ตอนที่ 1469 อาณาจักรกลาง (2)

Genius Doctor Black Belly Miss

ตอนที่ 1469 อาณาจักรกลาง (2)
งานชุมนุมเทพยุทธ์จะจัดขึ้นที่ยอดเขาฝูเหยา ล้อรถม้าเคลื่อนที่ไป
และส่งเสียงดังกึกก้องไปตลอดทาง เมื่อพวกเขามาถึงเชิงเขา รถม้า
ต้องหยุดที่นั่น ผู้โดยสารจะต้องเดินเท้าขึ้นไป
จวินอู๋เสียเดินตามผู้เยาว์กลุ่มเล็ก ๆ และหยุดอยู่ที่เชิงเขาพร้อมกับ
พวกเขา ทุกคนต่างแบกสัมภาระทั้งใหญ่และเล็กไว้บนตัว ดูเด่นมาก
เห็นได้ชัดว่าผู้เยาว์พวกนี้มาจากหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ห่างไกล เสื้อผ้าของ
พวกเขาเรียบง่าย เมื่อก่อนก็ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่พออยู่ที่เชิงเขาฝู
เหยา มองดูคนอื่น ๆ ที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันแต่งตัวหรูหราด้วย
ผ้าไหมและผ้าซาตินเนื้อดี ผู้เยาว์กลุ่มนี้ก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
แน่นอนว่าคนที่รู้สึกไม่สบายใจพวกนั้น ไม่ได้รวมถึงจวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียอุ้มเจ้าแมวดำลงจากรถม้า การแต่งกายของนางธรรมดา
สามัญมาก ใบหน้าของนางหลังแปลงโฉมแล้วก็เป็นแค่ผู้เยาว์คน
หนึ่งที่จะถูกมองข้ามทันทีเมื่ออยู่ท่ามกลางฝูงชน
ภูเขาฝูเหยา เรียกว่าภูเขาก็จริง แต่พื้นที่ของมันกว้างใหญ่มาก พืชพันธุ์
ตามลำธารบนภูเขาได้รับการกล่าวขานว่ามีพลังวิญญาณอยู่ในระดับ
ที่หนาแน่น
ตอนที่จวินอู๋เสียมาถึงอาณาจักรกลาง นางก็ค้นพบทันทีว่าพลังวิญญาณ
ในอากาศที่นี่หนาแน่นกว่าในอาณาจักรล่าง ไม่ว่าจะเป็นแหล่งน้ำ
หรืออาหาร พลังวิญญาณที่อยู่ในนั้นก็สูงกว่าในอาณาจักรล่างหลาย
เท่า ผู้คนในอาณาจักรกลางเติบโตและได้รับการฝึกฝนตั้งแต่ยังเด็ก
ภายใต้สภาวะที่มีพลังวิญญาณอยู่มากมายเช่นนี้ ดังนั้นรากฐานของ
พวกเขาจึงเหนือกว่าคนในอาณาจักรล่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับคนอย่างนางที่มีภูติพฤกษา พวกนาง
สามารถสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณที่อยู่รอบตัวอย่างชัดเจนมากขึ้น
แม้ว่านางจะทะลวงเข้าสู่ขั้นพลังวิญญาณสีม่วงแล้ว แต่เมื่อก้าวเข้าสู่
อาณาจักรกลาง จวินอู๋เสียก็ค้นพบว่าต่อให้นางไม่ได้ตั้งใจฝึกฝน
พลังของนาง แต่นางก็ยังสามารถเพิ่มพลังได้อย่างดีเยี่ยม
“เสี่ยวเสีย อีกเดี๋ยวพวกเราจะเริ่มขึ้นเขากัน ว่ากันว่าระยะทางจากเชิง
เขาถึงยอดเขาน่ะไกลมากเลย เจ้าขึ้นไปมือเปล่าแบบนี้จะดีหรือ?
อย่างน้อยก็เตรียมอะไรไปสักหน่อยไหม?” เพื่อนร่วมทางของนาง
เตรียมตัวพร้อมแล้วและกำลังจะออกเดินทาง หนึ่งในนั้นสังเกตเห็น
ว่าจวินอู๋เสียไม่ได้แบกอะไรเลยนอกจากแมวดำตัวเล็ก ๆ จึงอดถาม
อย่างเป็นห่วงไม่ได้
พวกเขารู้แค่ว่า “เด็กผู้ชาย” ตัวเล็กตรงหน้าชื่อว่าเสี่ยวเสีย จู่ ๆ เขาก็
ปรากฏตัวขึ้นที่หมู่บ้านของพวกเขาเมื่อไม่นานมานี้ ส่วนเรื่องที่เขา
มาจากไหน ไม่มีใครรู้เลยสักคน
จวินอู๋เสียส่ายหน้า
เด็กหนุ่มเกาหัวและรู้สึกจนปัญญา ไม่รู้จะพูดยังไงดี จากนั้นผู้เยาว์
อีกคนก็ดึงแขนเสื้อเขาและกระซิบว่า “ทำไมเจ้าจุ้นจ้านแบบนี้? ถ้า
เขาไม่อยากเตรียมอะไรก็ปล่อยเขาไปซิ จะต้องไปกังวลอะไรด้วย?”
เมื่อได้ยินเสียงกระซิบ ผู้เยาว์คนอื่น ๆ อีกหลายคนก็พยักหน้าเห็น
ด้วย พวกเขาไม่ได้กีดกันจวินอู๋เสียออกจากกลุ่ม แต่แค่จวินอู๋เสีย
แทบไม่พูดกับพวกเขาเลย ตลอดการเดินทางอันยาวนาน นางเปิด
ปากพูดไม่ถึง 10 ครั้งด้วยซ้ำ เจอกับเพื่อนร่วมทางที่เย็นชาแบบนี้
ผู้เยาว์กลุ่มนี้จึงไม่สามารถทำตัวเองให้ชอบผู้เยาว์ตัวเล็กคนนี้ได้
“ข้าแค่รู้สึกว่าเขาดูน่าสงสารก็แค่นั้น แม่ของข้าบอกข้าเสมอว่า เรา
ทุกคนเกิดมาจากแผ่นดินเดียวกัน และมันจะดีมากหากเราสามารถ
ดูแลกันและกันได้”
“เขาน่าสงสารตรงไหน? เห็นชัด ๆ เลยว่าเขาไม่สนใจพวกเราด้วยซ้ำ
เราไม่ควรยื่นจมูกไปยุ่งกับเรื่องของเขา” ผู้เยาว์คนอื่น ๆ พูดพลาง
ลากตัวเพื่อนตัวใหญ่ใจดีออกไป ทิ้งจวินอู๋เสียให้ยืนมองฝูงชนที่
หนาแน่นอยู่ตรงนั้นเพียงคนเดียว
จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้นมองภูเขาสีเขียวตรงหน้านาง ภูเขาฝูเหยาเต็มไป
ด้วยพลังวิญญาณมากมายมหาศาลกว่าที่อื่น ๆ ในใจของนางนึกถึง
ทุกสิ่งที่เฟยเหยียนได้สอนนางเอาไว้เกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ของ
อาณาจักรกลาง
ตอนที่พวกเฟยเหยียนอยู่ในอาณาจักรกลางนั้น พวกเขายังเล็กมาก
ทุกอย่างที่พวกเขารู้เกี่ยวกับสถานที่ต่าง ๆ เป็นเพียงสิ่งที่พวกเขาได้
ฟังมาจากคนอื่น ไม่เคยไปด้วยตัวเอง นางได้รับการบอกเล่าว่า ภูเขา
ฝูเหยาได้รับการกล่าวขานว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดใน
อาณาจักรกลาง
เนื่องจากภูเขาฝูเหยาเต็มไปด้วยพลังวิญญาณจำนวนมาก จึงเป็น
สถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการฝึกฝน แต่เนื่องจากภูเขาเคยเป็น
ของราชอาณาจักรแห่งความมืด จึงมีเพียงผู้ที่ได้รับอนุญาตจาก
ราชอาณาจักรแห่งความมืดเท่านั้นที่จะเข้าไปฝึกฝนในภูเขาได้