บทที่ 117 พูดอะไรกับนายบ้างไหม

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

“เกี่ยวแน่นอน อีกทั้งยังเกี่ยวข้องแบบร้อยเปอร์เซ็นต์อีกด้วย เงินพวกนี้ คุณครูเชอร์รีนเป็นคนนำมา” หัสดินรู้สึกไม่พอใจ จึงจงใจพูดจายั่วยุเขา

แน่นอนว่า วินาทีต่อมา ออกัสขมวดคิ้วขึ้นทันที และในที่สุดก็เอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า : “ทำไมเธอถึงเอาเงินจำนวนนี้มาให้ ?”

“ดูเหมือนว่าคุณครูเชอร์รีนจะยืมเงินยู่ยี่ของฉันไปไม่น้อย วันนี้จึงเอามาคืนให้หนึ่งแสนก่อน ส่วนที่เหลือเธอบอกว่าจะเอามาคืนให้ทีหลัง”

คิ้วของออกัสขมวดแน่นยิ่งขึ้น เขาไม่สนใจหัสดินอีก แต่กลับเบนสายตาไปมองยู่ยี่ : “จริงหรือ ?”

ยู่ยี่พยักหน้า

“เธอมายืมเงินคุณตั้งแต่เมื่อไหร่ ?” ออกัสถามต่อ

ยู่ยี่คิดทบทวนอยู่สักครู่แล้วพูดว่า : “น่าจะช่วงที่พวกเธอกลับมาจากเมืองบีเจนะ”

ได้ยินดังนั้น ออกัสก็เม้มริมฝีปากด้วยความอึดอัดใจอย่างมาก : “เธอยืมคุณไปเท่าไหร่ ?”

เธอเป็นภรรยาของเขา เมื่อต้องการใช้เงินกลับไม่เอ่ยปากบอกเขา แต่เต็มใจที่จะไปหยิบยืมจากคนอื่น……

มิหนำซ้ำ เขาเองก็เคยให้บัตรเครดิตเธอไว้ใช้ แล้วทำไมเธอถึงไม่กดเงินสดออกมาจากส่วนนั้น ?

สิ่งที่รับรู้เหล่านี้ ทำให้เขารู้สึกหดหู่ใจ จนไม่สามารถอธิบายความว้าวุ่นใจนี้ออกมาเป็นคำพูดได้

“เจ็ดแสน แต่วันนี้คืนมาหนึ่งแสนแล้ว” ยู่ยี่ชี้ไปยังกองเงินสดที่วางอยู่บนเตียง

ออกัสยังคงเม้มปากเป็นเส้นตรง ไม่พูดไม่จา เขาหยิบเช็กออกมา แล้วถือปากกาด้วยมือซ้าย จากนั้นจึงตวัดปากกาลงไปบนกระดาษ แล้วยื่นให้กับยู่ยี่ : “หกแสน เงินที่เธอยืมมาก้อนนั้นถือว่าจบสิ้นกัน”

ยู่ยี่ส่ายหัวและไม่ได้ยื่นมือออกไปรับ : “ในเมื่อเชอร์รีนเป็นคนยืมเงินฉันไป ถ้าจะคืน ก็ควรให้เธอเป็นคนนำมาคืน”

“ผมเป็นสามีของเธอ ทำไมถึงใช้คืนแทนเธอไม่ได้ ?” ออกัสเค้นคำพูดผ่านไรฟันออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“ถ้าหากเป็นตามที่คุณพูด ในเมื่อคุณเป็นสามีของเธอ แล้วทำไมเธอถึงไม่ยืมเงินของคุณ แต่กลับมายืมเงินของฉันล่ะ ?”

ยู่ยี่ย้อนถาม แล้วพูดต่อ

“เธอคงต้องมีเหตุผลในการทำเช่นนี้ ฉันรู้นิสัยของเชอร์รีนดี ถ้าหากวันนี้ฉันรับเงินทั้งหมดมาจากคุณแล้วล่ะก็ ต่อไปเธอคงไม่สนใจฉันอีก อีกอย่าง ฉันเองก็ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินด้วย

ตอนที่ให้เชอร์รีนหยิบยืม ก็ไม่เคยคิดว่าเธอจะต้องนำมาคืนอยู่แล้ว แต่ในเมื่อเธอยืนยันที่จะคืนให้ ฉันจึงจำเป็นต้องตามใจเธอ

เพราะแต่ไหนแต่ไรมา เธอมีนิสัยไม่ชอบติดค้างคนอื่น มีเพียงวิธีนี้ จึงจะทำให้เธอรู้สึกสบายใจ ฉันอยากให้เธอใช้ชีวิตอย่างสบายใจ

อีกทั้งหากต่อไปในอนาคตเธอต้องเผชิญหน้ากับปัญหา เธอก็จะกล้าเอ่ยปากกับฉัน และไม่ผลักไสฉันออกจากโลกของเธอ เธอเป็นคนที่ยึดถือหลักการอย่างมาก อีกทั้ง เธอจะขอความช่วยเหลือแต่กับคนที่เธอสนิทสนมด้วยจริง ๆ เท่านั้น……”

เมื่อคำพูดนี้เอ่ยออกไป สีหน้าของออกัสก็หมองหม่นลงทันที หมายความว่า ตอนนี้เธอผลักไสเขาออกจากโลกของเธอหรือ ?

เขารับเอกสารที่หัสดินถือมาโดยไม่พูดอะไรอีก จากนั้นจึงโยนเช็กลงบนโซฟาด้วยสีหน้าและแววตาที่หม่นหมอง จากนั้นจึงเตรียมที่จะก้าวเท้าเดินจากไป

แต่ทว่า เสียงของยู่ยี่กลับดังขึ้นตามหลังเขามา : “ทางที่ดินคุณควรจะเก็บเช็กใบนั้นกลับไปด้วย ฉันไม่มีทางรับเอาไว้เด็ดขาด ถ้าหากคุณจงใจที่จะทิ้งไว้ ฉันก็จะฉีกมันทิ้งซะ อีกทั้งเรื่องนี้ ฉันก็ไม่มีทางที่จะบอกเชอร์รีนเด็ดขาด ดังนั้น เงินเหล่านั้นเธอจะต้องนำมาคืนฉันด้วยตัวเอง”

“……”

เมื่อรู้แน่ชัดว่าไม่สามารถคืนเงินได้ เขาก็รู้สึกไม่พอใจ และมีสีหน้าที่หม่นหมองยิ่งขึ้นไปอีก

สุดท้ายเขาก็ยังคงทิ้งเช็กใบนั้นเอาไว้ และแสดงเจตจำนงอย่างชัดเจนว่า ยู่ยี่คิดจะทำอะไรกับเช็กใบนั้นก็ได้ ไม่ว่าจะฉีกทิ้ง หรือเก็บเอาไว้……

อีกทางด้านหนึ่ง

เชอร์รีนกำลังเลือกซื้อผักและเนื้อสดอยู่ในซูเปอร์มาเก็ตด้านล่างอพาร์ตเมนต์ นี่คือข้อดีของอพาร์ตเมนต์ระดับสูง นั่นคือความสะดวกสบาย

เมื่อกลับไปถึงห้อง เธอตั้งใจที่จะตุ๋นซุปซี่โครง บาดแผลของเขายังไม่หายดี จึงควรที่จะดื่มซุปสักหน่อย

ขณะที่ซุปถูกตุ๋นไว้อีกด้านหนึ่ง เธอก็รีบหันมาหุงข้าว และเตรียมที่จะผัดกับข้าวอีกสองสามอย่าง

ในขณะที่เธอกำลังหั่นผักอยู่นั้น ประตูของอพาร์ตเมนต์ก็ถูกเปิดออก ออกัสเดินเข้ามา เธอยิ้มแล้วพูดว่า : “กลับมาแล้วหรือคะ ?”

“อืม……” ออกัสตอบกลับเบา ๆ แล้วจ้องมองเธอด้วยสายตาเป็นนัย

เชอร์รีนไม่ทันสังเกตเห็น เธอยังคงสวมใส่ผ้ากันเปื้อนและง่วนอยู่กับงานครัว : “คุณรีบไปล้างมือก่อนนะคะ กับข้าวกำลังจะเสร็จแล้ว”

เขายังคงยืนนิ่งและเอนตัวพิงร่างยาวของเขาลงข้าง ๆ จากนั้นจึงแสยะยิ้มออกมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า : “ทำไมถึงไม่ใช้บัตรเครดิตที่ผมให้ไว้ ?”

เมื่อได้ยินดังนี้ มือของเชอร์รีนที่กำลังถือช้อนอยู่ก็หยุดเคลื่อนไหวไปครู่หนึ่ง และเอ่ยตอบออกมาเบา ๆ ว่า : “ฉันไม่จำเป็นต้องใช้เงิน อีกทั้งฉันเองก็ไม่ได้ซื้ออะไร จึงยังไม่ได้ใช้ คุณต้องการบัตรเครดิตเหรอคะ ? เดี๋ยวฉันจะรีบไปหยิบให้คุณเดี๋ยวนี้”

ได้ยินดังนั้น อารมณ์โกรธในใจที่ออกัสพยายามข่มเอาไว้ตลอดทั้งวันก็ใกล้จะระเบิดออกมา ใบหน้าของเขาเย็นชา แววตาหมองหม่น เขาเหลือบมองเธอด้วยท่าทีดุดัน ราวกับต้องการจะมองเธอให้ทะลุปรุโปร่ง

เธอกำลังหลอกเขา……

เขาให้บัตรเครดิตเธอ ก่อนที่เธอจะไปยืมเงินยู่ยี่ ในเมื่อมีบัตรแล้ว ทำไมเธอถึงต้องไปยืมเงินกับยู่ยี่อีก ?

เต็มใจที่จะใช้เงินของยู่ยี่ แต่ไม่เต็มใจที่จะใช้เงินของเขา สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดและไม่พอใจเป็นอย่างมาก สำหรับเธอแล้ว เขายังเทียบยู่ยี่ไม่ได้เลยหรือ ?

ตอนนี้เอง โทรศัพท์มือถือสั่นขึ้นมา เขาข่มอารมณ์โกรธเอาไว้แล้วหันไปมองหน้าจอโทรศัพท์ ปรากฏเป็นชื่อ : หยาดฝน

เกิดความสงสัยเล็กน้อยปรากฏขึ้นในแววตาของเขา ขณะที่นิ้วมือเรียวยาวของเขากำลังจะยื่นออกไปกดรับ ก็ดูเหมือนเขาจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาเหลือบไปมองเชอร์รีนที่อยู่ในห้องครัว จากนั้นจึงเดินไปรับโทรศัพท์ตรงบริเวณหน้าต่างที่อยู่ห่างออกไปพอสมควร

แต่ทว่าปลายสายกลับไม่ใช่สายฝน แต่เป็นคนรับใช้ของบ้านตระกูลสิริไพบูลย์

เธอพูดว่า ไม่รู้ว่าตอนนี้สายฝนมีอาการป่วยอะไร ใบหน้าของเธอซีดเผือด เหงื่อไหลอาบเต็มหน้าผาก แม้กระทั่งจะลุกขึ้นยืนก็ยังไม่ไหว ได้ยินดังนั้น ออกัสก็รีบวางสายโทรศัพท์ทันที เขาหยิบเสื้อคลุมสีเทาประกายเงิน แล้วรีบเดินตรงออกไปด้านนอกทันที

เชอร์รีนซึ่งเห็นท่าทางเหล่านี้ของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ ก็เอ่ยถามตามหลังขึ้นว่า : “ตอนนี้คุณจะไปไหนคะ ? ข้าวกำลังจะสุกแล้วนะ”

แต่ทว่า เสียงที่ตอบกลับมากลับเป็นเสียงเบา ๆ ที่ลอยมาตามสายลม และเต็มไปด้วยความเร่งรีบ : “ที่บริษัทมีประชุมด่วน……”

เมื่อเธอกำลังจะเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง ร่างกายที่สูงโปร่งร่างนั้นก็หายลับไปจากสายตาเรียบร้อยแล้ว

ภายในห้องครัว มีกลิ่นหอมคละคลุ้งลอยออกมาจากซุปกระดูกที่ตุ๋นอยู่ ข้าวก็หุงสุกเรียบร้อยแล้ว ส่วนกับข้าวอีกสองสามอย่างก็จัดลงจานเรียบร้อย

เมื่อมองดูกับข้าวที่วางเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ จู่ ๆ เชอร์รีนก็รู้สึกเบื่ออาหารขึ้นมา เธอหันหลังแล้วเดินตรงไปที่ห้องนั่งเล่น จากนั้นจึงเปิดคอมพิวเตอร์และเตรียมการสอน

ในเมื่อเป็นการประชุมด่วน อีกสักหนึ่งถึงสองชั่วโมงก็น่าจะเสร็จสิ้น อย่างไรเสียตัวเธอเองก็ยังไม่รู้สึกหิว เพราะฉะนั้นรออีกหน่อยก็คงไม่เป็นไร

หลังจากเธอเปิดโปรแกรมแชทแล้ว ก็เริ่มเตรียมการสอนทันที

จู่ ๆ วีแชทของเธอก็ดังขึ้น เธอจับเมาส์แล้วกดเปิดดู ปรากฏว่ายู่ยี่ส่งรูปใบหน้ายิ้มมาให้กับเธอ

เห็นดังนั้น เชอร์รีนจึงส่งรูปใบหน้ายิ้มกลับไปเช่นเดียวกัน และทั้งสองคนก็เริ่มบทสนทนา

ยู่ยี่ : “ตอนนี้ออกัสอยู่ที่บ้านหรือเปล่า ?”

เชอร์รีน : “เมื่อกี้กลับมาแล้ว แต่ตอนนี้กลับออกไปที่บริษัทอีก มีอะไรหรือ ?”

ยู่ยี่ : “เขากลับไปได้พูดอะไรกับเธอบ้างหรือเปล่า ?”

“เรื่องอะไร ?”

“ไม่มีอะไร ตอนนี้เธอทำอะไรอยู่ ?”

“เตรียมการสอน”

“เป็นอาจารย์ดีเด่นของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนจริง ๆ ต้องดูเธอเป็นตัวอย่าง ต้องเรียนรู้จากเธอ เอาล่ะ เชิญเธอตามสบายเถอะ ฉันไปก่อนล่ะ”