ตอนที่ 508

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ทุกคนล้มลงพื้นอย่างอ่อนแรง อำนาจของซากศพพระเจ้านั้นทรงพลังเกินไป แถมสถานที่แห่งนี้ยังไม่ใช่วิหารศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถสกัดกั้นกลิ่นอายของมันได้ ภายในพริบตาแรงกดดันนี้ก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งภูเขาที่จนตัวตนระดับตัวอ่อนวิญญาณต้องบินหนีขึ้นไปบนท้องฟ้าโดยหวาดกลัวที่จะอยู่ใกล้ซากศพนี้

หลิงฮันยิ้มและพูด “เห็นรึยัง? อย่างที่ข้ากล่าว ข้าไม่ลงมือสังหารใครเพราะมันเป็นวิธีชั้นต่ำ”

ถ้าหลิวอู๋ตงได้ยินคำพูดนี้ นางจะต้องหัวเราะเยาะเย้ยเป็นแน่ นั่นเพราะหลิงฮันชื่นชอบการสังหารเป็นที่สุด บ่อยครั้งที่เขาสามารถใช้สถานะในการแก้ไขปัญหาได้ แต่เขามักจะใช้กำปั้นในการแก้ปัญหาแทน

ตอนนี้ไม่มีใครพูดตอบโต้หลิงฮัน ภายใต้อำนาจกดขี่ของซากศพพระเจ้า จึงเป็นธรรมดาที่พวกมันจะอ้าปากไม่ไหว

หลิงฮันเดินไปยืนด้านข้างเยว่ฮงฉางและช่วยพยุงนางให้ลุกขึ้น “ท่านแม่ หลายปีที่ผ่านมาท่านต้องทุกข์ทรมานมากมายนัก!”

เยว่ฮงฉางไม่สามารถเปิดปากพูดได้ แต่ดวงตาที่กระพริบของนางนั้นมีหยดน้ำตาไหลลงมา

หลิงฮันพยุงตัวมารดาไปยังด้านข้างเพื่อนั่งลงพร้อมกับพูดเรื่องของๆของบิดาของเขา เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้คนของนิกายจันทราเหมันต์กลายเป็นไร้คำพูด นี่พวกมันยังนอนไร้เรี่ยวแรงอยู่ตรงนี้นะ!

แต่นอกจากเหงื่อที่ไหลท่วมร่างแล้ว พวกมันก็ไม่สามารถทำอันใดได้

“ท่านแม่ ข้าจะส่งท่านหลบหนีไปก่อน!” หลิงฮันพยุงร่างของเยว่ฮงฉางไปยังด้านหลังหินขนาดใหญ่ เขาบอกกับนางว่าห้ามต่อต้านและส่งนางเข้าไปยังหอคอยทมิฬ

นิกายจันทราเหมันต์จะต้องไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปแน่นอน พวกมันมีตัวตนระดับตัวอ่อนวิญญาณอยู่ทั้งเก้าคน แม้แต่ตอนนี้ทั้งเก้าคนก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้เขา แต่เมื่อใดที่หลิงฮันเก็บซากศพของพระเจ้ากลับไป พวกมันจะต้องบุกโจมตีเขาทันทีแน่นอน

หลิงฮันเดินกลับไปยืนอยู่ด้านหน้าอ้าวเฟิง

‘ปัก!’

หลิงฮันเหยียบย่ำไปที่ใบหน้าของมันจนกระแทกพื้นอย่างรุนแรง ทำให้อ้าวเฟิงร้องโอดครวญทุกข์ทรมาน มันไม่มีกายาหินผา หรือกายาเหล็กไหลเหมือนหลิงฮัน ร่างกายที่ไม่มีปราณก่อเกิดคอยคุ้มกันของมันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับคนธรรมดามากนัก

“ข้าสมควรจะเอาชีวิตของเจ้าไปเสียแต่ตอนนี้ แต่ในฐานะบุตรชาย หน้าที่จบชีวิตของเจ้าจะต้องเป็นของบิดาข้า!” หลิงฮันเตะอ้าวเฟิงอย่างรุนแรงจนรากฐานวิญญาณของมันพิการ

ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป พลังบ่มเพาะของอ้าวเฟิงจะหยุดนิ่งอยู่ในระดับบุปผาผลิบานขั้นสาม ในขณะที่พลังบ่มเพาะของหลิงตงซิงจะสามารถไล่ตามทันได้ตลอดเวลา

…หากมันคิดจะซ่อมแซมรากฐานวิญญาณ? เป็นไปไม่ได้ เม็ดยาระดับที่สามารถฟื้นฟูรากฐานวิญญาณได้คือเม็ดยาระดับสวรรค์ขึ้นไป! แล้วตระกูลอ้าวจะไปหาเม็ดยาเช่นนั้นได้จากไหน? มันทำได้เพียงรอคอยความตายโดยไม่อาจเพิ่มอายุขัยได้มากกว่านี้เท่านั้น!

อ้าวเฟิงไม่อาจเปิดปากพูดได้ มันร้องโอดครวญอยู่ในลำคออย่างทุกข์ทรมาน

ในฐานะอัจฉริยะของนิกายจันทราเหมันต์ที่ไม่อาจก้าวหน้าได้อีก มันทั้งตกตะลึง เกรี้ยวกราด และหวาดกลัว ทันใดนั้นมันก็หมดสติไปทันที

ทำให้จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานหวดกลัวจนหมดสติไป บางทีหลิงฮันอาจจะเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์

หลิงฮันยิ้มเล็กน้อย เขากวาดสายตาไปยังเฟิงหยางและเดินเข้าไปหา “ถึงแม้ข้าจะไม่เคยแยแสสนใจเจ้า แต่ไหนๆข้าก็มาแล้ว ข้าขอดูแลเจ้าสักหน่อยแล้วกัน”

เมื่อเห็นว่าแขนขาของเฟิงหยางสั่นเทิ้มราวกับพยายามจะพูดอะไรสักอย่าง หลิงฮันก็คว้าตัวของมันและเดินออกไปให้ห่างจากซากศพของพระเจ้า

“หลิงฮัน เจ้ารังแกผู้อื่นโดยใช้วิธีขี้โกง เจ้ามีความยุติธรรมอยู่บ้างรึเปล่า!” เฟิงหยางคำราม

หลิงฮันตกตะลึงและพูดกลับไป “หูของข้ามีปัญหารึเปล่า? เจ้ากล้าพูดเรื่องความยุติธรรมออกมา? เมื่อตอนที่เจ้าอยู่แคว้นพิรุณ ไม่ใช่ว่าเจ้าก็ใช้อำนาจของม้วนคำสั่งของอาจารย์เจ้าพยายามสังหารข้าหรอกรึ?”

“ที่อาจารย์มอบม้วนคำสั่งให้ข้าก็เป็นเพราะความสามารถของข้า มันไม่นับว่าเป็นการเล่นขี้โกง!”

“เฟิงหยาง เจ้านี่ช่างตกต่ำจริงๆ!”

คำพูดของหลิงฮันทำให้ใบหน้าของเฟิงหยางเปลี่ยนเป็นสีแดง ในตอนนั้นมันเต็มไปด้วยความทะนงตัวและไม่สนใจตัวตนของจักรพรรดิพิรุณแม้แต่น้อย แต่สุดท้ายก็เป็นจักรพรรดิพิรุณที่ปลดปล่อยอำนาจอันทรงพลังออกมาขับไล่จอมยุทธที่นิกายจันทราเหมันต์ส่งไป

ถ้าตอนนั้นมันไม่ทำตัวโอหังเกินไป บางทีจักรพรรดิพิรุณคงไม่ยืนมือเข้าไปแทรกแซง

“หลิงฮัน เจ้ากล้าที่จะให้เวลาข้าสามปีรึไม่? เมื่อถึงตอนนั้นข้าจะบรรลุระดับบุปผาผลิบานและจะขอท้าทายเจ้าอีกครั้ง!” เฟิงหยางพูดอย่างไม่เกรงกลัว มันมีสายเลือดของสัตว์อสูรโบราณ ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของมันจึงเหนือกว่าจอมยุทธทั่วไป

“ช่างโง่งม!” หลิงฮันส่ายหัว “ทำไมข้าต้องรอเจ้าถึงสามปี?”

“เจ้า… เจ้าต้องการสังหารข้า? ที่แห่งนี้คือนิกายจันทราเหมันต์!” เฟิงหยางคำรามอย่างเกรี้ยวกราด

“เจ้าประเมินตนเองสูงเกินไป ถ้าข้าสังหารเจ้าแล้วจะทำไม? ข้าขอสาบานเลยว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับตัวข้าเด็ดขาด!” หลิงฮันเอื้อมมือไปยังใบหน้าของเฟิงหยางและพูด “เจ้ามีอะไรจะสั่งเสียไหม? เห็นแก่ที่เจ้าเป็นคนจากแคว้นพิรุณเหมือนกัน ข้าจะสังหารเจ้าโดยให้มีสภาพสมบูรณ์ที่สุด”

“เจ้าไม่อาจสังหารข้า! ข้าคือลูกศิษย์ของตัวตนระดับตัวอ่อนวิญญาณ!” เฟิงหยานร้องโหยหวนออกมา “อาจารย์ ช่วยข้าด้วย! ช่วยข้าด้วย!”

“คร่ำครวญไปเถิด ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครช่วยเจ้าได้” หลิงฮันพูดดวยรอยยิ้ม

“ปรมาจารย์หลิง ช่วยเห็นแก่หน้าข้าและปล่อยศิษย์ตัวน้อยๆของข้าไปได้รึไม่?” ทันใดนั้นเอง เสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้นจากสถานที่ที่ห่างไกล เงาอันครุมเครือของชายชราหนวดขาวผู้หนึ่งปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า

มันคือตัวตนระดับตัวอ่อนวิญญาณของนิกายจันทราเหมันต์และเป็นอาจารย์ของเฟิงหยาง จือเฮอชุน

หลิงฮันพูดอย่างไม่แยแส “ทำไมเจ้าต้องเห็นแก่หน้าเจ้า เจ้าเป็นใคร?”

‘เจ้ากล้าพูดกับตัวตนระดับตัวอ่นอวิญญาณเช่นนั้นได้อย่างไร?’

ทุกคนชะงักไปในตอนแรก แต่เมื่อคิดดูให้ดี สิ่งที่หลิงฮันกล่าวก็นับว่าไม่แปลก!

ถ้าเป็นในภูมิภาคกลาง ตัวตนระดับตัวอ่อนวิญญาณเรียกได้ว่ามีคุณสมบัติเป็นเพียงคนรับใช้ของนักปรุงยาระดับสวรรค์เท่านั้น

ใบหน้าของจือเฮอชุนกระตุก ท่าทางราวกับเทพเซียนของมันหายไปพร้อมกับชี้นิ้วมายังหลิงฮันและพูดข่มขู่ “เจ้าหนู ถ้าเจ้ากล้าแตะต้องแม้แต่เส้นผมหนึ่งเส้นของลูกศิษย์ของข้า ชายชราผู้นี้จะถลกหนังเจ้าทั้งเป็น!”

“ข้าควรจะแสร้งทำเป็นหวาดกลัวหรือไม่?” หลิงฮันแสยะยิ้ม “โชคร้ายจริงๆ ถึงแม้เจ้าจะมีชีวิตอยู่มาเป็นเวลานาน แต่เจ้าก็ไม่สมควรที่จะได้รับความเคารพจากข้า รีบๆไสหัวไปซะ ถ้าเจ้าอยากจะช่วยลูกศิษย์ก็ลงมาแล้วข้าจะสังหารเจ้าไปพร้อมกันเลย สุนัขเฒ่า!”

จือเฮอชุนคำรามด้วยความโกรธ แต่ด้วยอำนาจกดขี่ของซากศพพระเจ้า มันจึงไม่กล้าขยับเข้าไปใกล้แม้แต่นิดเดียว ไม่เช่นนั้นมันก็จะต้องกลายเป็นเหมือนกับคนอื่นๆที่ได้รับแรงกดดันจนไม่อาจเคลื่อนไหวได้

หลิงฮันยิ้มให้เฟิงหยางและพูด “ดูสิ แม้แต่อาจารย์ของเจ้าก็ไร้หนทางช่วย ทางที่ดีเจ้าควรจะยอมรับโชคชะตาของตนเองได้แล้ว!”