ตอนที่ 462 ตกสู่ฐานะเชลย
เนื่องด้วยการระเบิดเกิดขึ้นทั่วทั้งสี่ทิศทำให้อันหลิงเกอและมู่จวินฮานได้รับบาดเจ็บมิน้อย!
เป็นเหตุให้อันหลิงเกอตกตะลึง เพราะนางนึกมิถึงว่าอ๋องหนิงโหดเหี้ยมและคิดใช้วิธีการสังหารหมู่เช่นนี้!
หลังจากควันระเบิดพัดผ่านไป อันหลิงเกอและมู่จวินฮานก็แทบประคับประคองตนไว้มิได้ ส่วนหลี่ซู่อยากออกไปช่วยรบกลับถูกอันหลิงเกอคว้ามือไว้ “คุ้มกันประตูเมือง ! ”
ทางด้านอ๋องหนิงก็เดินกะเผลกเข้ามาหาอันหลิงเกอภายใต้การคุ้มกันของทหาร เมื่อเห็นอันหลิงเกอและมู่จวินฮานถูกมัดเอาไว้ อ๋องหนิงก็เผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา
‘เพียะ’ จากนั้นฝ่ามือของอ๋องหนิงก็ตบไปที่ใบหน้าของอันหลิงเกอก่อนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยม “เจ้าตัดเอ็นแขนขาทำให้ข้ากลายเป็นคนพิการ ข้ามิมีวันปล่อยเจ้าไปแน่ ! บัดนี้ข้าจักลงโทษเด็กเหลือขอที่มิรู้จักต่ำสูงเยี่ยงเจ้าต่อหน้าทหารของพวกเจ้าเอง!”
อันหลิงเกอมิรู้สึกเกรงกลัวในคำขู่ของอ๋องหนิงแม้แต่น้อย นางกลับรู้สึกโล่งอกที่ฝ่ามือเมื่อสักครู่มิได้ทำให้หน้ากากของตนหลุดร่วง มิเช่นนั้นหากเปิดเผยตัวตนก็เกรงว่าผลที่ตามมาต้องแย่ยิ่งกว่าเดิม
“อ๋องหนิง ! ” เวลานี้รถม้าของกองทัพใหญ่ต้าโจวได้วิ่งผ่านประตูเมืองแล้วเข้าใกล้ตัวอ๋องหนิง
“หลี่ซู่ ! ข้ามิบอกให้เจ้าคุ้มกันประตูเมืองมิใช่หรือ ! ”
“ข้าน้อยจักขออยู่กับท่านอ๋องและคุณชาย ! ”
“ข้าน้อยขออยู่กับท่านอ๋องและคุณชาย ! ”
ยังมิทันรอให้อันหลิงเกอกล่าวจบ ทหารทั้งหมดก็พากันตะโกนเสียงดัง
“อ๋องหนิง หากท่านมิยอมปล่อยท่านอ๋องมู่และคุณชายอัน ท่านก็กลับไปมิได้เช่นกัน” หลี่ซู่ข่มขู่
“หากข้าอยากให้พวกมันตายเล่า ? ” เมื่ออ๋องหนิงกล่าวจบก็สั่งให้ทหารของตนพาตัวทั้งสองคนที่โดนมัดไว้ขึ้นรถม้า ก่อนขี่ม้าตรงไปยังริมฝั่งแม่น้ำทันที
เมื่อเหตุการณ์เป็นเยี่ยงนี้ อันหลิงเกอก็ขมวดคิ้วมุ่น จากนั้นก็หันไปมองมู่จวินฮานที่อยู่ข้างกาย แท้จริงเขามิต้องโดนจับเป็นเชลยเช่นนี้ หากมิใช่เพราะทำเพื่อนาง
“เหล่าทหารฟังคำสั่ง ! ” อ๋องหนิงหยุดขบวนรถม้าที่ริมฝั่งแม่น้ำซึ่งสูงกว่าผิวน้ำสามจ้าง ( 10 เมตร ) ทำให้ดูคล้ายหน้าผาขนาดเล็ก ด้านล่างมีกระแสน้ำไหลเชี่ยวกรากดูอันตรายอย่างมาก
“ยิงธนู ! ”
หลังสิ้นสุดเสียงของอ๋องหนิง ลูกธนูนับมิถ้วนก็พุ่งตรงมาทางสองคนที่อยู่บนรถม้า มือและเท้าที่ถูกมัดเอาไว้มิสามารถหลบหลีกได้ แต่มู่จวินฮานพลิกตัวเพื่อป้องกันห่าธนูให้อันหลิงเกอ
“ไม่ ! ” เมื่อเห็นเยี่ยงนั้นอันหลิงเกอก็ส่งเสียงดังออกมาเพราะกลัวว่ามู่จวินฮานจักเป็นอันใดไป!
ทั้งสองคนอยู่ท่ามกลางลูกธนูจำนวนมาก แต่ทหารของต้าโจวมิสามารถเข้าใกล้ได้เพราะเกรงว่าหากเข้าไปใกล้อีกเพียงนิด อ๋องหนิงคงผลักรถม้าให้ตกลงแม่น้ำแน่นอน
“เป็นเช่นไร อันหลิงหยู วันนี้ข้าจักเอาชีวิตของเจ้า ! ” อ๋องหนิงตวาดใส่ทั้งสองคนด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม “ส่วนเจ้า อ๋องมู่ จงฝังร่างไปพร้อมพี่น้องผู้แสนดีของเจ้าเสีย ! ” หลังกล่าวจบเขาก็โบกมืออีกครั้ง ห่าธนูอีกกลุ่มหนึ่งก็ยิงตรงไปทางมู่จวินฮานและอันหลิงเกอ
สำหรับแคว้นชิงเยว่แล้วคิดอยากกำจัดมู่จวินฮานมาโดยตลอด ครานี้เป็นโอกาสดีที่ปล่อยไปมิได้เด็ดขาด
เมื่อทั้งสองต้องเผชิญหน้ากับห่าธนูอีกครั้ง มู่จวินฮานมองไปทางอันหลิงเกอซึ่งโดนมัดติดกับเขา ท่าทีเหมือนต้องการกล่าวอันใดบางอย่างแต่ก็มิได้กล่าวออกมา
อันหลิงเกอเห็นเช่นนี้ก็รับรู้ได้ในใจว่าคงหนีมิพ้นหายนะนี้เป็นแน่ แต่นางมิอยากให้มู่จวินฮานถูกทำร้าย ดังนั้นอันหลิงเกอจึงพลิกตัวแทรกเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาโดยใช้แผ่นหลังของนางปะทะกับห่าธนูที่พุ่งเข้ามาอย่างหนักหน่วงแทน
มู่จวินฮานเห็นธนูนับมิถ้วนเสียบแทงร่างของอันหลิงเกอ เขาจึงดิ้นสุดพลังเพื่อปกป้องนาง แต่ในระหว่างที่ดิ้นกลับสร้างความตกใจให้ม้าจึงทำให้ทั้งสองคนตกลงในแม่น้ำเย็นยะเยือก
“คุณชาย ! ”
“ท่านอ๋อง ! ”
เหล่าทหารมองไปยังแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว จากนั้นพากันวิ่งไปริมแม่น้ำแล้วกระโดดตามผู้เป็นนายที่ตกน้ำโดยมิสนใจเหล่าทหารแคว้นชิงเยว่ที่ยังอยู่ริมน้ำแต่อย่างใด ส่วนหลี่ซู่ก็ชักดาบเตรียมพุ่งเข้าไปสังหารอ๋องหนิงอย่างบ้าคลั่ง
“มิได้ ท่านแม่ทัพ อ๋องหนิงมิใช่ผู้ที่เราสังหารได้โดยพลการขอรับ” ทหารนายหนึ่งได้เอ่ยเตือนหลี่ซู่ขึ้นมา สุดท้ายก็ทำได้แค่จับตัวอ๋องหนิงและทหารนายอื่นไว้เป็นเชลย
ส่วนทหารที่ไปค้นหามู่จวินฮานกับอันหลิงเกอก็ทำการเสาะหาไปแล้ว 3 ชั่วยาม แต่เนื่องด้วยกระแสน้ำเชี่ยวกรากจึงมิรู้ว่าทั้งสองถูกพัดไปที่ใด ตอนนี้จึงทำได้เพียงค้นหาต่อไป…
จังหวะที่ตกสู่แม่น้ำ อันหลิงเกอแทบสิ้นสติ มู่จวินฮานอาศัยหินที่แตกหักในแม่น้ำทำการตัดเชือกแต่ก็จนปัญญาเนื่องจากกระแสน้ำค่อนข้างรุนแรง ริมฝั่งน้ำก็กว้างขวาง ร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บของเขามิมีแรงว่ายกลับขึ้นฝั่งจึงทำได้เพียงกอดอันหลิงเกอเอาไว้และปล่อยตัวให้ไหลไปตามกระแสน้ำ
มิรู้ว่าทั้งสองคนลอยไปกับกระแสน้ำนานแค่ไหนเพราะแม่น้ำค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นแคบลง มู่จวินฮานจึงคว้าท่อนไม้บนฝั่งจากนั้นก็พาอันหลิงเกอปีนขึ้นไป แต่เขาประคองตัวไว้มิอยู่และสุดท้ายก็หมดสติ
ครั้งนี้ผู้ที่ได้สติเป็นคนแรกคือมู่จวินฮาน เดิมทีอันหลิงเกอได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบกับอ๋องหนิงอยู่แล้ว อีกทั้งตอนนี้ยังโดนธนูจนได้รับบาดเจ็บสาหัส โชคดีที่มีชุดเกราะต้านทานแรงไว้มิน้อย
เมื่อสักครู่มู่จวินฮานมิทันสังเกตว่าหน้ากากที่บางราวปีกจักจั่นบนใบหน้าของอันหลิงเกอถูกกระแสน้ำพัดจนขาด เผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามออกมา
เขาได้แต่นึกชื่นชมอันหลิงเกอเพราะคาดมิถึงว่าพระชายาจักมีความสามารถถึงเพียงนี้ แม้ได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่มู่จวินฮานก็ยังอดยิ้มออกมามิได้ ดูท่าตนจักเก็บได้สมบัติล้ำค่าได้จริง
ทันใดนั้นเขาก็ฉุกคิดได้ว่าริมฝั่งน้ำคงมิปลอดภัย หากคนของอ๋องหนิงหาพวกเขาเจอก่อนก็เกรงว่าจักได้เข้าปากเสือและยากมีชีวิตรอดไปได้
ดังนั้นยามหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้เขาต้องพาอันหลิงเกอไปหาที่ซ่อนตัวก่อนแล้วค่อยรอทหารมาสมทบ
มู่จวินฮานอุ้มร่างของอันหลิงเกอขึ้นมา แม้ต้องใช้แรงมากแต่เขาก็ยังมุ่งมั่นพานางไปหาที่ซ่อนตัวในถ้ำ
เนื่องจากพลุส่งสัญญาณที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อของมู่จวินฮานถูกน้ำพัดหายไปแล้ว เกรงว่าต้องรอความช่วยเหลืออีกนาน เวลานี้เสื้อผ้าของทั้งสองเปียกชุ่มถ้าฝืนค้างคืนที่นี่มิถูกหมาป่าลากไปกินก็คงหิวตายเสียก่อน
ระหว่างทางมู่จวินฮานอุ้มอันหลิงเกอไว้แน่นพร้อมเสาะหาที่ซ่อนตัวและเขายังพรางตัวพยายามแทรกกิ่งไม้แห้งไว้ด้านหลัง จากนั้นพวกเขาก็มาถึงส่วนลึกของภูเขาก็พบว่าในป่าแห่งนี้มีถ้ำน้อยใหญ่อยู่มิน้อย จากนั้นมู่จวินฮานอาศัยแค่ประสบการณ์ลองเข้าไปตรวจสอบภายในถ้ำคนเดียว เพราะกลัวว่าถ้ำเหล่านี้จักเป็นที่หลบซ่อนตัวของสัตว์ป่า
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่มู่จวินฮานก็สามารถหาถ้ำที่ปลอดภัยได้ เขาจึงพาอันหลิงเกอเข้าไปด้านใน
ในเวลานี้อันหลิงเกอยังมิได้สติและโชคดีที่บาดแผลบนร่างกายได้รับการปกป้องจากชุดเกราะ ตอนนี้เมื่อถอดเกราะที่เปียกชุ่มออกจึงปรากฏรอยฟกช้ำและบาดแผลบนผิวหนังของนางแต่ก็มิได้บาดเจ็บถึงอวัยวะภายใน
เนื่องจากชุดเกราะทหารของต้าโจวคุณภาพดีมาก มิเคยมีการตัดทอนวัสดุ ด้วยเหตุนี้จึงช่วยชีวิตพวกนางไว้ได้ ตอนนี้นางแค่หมดสติไปจากการตกน้ำเท่านั้น
หลังจากนั้นมู่จวินฮานก็ทำการก่อไฟ แขวนเสื้อผ้าของตนบนต้นไม้ เหลือแค่เสื้อผ้าชั้นในแล้วนั่งอยู่ข้างกายของอันหลิงเกอ
ดูเหมือนตอนนี้อันหลิงเกอรู้สึกหนาวขึ้นมาจึงขยับร่างกายเข้าหาเขาโดยมิรู้ตัว มู่จวินฮานโอบกอดนางไว้เพื่อให้ความอบอุ่น
“อือ…”
อันหลิงเกอส่งเสียงครางออกมาหนึ่งครั้ง เมื่อลืมตาและเห็นภาพตรงหน้าก็ตื่นตระหนกโดยพลัน
เมื่อได้สติกลับมาแล้วเห็นคนข้างกายคือมู่จวินฮานผู้เป็นสามี นางจึงวางใจแต่ต้องเบิกตากว้างอีกครั้งเพราะนึกได้ว่าตนยังอยู่ในชุดบุรุษ การใกล้ชิดกับมู่จวินฮานเช่นนี้อาจทำให้เขารู้สถานะของนางเอาได้ !
เวลานี้นางจึงยืดกายนั่งตัวตรง มิรู้เขาจักตำหนินางว่าเป็นต้นเหตุพาซวยหรือไม่ ?
นางรีบยกมือขึ้นจับหน้ากากบนใบหน้าและพบว่ามิอยู่แล้ว นิ้วมือสัมผัสได้ถึงแก้มที่เย็นเยือก
“ข้า…”
อันหลิงเกออยากอธิบายแต่มิรู้ควรกล่าวเยี่ยงไร คงเพราะตื่นตระหนกจากการจมน้ำไปชั่วขณะนั่นเอง