บทที่ 281 ปล่อยเลือดก่อน ทำให้ป่วยก่อนแล้วจึงรักษา

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

มีเพียงองค์รัชทายาทและเฟิ่งชิงเฉินเท่านั้นที่ประสบกับระเบิดในตอนกลางวัน องค์รัชทายาทไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการรักษา ฉะนั้นเขาจึงไม่มีสิทธิ์พูด เฟิ่งชิงเฉินเป็นคนเดียวที่สามารถออกเสียงได้ ณ จุดนี้

“เสด็จพ่อ ชิงเฉินพูดถูก ตอนกลางวันนั้นมีคนจำนวนมากที่หมดสติเพราะระเบิด เมื่อเสียงระเบิดดังขึ้น ลูกเองก็รู้สึกหน้ามืดเช่นกัน โชคดีที่ลูกนั้นอยู่ห่างจากศูนย์กลางของระเบิดอยู่ไกล จึงมิได้มีผลกระทบมากเท่าไหร่นัก” เห็นได้ชัดว่าองค์รัชทายาทกำลังช่วยเฟิ่งชิงเฉิน

มีองค์รัชทายาทเป็นพยานให้นาง ฮ่องเต้จึงเชื่ออย่างมาก “ในเมื่อพบสาเหตุแล้ว ชิงเฉินมีวิธีใดๆ หรือไม่”

“มีเพคะ” เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้าอย่างจริงจัง

“ทางแก้กระไรหรือ?”

“การปล่อยเลือด!”

ฮ่องเต้ลังเลเล็กน้อย “จะมีอันตรายถึงชีวิตหรือไม่?”

“ไม่มี แต่ต้องใช้เวลาพักฟื้นตัวหลังจากฟื้นขึ้นมาในฐานะที่เป็นหมอ นางสามารถรักษาคนไข้ ไม่สามารถรักษานิสัยของคนได้ ในเมื่อหลี่เซี่ยงอยากให้นางรักษา เช่นนั้นนางก็ต้องคิดเสียว่าหลี่เซี่ยงเป็นคนป่วยก่อน และคิดว่าเป็นประเภทที่ตนถนัดในการรักษาอีกด้วย

“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าจงจำไว้ เจิ้นต้องการให้เขามีชีวิตอยู่” ฮ่องเต้ยังคงไม่เชื่อในตัวเฟิ่งชิงเฉิน

เพราะแม่ทัพเฟิ่งและแม่เฟิ่ง ท่านจึงสงสารเฟิ่งชิงเฉิน แต่ก็ยังคงระแวงนางอยู่บ้าง เพราะเมื่อตอนนั้น ไม่ว่าท่านจะหาอย่างไรก็ไม่พบข้อมูลของเขาทั้งสอง

เฟิ่งชิงเฉินคุกเข่าข้างหนึ่ง “ชิงเฉินจะไม่ทำให้ฝ่าบาททรงผิดหวัง” พิการก็นับว่ายังมีชีวิตอยู่เช่นกัน

เฟิ่งชิงเฉิน ซุนเจิ้งเต้าและคนอื่นๆ กลับไปที่ห้องนอนของหลี่เซี่ยงอีกครั้ง “หมอหลวงซุน หากว่ามีคนจำนวนมากจะส่งผลกระทบต่อการรักษา ชิงเฉินขอรบกวนทุกท่านรอที่ด้านนอกเสียก่อน และขอให้หมอหลวงซุนตามชิงเฉินมา หากว่าเกิดกระไรขึ้นกับคุณชายหลี่ ชิงเฉินจะรับเอาไว้เพียงผู้เดียว” ในทางกลับกัน หากหลี่ฟื้นขึ้นมา เช่นนั้นถือว่าเป็นผลงานของทุกคน ชิงเฉินมิจำเป็นต้องกล่าวชัดเจนเช่นนี้ เหล่าหมอหลวงก็เข้าใจ

เรื่องดีเช่นนี้ ไม่มีใครปฏิเสธ เหล่าหมอหลวงพยักหน้าตอบรับ

“ชิงเฉิน เจ้าจะทำกระไร?” ซุนเจิ้งเต้าไม่เข้าใจเมื่อเห็นเฟิ่งชิงเฉินขอร้องให้พวกเขาออกไป

เฟิ่งชิงเฉินเก็บความเคร่งขรึมเมื่อสักครู่นี้กลับมา จากนั้นก็อมยิ้มและกล่าวข้างหูซุนเจิ้งเต้าว่า “หมอหลวงซุน ได้โปรดเชื่อข้าเถอะ ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอก”

ซุนเจิ้งเต้าพยักหน้า เขาเชื่อเรื่องนี้ แม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะเห็นแก่ตัวเล็กน้อย แต่นางรักษาสัญญาอย่างมาก

“หมอซุน ช่วยข้าสักเรื่องหนึ่ง ใช้เข็มเงินฝังเข้าที่จุดสลบของคุณชายหลี่ ให้เขาหมดสติเสียก่อน ประเดี๋ยวข้าจะอธิบายให้เจ้าทราบ” มีผ้าบางๆ กั้นระหว่างพวกเขา อีกอย่างเฟิ่งชิงเฉินตั้งใจกล่าวเบาๆ ไม่ว่าหลี่เซี่ยงทำอย่างไรก็ไม่ได้ยินหรอก

จะว่าไปหลี่เซี่ยงมิใช่คนโง่เขลาธรรมดา ไม่คาดคิดว่าเขาจะแสร้งทำเป็นป่วยในพระราชวัง เขาคิดจริงหรือว่าตนไม่สามารถทำอะไรเขาต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้ได้? รู้เอาไว้เสียว่า หมอสามารถฆ่าคนได้โดยไม่ทิ้งร่องรอย และสามารถทำโดยไม่ทิ้งหลักฐานเอาไว้

ในเมื่อเจ้าแสร้งป่วย ข้าจะใช้โอกาสที่รักษาเจ้าเพื่อเล่นงาน คราวนี้มาดูกันว่าใครกันแน่ที่ซวย

แม้ว่าซุนเจิ้งเต้าจะไม่เข้าใจ แต่เขาพยักหน้าและหยิบเข็มเงินออกจากกล่องยา

“หมอหลวงซุน เจ้าจะต้องลงมืออย่างไว อย่าให้โอกาสเขาได้เอ่ยปากกล่าว” เฟิ่งชิงเฉินสั่งเตือนอีกครั้ง นางก้าวไปข้างหน้าและเปิดม่านเตียง จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงประหม่าและกังวลว่า “หมอหลวงซุน หากว่ากดที่จุดเหรินจง เขาจะฟื้นจริงหรือ? หากว่าไม่ฟืนแล้วชิงเฉินจะทูลต่อฝ่าบาทอย่างไร?”

ซุนเจิ้งเต้าไม่รู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินกำลังเล่นกระไร แต่เขาก็ยังพยักหน้าเล่นต่อจากนางและกล่าวว่า “อาจจะได้ เจ้าลองดู”

“แต่ว่า จุดเหรินจงนั้นอยู่ตำแหน่งไหนหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินทำท่าทีกังวล หลี่เซี่ยงฟังแล้วกลับรู้สึกว่ามันไม่สนุก

ก่อนหน้านี้ได้ยินเฟิ่งชิงเฉินพูด น้ำเสียงของนางยังดูเป็นหมอ แต่เหตุใดเมื่อไม่มีใครอยู่ นางจึงดูขี้ขลาดอย่างมาก หรือว่านางแสร้งทำแต่เนิ่นๆ

“เจ้าน่ะ ข้าบอกแล้วให้เจ้าตั้งใจเรียน แต่เจ้าไม่ยอมเชื่อข้า ตอนนี้แสร้งต่อไปไม่ได้แล้วน่ะสิ จุดเหรินจงอยู่ตำแหน่วนี้” แต่ซุนเจิ้งเต้ากล่าวและก้าวเข้าไปข้างหน้า

หลี่เซียงเยาะเย้ยในใจ แอบคิดว่าเมื่อซุนเจิ้งเต้าลงมือ แล้วเขาจะ “ฟื้นขึ้นมา” จากนั้นเขาจะเปิดโปงชิงเฉิน เพื่อแก้แค้นให้หรงซือซิ่ว

ฮ่าฮ่าฮ่า… เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้แน่นอนว่าเขาแสร้งทำเป็น ” ตาย” เป็นคนโบราณที่โง่เขลาเสียงจริง กล้าที่จะต่อต้านผู้หญิงของเขา หาเหาใส่หัวเสียจริง ใช้เล่ห์กลเพียงเล็กน้อยก็สามารถเปิดเผยความจริงของเฟิ่งชิงเฉินได้

เขามีความสุขมากเกินไปจนลืมควบคุมการหายใจและการเต้นของหัวใจ ถึงขั้นที่ว่าลืมตัวและขยับร่างกาย ซุนเจิ้งเต้าเร่งเงยหน้ามองเฟิ่งชิงเฉิน และใช้สายตาในการถามว่า เขาแสร้งป่วยหรือ?

เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม คราวนี้ ซุนเจิ้งเต้าไม่รอช้า เขาไม่ให้โอกาสหลี่เซี่ยง หลี่เซี่ยงลืมตาขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด แต่พบว่าตัวเองนั้นออกเสียงไม่ได้ เขาอยากจะกระโดดขึ้นมาจากเตียง ซุนเจิ้งเต้าก็เร่งฝังเข้าอีกเข็ม หลี่เซี่ยงรู้สึกหนักหนังตา คราวนี้เขาหมดสติไปจริงๆ

“เจ้าหนุ่มนี้ ไม่คาดคิดว่าจะเล่นกับหมอหลวงอย่างเรา” ซุนเจิ้งเต้าโกรธเคืองอย่างมาก

ตำหนักชิงเหยียบระเบิด แม้ว่าจะมีทหารขันทีและนางกำนัลหลายคนเสียชีวิต แต่คนที่ได้รับบาดเจ็บนั้นมากยิ่งกว่า คนเหล่านั้นยังคงรออยู่ที่สำนักหมอหลวงเพื่อรับการรักษา แต่ฮ่องเต้กลับให้หมอหลวงที่ฝีมือดีที่สุดทั้งหมดมาเฝ้าอยู่ตรงนี้ เพียงเพราะว่าหลี่เซี่ยงได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่คาดคิดว่าหลี่เซี่ยงไม่เป็นกระไรเลย เขาแค่แสร้งทำ
“ไอ้สารเลวนี้รู้หรือไม่ว่าเขาฆ่าคนไปกี่คนแล้ว?” ถ้าซุนเจิ้งเต้ามีมีดอยู่ในมือ ซุนเจิ้งเต้าคงแทงผู้ชายคนนี้อย่างแน่นอน ทำกันเกินไปแล้ว!

เมื่อเห็นซุนเจิ้งเต้าเป็นเช่นนี้ เฟิ่งชิงเฉินก็รู้ดีว่าการคาดเดาของตนไม่ผิด ซุนเจิ้งเต้าก็เป็นหมอที่ไม่สามารถทนดูคนอื่นๆ ใช้ทรัพยากรทางการแพทย์ไปอย่างสิ้นเปลืองเช่นกัน คนยอดฝีมือเช่นนี้อยู่ในสำนักหมอหลวงมันน่าเสียดายเกินไป

“มาสั่งสอนมันสักหน่อยแล้วกัน หมอรักษาได้เฉพาะคนป่วย ในเมื่อเขาต้องการให้หมอรักษาเขา เช่นนั้นจะต้องทำให้เขา “ป่วย” เสียก่อน หากไม่ป่วยหมอไม่สามารถรักษาได้” เฟิ่งชิงเฉินค้นหาของในกระเป๋าเครื่องมือของตนอยู่นาน แต่ไม่พบของมีคมที่สามารถทำร้ายใครได้ นางจึงเปิดกล่องยาขอบงซุนเจิ้งเจ้าและหามีดเล่มเล็กออกมา

“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าจะทำกระไร?” ซุนเจิ้งเต้ายังไม่รู้สึกตัว

เฟิ่งชิงเฉินยกมีดในมือขึ้นและยิ้มอย่างไร้เดียงสามีเมตตา ” ข้าบอกฮ่องเต้แล้วมิใช่หรือ ว่าต้องทำการปล่อยเลือดเพื่อรักษาเขา”

เมื่อกล่าวจบ เฟิ่งชิงเฉินยกมีดขึ้นและเล็งไปที่ข้อมือขวาของหลี่เซี่ยง จากนั้นก็กรีดอย่างแรง เมื่อกรีดไปครึ่งหนึ่งนางก็หยุดทันที จากนั้นก็กรีดต่อ ดูเหมือนว่ามีรอยแผลเพียงเล็กๆ เท่านั้น แต่ว่าเลือกกลับพุ่งออกมาอย่างมาก และไหลเต็มพื้น…………..

นี่คือการฆาตกรรม?

ซุนเจิ้งเต้ามองไปที่เฟิ่งชิงเฉินและตะลึง แต่เขาต้องการให้เฟิ่งชิงเฉินทำอะไรมากกว่านี้ มีดที่เปื้อนเลือดเมื่ออยู่ภายใต้แสงเทียนนั้น มันส่องประกายด้วยแสงไฟที่ร้ายกาจ เฟิ่งชิงเฉินยกมีดขึ้นอีกครั้ง ..

คราวนี้มีดของเฟิ่งชิงเฉินมุ่งตรงไปที่คอของหลี่เซี่ยง ซุนเจิ้งเต้าตกตะลึงอย่างมาก ไม่คาดคิดว่าเฟิ่งชิงเฉินจะกล้าที่จะฆ่าคนในพระราชวัง นี่เป็นโทษหนักถึงขึ้นที่ต้องฆ่าล้างตระกูลเชียวนะ

ซุนเจิ้งเต้ารีบก้าวไปข้างหน้าและขวางเฟิ่งชิงเฉินเอาไว้ “เฟิ่งชิงเฉิน ไม่ได้ หากว่าฆ่าเขาแล้วเจ้าจะมีปัญหาเข้ามาเยอะมาก” สิ่งที่เขาสนใจไม่ใช่ความเป็นความตายของหลี่เซี่ยง แต่เขากังวลที่ว่า หากหลี่เซี่ยงตายด้วยน้ำมือของเฟิ่งชิงเฉิน เช่นนั้นนางเองก็จะมีปัญหาเช่นกัน

จักรพรรดิอยากจะใช้หลี่เซี่ยงให้เป็นประโยชน์ หากว่าลงมือตอนนี้เป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดเท่าไหร่

“หมอหลวงซุน เจ้าคิดมากเกินไป ข้าไม่ได้คิดที่จะฆ่าเขา” แม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะยิ้ม แต่นางก็ไม่มีท่าทีที่จะปล่อยมือ นางมองที่ซุนเจิ้งเต้าอย่างหนักแน่น และนางจะแทงลงไปให้ได้ เมื่อเห็นว่าซุนเจิ้งเต้าไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ เฟิ่งชิงเฉินกล่าวอีกว่า

“หมอหลวงซุน เจ้าน่าจะเข้าใจดีว่าข้ารู้จักทุกส่วนของร่างกายมนุษย์ดีแค่ไหน หากข้าต้องการให้เขาตาย รอยกรีดเมื่อสักครู่ที่ข้าทำไปนั้น คงไม่มีเลือดแค่เท่านั้น” เฟิ่งชิงเฉินชี้ไปที่ข้อมือขวาของหลี่เซี่ยงที่บาดเจ็บ ความเร็วที่เลือดไหลลดลงเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าเฟิ่งชิงเฉินนั้นลงแรงได้พอดีอย่างมาก