ตอนที่ 203 มองหาบุคคลที่มีควา…

หลังจากที่ผู้อาวุโสซูพูดเกี่ยวกับการแข่งขันและประวัติบางส่วนเสร็จแล้ว เขาก็หันไปมองซ่งหลิงเอ๋อและพูดว่า

“ผู้อาวุโสซึ่งพวกเราพร้อมที่จะเริ่มการแข่งขันหรือยัง?”

ซ่งหลิงเอ๋อเกือบราวกับว่าเธอไม่ได้ยินในสิ่งที่ผู้อาวุโสซูพูดเธอไม่ตอบคําถามของเขา ทําให้ผู้อาวุโสซูพูดซ้ำเป็นครั้งที่สอง

“ผู้อาวุโสซ่งพวกเราพร้อมที่จะเริ่มการแข่งขันหรือยัง?”

“เอ๊ะเจ้าว่ายังไงนะ?” จู่ๆซ่งหลิงเอ๋อก็ตอบด้วยเสียงดังเหมือนเธอตกใจกับสิ่งที่ผู้อาวุโสซูพูด และหันไปมองผู้อาวุโสซูด้วยใบหน้าที่ตกตะลึง

“ข้าพูดว่าพวกเราพร้อมที่จะเริ่มการแข่งขันแล้วเหลือเพียงท่านพร้อมผู้อาวุโสซ่ง”

ซ่งหลิงเอ๋อพยักหน้า

“อ๋อ พวกเราเริ่มได้เลย”

ผู้อาวุโสซูพยักหน้าจากนั้นเขาก็หันไปมองผู้เข้าร่วมหลายพันคนที่นั่นและพูดว่า

“ตามข้าไปที่เวทีที่เจ้าจะแสดงต่อหน้าผู้คนนับล้าน”

ผู้เข้าร่วมที่นั่นกลืนน้ําลายอย่างประหม่าเมื่อได้ยินว่าจะมีคนหลายล้านคนเป็นผู้ชม

พวกเขาคาดหวังและเตรียมตัวสําหรับฝูงชนจํานวนมาก แต่พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าจะมีผู้ชมจํานวนมากข นาดนี้! นี่จะต้องเป็นเพราะอิทธิพลของวังสวรรค์และโลก และบรรดาผู้ที่มาเพื่อดูซ่งหลิงเอ๋อแห่งนิกายดนตรีสวรรค์แน่ๆ!

ผู้อาวุโสซูหันกลับมาและเดินเข้าไปในอาคารพร้อมผู้เข้าร่วมการแข่งขันที่กําลังเดินตามเขาไป

ไม่กี่นาทีต่อมาผู้อาวุโสซูนําพวกเขาผ่านอาคารทั้งหมดและเข้าไปในพื้นที่โล่งอันกว้างใหญ่ซึ่งทอดยาวเป็นไมล์โดยมีผู้ชมปิดกั้นทัศนียภาพในทุกทิศทางเนื่องจากคนจํานวนมาก

แต่เมื่อมองอย่างละเอียดแล้ว พื้นที่นั้นไม่ได้ว่างเปล่าซะทีเดียว ในพื้นที่นั้นมีโต๊ะไม้ขนาดเล็กหลายพันตัววางอยู่รอบๆอย่างเป็นระเบียบ และมีพิณวางอยู่ด้านบนโต๊ะ

ยิ่งไปกว่านั้นพิณแต่ละตัวยังดูเหมือนกันทุกประการและไม่มีตัวใดที่ดูแตกต่างไปจากตัวอื่น ในความเป็นจริงพวกมันทั้งหมดล้วนเป็นเพียงพิณธรรมดา

เมื่อผู้ชมเห็นผู้เข้าร่วมการแข่งขันออกมาจากอาคารเสียงในบริเวณนั้นก็ระเบิดขึ้นด้วยเสียงของความตื่นเต้นทําให้อากาศบริเวณนั้นถึงกับสั่นสะเทือนด้วยคลื่นเสียงจํานวนมหาศาล

“เจ้ามีเวลาห้านาทีในการหาที่นั่งและให้คู่หูของเจ้านั่งข้างๆกัน” ผู้อาวุโสซูกล่าวกับพวกเขา

หลังจากนั้นผู้เข้าร่วมแข่งขันก็กระจัดกระจายกันออกไปหาที่นั่งเหมือนกับมดงาน

แม้ว่าในตอนแรกมันจะค่อนข้างยุ่งเหยิงและวุ่นวาย แต่ผู้เข้าร่วมทั้งหมดก็นั่งก่อนเวลาจะหมดได้ทัน

เมื่อทุกคนได้ที่นั่งแล้วผู้ตัดสินทั้งสามก็กระโดดขึ้นไปบนแท่นสูงสามแท่นที่วางอยู่ตรงหน้าผู้เข้าร่วมก่อนที่จะนั่ง

ผู้ตัดสินที่นั่งตรงกลางคือซ่งหลิงเอ๋อโดยมีผู้อาวุโสซูอยู่ทางด้านขวาของเธอและผู้อาวุโสจิ้งอยู่ทางด้านซ้ายของเธอ

“ขอบคุณทุกคนที่มาที่นี่ในวันนี้” ผู้อาวุโสซูพูดด้วยน้ําเสียงที่สงบ แต่เสียงของเขาก็ดังและกระเพื่อมไปทั่วบริเวณราวกับว่าเขากําลังใช้ไมโครโฟนที่มองไม่เห็น

“ก่อนที่เราจะเริ่มให้ข้าแนะนําตัวเองก่อน”

จู่ๆผู้อาวุโสซูก็ลุกขึ้นยืนและแนะนําตัวเองว่า

“ข้าชื่อซูฟูเจียน ตอนที่ข้าเล่นพิณครั้งแรก ข้าอายุแค่ 7 ปีและมันเป็นเวลากว่า 135 ปีแล้วที่ข้าเริ่มฝึกเล่นพิ ณ แต่นั่นไม่ได้ทําให้ความตื่นเต้นในวันนี้ของข้าลดลงแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าข้าจะทําการตัดสินมา 9 ครั้งแล้วก็ตาม!”

หลังจากแนะนําตัวสั้นๆผู้อาวุโสซูก็กลับไปที่นั่งของเขาในขณะที่ผู้อาวุโสของนิกายจากวังสวรรค์และโลกลุกขึ้นยืนและเริ่มแนะนําตัวเองด้วยออร่าที่น่าภาคภูมิใจรอบตัวเขา

“ข้าสกุลจิ้งและข้าเป็นผู้อาวุโสของนิกายวังสวรรค์และโลก ข้าเป็นผู้ดูแลศิษย์ชั้นใน ข้ายอมรับว่าประสบการณ์ของข้ากับพิณนั้นไม่ได้มากมายหรือลึกซึ้งเท่ากับผู้ตัดสินอีกสองคน แต่กระนั้นข้าก็เป็นผู้ดูแลศิษย์ที่มีความสามารถกว่า 100 คน นั่นทําให้ข้าได้มาเป็นผู้ตัดสินในวันนี้

หลังจากผู้อาวุโสจิ้งนั่งลงทุกคนในบริเวณนั้นก็หันไปมองร่างที่สวยงามที่นั่งอยู่ตรงกลาง การจ้องมองของพวกเขาเต็มไปด้วยความชื่นชมและความคาดหวัง

ครู่ต่อมาซ่งหลิงเอ๋อลุกขึ้นและถอดผ้าคลุมออกเผยให้ผู้ชมเห็นความงามที่ไม่มีใครเทียบได้

“สวรรค์! ช่างงดงามยิ่งนัก!”

“สวยอย่างกับเทพธิดาแห่งพิณ! ความงามของเธอไร้ที่ติ!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า! ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อชมการแข่งขันพิณหรอก ที่มาก็เพื่อมาเป็นโฉมเธอให้เป็นบุญตาก็เท่านั้น ข้าตายตาหลับแล้ว นางสวยที่สุดตั้งแต่ที่ข้าเห็นผู้หญิงมาเลย”

“อ้าาาาาา! ผู้อาวุโสซ่ง นางฟ้า ข้ารักท่าน!”

เสียงชื่นชมไม่ว่าจากชายและหญิงดังอื้ออึงไปทั่วสนามเหมือนกับเสียงผู้ชมในคอนเสิร์ตกําลังส่งเสียงให้กําลังใจนักร้องบนเวทีแต่เป็นคอนเสิร์ตที่มีผู้ชมกว่าล้านคน

อย่างไรก็ตามซ่งหลิงเอ๋อไม่ได้ใส่ใจกับเสียงดังที่เกิดขึ้น สายตาของเธอยังคงจับจ้องไปในทิศทางที่แน่นอน

เมื่อสังเกตเห็นสิ่งนี้ผู้อาวุโสซูจึงมองตามการจ้องมองของเธอและหันไปมองในทิศทางที่เธอกําลังมองไป

ไม่แปลกใจเลย?” รอยยิ้มเล็กน้อยปรากฏบนใบหน้าของเขาเมื่อผู้อาวุโสซูมองตามเธอไป เขาก็รู้ว่าผู้อาวุโสซ่งจ้องไปที่ชายใส่หน้ากากหยกสีดํา ข้างๆเขามีเด็กสาวสวยมากคนหนึ่ง

“เธอสนใจเขาขนาดนี้เลยหรอ?” แต่ข้าไม่ตําหนิเธอหรอก เธอมักจะพูดเสมอว่าเธอจะเป็นคนแรกที่เล่นพิณบ่วงวิญญาณได้…แต่ความฝันนั้นกลับถูกเด็กที่ไหนไม่รู้ขโมยไป

ไม่กี่อึดใจต่อมาเมื่อเสียงเชียร์อื้ออึงนั้นเงียบลง ซ่งหลิงเอ๋อพูดด้วยน้ําเสียงที่สงบของเธอว่า

“ข้าเป็นผู้นํานิกายดนตรีสวรรค์ซ่งหลิงเอ๋อ พวกเรามักมองหาบุคคลที่มีความสามารถในด้านดนตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เชี่ยวชาญในด้านพิณ ดังนั้นหากเจ้าสามารถเป็นสิบอันดับแรกได้ ข้าจะพิจารณารับเจ้าเป็น ศิษย์ในนิกายดนตรีสวรรค์ ส่วนใครก็ตามที่ได้ที่หนึ่ง…ข้าจะให้เจ้าเป็นศิษย์หลักของข้าเอง!”

ฝูงชนต่างอ้าปากค้างด้วยความตกใจเมื่อได้ยินคําพูดดังกล่าวจากซ่งหลิงเอ๋อ วันนี้เธอจะมารับสมัครศิษย์งั้นหรอ? นี่เป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด แม้กระทั่งศิษย์ของเธอเองก็ไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนี้เหมือนกัน!

ในขณะเดียวกันหยวนก็มองไปที่ร่างสวยงามของซ่งหลิงเอ๋อจากด้านหลังหน้ากากและคิดกับตัวเองว่า

“ทําไมรู้สึกเหมือนว่าเธอพูดกับฉันเลย?