ใครก็ตามที่มาจากสังคมโลกใต้ดินก็จะรับรู้ได้ในทันที ว่าชายทั้งสี่คนนี้เป็นผู้พิทักษ์ที่โหดเหี้ยมทั้งสี่คนของแก๊งมังกร: ต้า หยวน เฮย หลาง เล้งเปา และ ฮั่น เหมียน พวกเขาเป็นคนที่มีความสามารถมากที่สุดในกลุ่มของ หลง ซานกุย ในช่วงที่ แก๊งมังกร มีชื่อเสียงโด่งดังในช่วงปีแรกๆ ทั้งสี่คนนี้ได้ทำภารกิจที่ยอดเยี่ยมสำเร็จครั้งแล้วครั้งเล่า พวกเขาเป็นนักสู้ที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี และมีความเชี่ยวชาญในการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา
เกิง โจวชิง ถูกทรมานราวกับว่าเขาไม่ใช่มนุษย์อย่างน่ากลัว เขาคร่ำครวญออกมาด้วยความปวดร้าวขณะที่มีเสียงทุ้มลึกดังออกมาจากลำคอ
หลังจากที่ขุดหลุมลึกประมาณสองเมตรและกว้างหนึ่งเมตรเสร็จ ต้า หยวน ก็เตะ เกิง โจวชิง ลงไปในหลุมในทันที
ในจังหวะนั้นเอง ประตูรถของรถยนต์ตรงกลางก็เปิดออก มันมีสุภาพบุรุษที่แต่งตัวเหมือนกับมาเฟียจากเซี่ยงไฮ้ในช่วงทศวรรษที่ 1930 เดินออกจากรถ เขาดูอายุไล่เลี่ยกับ ชู หยุนเชียง และสวมนาฬิกาพกที่ห้อยลงมาจากหน้าหน้าอก เมื่อพิจารณาจากท่าทางของเขาในแวบแรก เขาดูเหมือนกับเจ้าสัวที่ประสบความสำเร็จมากกว่าหัวหน้าโจรที่จะมาฆ่าและปล้นสะดม เขามีผมสีเกลือพริกไทยและมีรูปร่างที่ดูอ้วนท้วม
ชายคนนี้ได้สวมแหวนหยกโบราณที่นิ้วชี้ข้างซ้ายของเขา ชายคนนี้พิงไม้คำยันที่มีหัวมังกรแล้วเดินไปหา เกิง โจวชิง พร้อมกับหญิงสาวคนหนึ่ง
ผู้พิทักษ์ทั้งสี่ของแก๊งมังกรทำความเคารพเขาทีละคนและเรียกเขาว่า “พี่หลง” ด้วยความเคารพ
เมื่อเห็น หลง ซานกุย ลงจากรถ เกิง โจวชิง ที่อยู่ในหลุมก็รู้สึกตื่นเต้นมาก เขาร้องออกมาด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง อ้อนวอนขอให้ หลง ซานกุย ไว้ชีวิต
หลง ซานกุย ขมวดคิ้วแสดงความเสียใจเหมือนรุ่นพี่กับรุ่นน้องและถอนหายใจออกมา “โจวชิง ฉันรู้สึกผิดหวังในตัวแกมาก!”
เมื่อ เกิง โจวชิง ได้ยินคำพูดของ หลง ซานกุย ใบหน้าของเขาก็จมลงอยู่ใต้ความสิ้นหวัง น้ำตาของเขาไหลรินเหมือนกับเด็ก เขารู้แล้วว่าในวันนี้เขาคงจะต้องจบชีวิตลง
หลง ซานกุย คุกเข่าลงและยื่นมือใหญ่ออกไปลูบหัวของ เกิง โจวซิง พร้อมกับยิ้มิออกมาอย่างเศร้าๆ “อย่าโทษฉันเลย ตายอย่างสงบเถอะ ฉันจะส่งครอบครัวของแกตามไปในไม่ช้า เพื่อที่แกจะได้ไม่รู้สึกเหงา” หลง ซานกุย ยืนขึ้นแล้วโบกมือ ให้ชายทั้งสองคนที่ถือพลั่ว และพูดออกมาอย่างแผ่วเบาว่า “ฝังเขาซะ!”
“ครับ!”
ชายทั้งสองคนพยักหน้าตอบรับ พวกเขาเริ่มกลบดินเพื่อฝัง เกิง โจวชิง ทั้งเป็นในทันที
เมื่อมีการกลบดินเข้ามาการดิ้นรนของ เกิง โจวชิง ก็ดังขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ดินปิดจมูกและปากของเขา เสียงนั้นก็หยุดลงอย่างกะทันหัน จนกระทั่งทั้งร่างของเขาถูกฝังอยู่ใต้ดินจนกลายมาเป็นเนินเล็กๆที่อยู่บนพื้นผิว ชายทั้งสองคนของแก๊งมังกรเอาพลั่วมาตบๆที่หน้าดินอย่างแน่นหนาเสมือนกับหลุมฝังศพเล็กๆ
ผู้พิทักษ์ทั้งสี่ไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วในทางตรงกันข้ามพวกเขายังแสดงรอยยิ้มที่โหดร้ายบนใบหน้าด้วยความตื่นเต้นออกมาเสียด้วยซ้ำ ยกเว้นเพียงแต่สมาชิกธรรมดาของ แก๊งมังกร ที่มีสีหน้าผิดแปลก
“พี่หลง ไอเด็กที่นามสกุลเสี่ยว ให้ฉันไปจัดการมันเลยดีไหม ฉันจะไปตัดหัวของมันมาในคืนนี้เลย” ต้า หยวน อ้อนวอนพร้อมกับกำหมัดทั้งสองข้าง
หลง ซานกุย โบกมือของเขา: “เราไม่สามารถเตะต้องเขาได้ในตอนนี้”
ทั้งสี่คนตกตะลึงและ ต้า หยวน ก็รีบถามในทันทีว่า “ทำไม?” หลง ซานกุย พูดออกมาอย่างช้าๆว่า”หลังจากการสอบสวน มีความเป็นไปได้ที่มันน่าจะเป็นมือมืดที่ทำให้คนของเราเสียชีวิตในน้ำมือของตำรวจ และก็ดูเหมือนกับว่ามันจะเกี่ยวข้องกับการทำลายถ้ำขอทานของเรา ที่ซึ่งหัวล้านเป็นคนควบคุมด้วย ผู้ชายคนนี้เป็นศัตรูตัวฉกาจของเรา”
“ทั้งหมดที่พี่พูดมันคือเรื่องไร้สาระอะไร!”
หลง ซานกุย กระแทกไม้ค้ำของเขาอย่างรุนแรงลงกับพื้นและพูดออกมาว่า“มันทุบทำลายคาสิโน ฮวางเทียน ของฉัน ฉันเองก็แทบทนรอไม่ไหวแล้วเหมือนกันที่จะไปฉีกกระชากมันเป็นชิ้นๆ แต่อย่างไรก็ตาม ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ชู หยุนเชียง จะมุ่งมั่นที่จะปกป้องมันขนาดนี้”
ชู หยุนเชียง?
เมื่อได้ยินชื่อของ ชู หยุนเชียง ที่ใบหน้าของผู้พิทักษ์ทั้งสี่ ก็เปลี่ยนไปในทันที ในฐานะตัวแทนสีขาว ชู หยุนเชียง นั้นมีอิทธิพลเป็นอย่างมาก
ใน เจียงเฉิง ชู หยุนเชียง นั้นเปรียบเสมือนกับราชาอย่างแท้จริง!
ตอนนี้มี ชู หยุนเชียง เข้ามาแทรกแซง พวกเขาเริ่มรู้สึกได้ว่าสถานการณ์มันเริ่มที่จะไม่ดีแล้ว
“ชู หยุนเชียง ควรที่จะดูแลดินแดนของเขา มันไม่เป็นการดีเลยที่เขา จะมาแทรงแซง ในธุรกิจของแก๊งมังกรของเรา ดูเหมือนว่าเขาจะทำผิดกฎ” เล้งเปา พูดออกมาอย่างเย็นชา
หลง ซานกุย เค้นเสียงออกมา “กำปั้นของเขาใหญ่เขาจะทำอะไรก็ได้” หลังจากที่หยุดคิดไปอยู่ครู่หนึ่งเขาก็พูดต่อ“คืนพรุ่งนี้เขาจะจัดงานเลี้ยงที่ โรงแรมเมเปิ้ลลีฟ และเขาก็ยังได้เชิญฉันให้ไปที่งานเลี้ยง ดูเหมือนว่าเขาจะต้องการให้ฉันไม่ไประรานกับเด็กผู้ชายคนนั้น ต้า หยวน และ เล้งเปา พวกแกทั้งสองคนจะต้องไปกับฉันในวันพรุ่งนี้ แข้วพวกแกก็จะต้องคอยมองหน้าฉันเอาไว้ให้ดี ว่าฉันจะสั่งให้พวกแกทำอะไร”
“ได้ครับ”
ต้า หยวน และ เล้งเปา โค้งคำนับเล็กน้อย
“เมื่อมีคนที่ฉันอยากจะฆ่าแม้แต่ ชู หยุนเชียง ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของคนนั้นได้” หลง ซานกุย หรี่ดวงตาลงด้วยแววตาที่โหดเหี้ยม นัยน์ดวงตาของเขามันเต็มไปด้วยความอันตราย
……
พระอาทิตย์ยามเช้าลอยขึ้นเหนือขอบฟ้าอย่างช้าๆ และปลุกเมืองให้ตื่นจากการหลับไหล
จาง ซูซาน ใส่สูทและเตรียมตัวไปทำงานที่ บริษัท หลังฝาง ที่เขารับช่วงต่อมาจาก เสี่ยวหลัว และในตอนนี้เขาก็รับหน้าที่ในการตัดสินใจแทนผู้บริหารของ หลัวฝาง และแน่นอนว่าเมื่อมีเรื่องที่สำคัญ เขาก็ยังคงปรึกษา เสี่ยวหลัว ที่เป็นประธานที่แท้จริงของ บริษัท หลัวฝาง อยู่
“พยายามออกไปข้างนอกให้น้อยที่สุดในสองสามวันข้างหน้านี้ กินนอนและทำทุกอย่างที่ บริษัท ฉันกลัวว่าคนจากแก๊งมังกรอาจจะพยายามมาทำร้ายแก” เสี่ยวหลัว ที่นั่งอยู่บนโซฟาขณะที่เล่นกับแล็ปท็อปของเขา กล่าว เตือน จาง ซูซาน
“พอ! เลิกกังวลเกี่ยวกับฉันได้แล้ว แกควรจะให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของตัวแกเองมากกว่า” จาง ซูซาน ตอบอย่างหงุดหงิด
เสี่ยวหลัวเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ จาง ซูซาน แวบหนึ่งและพูดว่า“ไม่ต้องกังวล ฉันกล้าที่จะยั่วยุ หลง ซานกุย เพราะว่าฉันมั่นใจว่าฉันสามารถปกป้องตัวเองได้ สิ่งที่ต้องห่วงที่สุดก็คือ รุ่ยอิง,ถังเหริน และความปลอดภัยของแก หลง ซานกุย คงจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะจัดการกับคนรอบข้างของฉัน เพราะว่าเขาไม่สามารถจัดการกับฉันได้ ดังนั้นแกควรจะฟังฉัน และอยู่ใน บริษัท ดีกว่า อย่ากลับมาที่บ้านเลย”
“ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าแกเอาความกล้าหาญและความมั่นใจนั่นมาจากไหน แต่ฉันเชื่อในตัวแกและฉันก็จะรอคอยให้แกบดขยี้ หลง ซานกุย ให้ไปอยู่ใต้เท้าของแก” จาง ซูซาน รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเป็นภาระของ เสี่ยวหลัว เขาไม่สามารถช่วยอะไรเสี่ยวหลัวได้เลยสักอย่าง ที่เขาทำได้มีเพียงคอยหลบซ่อนตัวเหมือนกับหนูเท่านั้น
เสี่ยวหลัวพยักหน้าและยิ้มให้เขา
“ฉันจะไปทำงานแล้ว ยังไงก็ตามแกสามารถขับรถเส็งเคร็งของฉันได้เลย แกจะทำยังไงกับมันก็ได้ ฉันไม่ขออะไรมาก แค่ขอให้แกซื้อรถสปอร์ตคันใหม่มาให้ฉันก็เท่านั้น” จาง ซูซาน พูดกับ เสี่ยวหลัว ด้วยความคิดที่ฝันหวานของเขา
ใบหน้าของเสี่ยวหลัวถูกปกคลุมไปด้วยเส้นสีดำและเขาก็พูดว่า “ไปให้พ้น!”
“เฮ้เฮ้ … ” จาง ซูชาน วิ่งหนีไป
ในขณะนั้นเองโทรศัพท์มือถือก็มีข้อความใหม่แจ้งเตือนขึ้นมา
เสี่ยวหลัว หยิบมันขึ้นมาและดูวิดีโอที่ถูกส่งมาจาก ซุน เจียนอัน วิดีโอมันแสดงสถานที่ตรงระเบียงของห้องของผู้ป่วย ที่หน้าระเบียง ซุนยู้ ที่เริ่มมีสติแล้วนั่งอยู่บนรถเข็น และอาบแสงแดดอ่อนๆ เธอสวมชุดของโรงพยาบาล เมื่อแสงแดดสาดส่องมาที่เธอ เธอก็สวยงามราวกับนางฟ้า ตอนนี้บนใบหน้าของเธอนั้นมีรอยยิ้มที่สดใสและมีรอยยิ้มที่สวยงามปรากฏอยู่
เสี่ยวหลัวหัวเราะออกมาด้วยความโล่งใจ และมองไปที่ซุนยู้ ที่อยู่ในวิดีโอ และพึมพำกับตัวเองว่า “เริ่มต้นชีวิตใหม่ของคุณ แม้ว่าฉันจะไม่ได้อยู่ในโลกของคุณอีกต่อไปแล้ว แต่ตราบใดที่คุณสามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุข มันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดสำหรับฉันแล้ว ลาก่อน ซุนยู้!”
คำพูดสุดท้ายมันเต็มไปด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน จากนั้นเขาก็ปิดวิดีโอและวางโทรศัพท์ลง
เรื่องราวในอดีตทั้งหมดของเขากับซุนยู้ มันจะถูกปิดผนึกเอาไว้ในความทรงจำที่ดีที่สุดของเขา
วันนี้คือการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเธอ แต่สำหรับเขามันคือจุดเริ่มต้นของการเดินทางอีกครั้ง ตอนนี้เขาสามารถต่อสู้กับแก๊งมังกร ได้โดยที่ไม่มีสิ่งใดมารบกวนจิตใจได้อีกแล้ว