้าด้วยใบหน้าแดงก่ําและน้ําตาไหล แต่เขาก็ไม่บ่นสําหรับคู่หูของเขา เขาจ้องมองด้วยสีหน้ากราดเกรี้ยวและเขาก็นิ่งเงียบเช่นกัน

หลังจากก้มหัวให้ซ่งหลิงเอ๋อร์และคนอื่นๆแล้ว ทั้งสองก็ออกจากพื้นที่นี้ด้วยความอับอาย

“ต่อไป” ผู้อาวุโสซูมองไปที่ผู้เข้าร่วมคนต่อไปทันที

ไม่กี่วินาทีต่อมาโน้ตที่สวยงามสามตัวก็ดังก้องในพื้นที่

“ห้า” ผู้อาวุโสซูประกาศ

“หก” ผู้อาวุโสจึงประกาศตาม

“สอง” ซึ่งหลิงเอ๋อร์พูดด้วยน้ําเสียงเรียบๆ

“….”

ผู้ชมรู้สึกงุนงงเล็กน้อยกับคะแนนของซ่งหลิงเอ๋อร์ที่ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับผู้ตัดสินอีกสองคนอย่างไร ก็ตามพวกเขาไม่แปลกใจมากนักเนื่องจากคนอย่างซ่งหลิงเอ๋อร์ต้องมีมาตรฐานที่สูงมากเนื่องจากประสบการณ์ และภูมิหลังของเธอ

ไม่กี่นาทีต่อมามีการให้คะแนนทีมมากกว่าสิบทีม แต่ซ่งหลิงเอ๋อร์ยังไม่ยอมให้ใครอยู่เหนือสามคะแนน

ครึ่งชั่วโมงและหลายร้อยทีมต่อมาในที่สุดพวกเขาก็มาถึงทีมที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงเนื่องจากพวกเขาติดอันดับหนึ่งใน 20 อันดับแรกในการแข่งขันครั้งก่อน

สามโน้ตดนตรีต่อมาผู้ตัดสินทั้งสองมองไปที่ซ่งหลิงเอ๋อร์

อย่างไรก็ตามเธอยังคงเงียบ

อีกไม่กี่วินาทีต่อมาผู้อาวุโสซูประกาศคะแนนออกมา

“แปดคะแนน”

“แปดคะแนนจากข้าเช่นกันเยี่ยมมาก”

ทุกคนที่นั่นหันไปมองซ่งหลิงเอ๋อร์และรอคอยการตัดสินของเธออย่างอดทน

สองวินาทีต่อมาเธออ้าปากและพึมพํา

“หกคะแนน”

“โอ้! ในที่สุดก็มีคนทําคะแนนได้เหนือสามคะแนนและยังเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า!”

“คนๆนั่นเป็นใครข้าไม่คิดว่าข้ารู้จักชื่อของเขา”

“นั่นคือ หนิงเซียง เขาเข้าร่วมการแข่งมา 11 ครั้งแล้ว และหลังจากนั้นเขาก็ฝึกหนักมาตลอด”

สิบนาทีต่อมาอีกทีมได้รับมากกว่า 5 คะแนนจากซ่งหลิงเอ๋อร์ ในตอนนี้ผู้ชมและผู้เข้าร่วมต่างก็สนใจเฉพา คําตัดสินของซ่งหลิงเอ๋อร์และแทบไม่ได้ให้ความสนใจกับผู้อาวุโสขู่และผู้อาวุโสจิ้ง

หลังจากนั้นไม่นานในที่สุดก็ถึงคราวศิษย์ของซ่งหลิงเอ๋อร์

“ดูสินั่นคือไอหวางและเว่ยทั้งศิษย์ของผู้อาวุโสซ่ง! ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาจะเข้าร่วมการแข่งขัน!” ผู้ชมจําพวกเขาได้ทันที

“อะไรนะ! นี่มันยุติธรรมที่ไหน! พวกเขาจะได้ที่หนึ่งอย่างแน่นอน! นี่อาจเป็นสาเหตุที่ผู้อาวุโสซ่งประกาศว่าเธอเปิดรับศิษย์ใหม่! เพราะเธอรู้ว่าการจะได้เป็นที่หนึ่งนั้นยากเพียงใดเมื่อมีสาวกของเธอเข้าร่วม!”

ผู้ชมตกตะลึงกับการปรากฏตัวที่ไม่คาดคิดของพวกเขา