เมื่อความจริงเปิดเผยต่อรัฐบาลกลาง เจียงฉานก็ได้จัดการประชุมทางวิดิโอทันที
ผลลัพธ์สุดท้ายของการหารือคือสถานการณ์จริงจะถูกแบ่งปันให้กับเทพเสมือนทั้งหมด แต่จะไม่เปิดเผยต่อพวกระดับล่าง
มีบุคคลที่ต่ำกว่าเทพเสมือนมากมหาศาล หากข่าวกระจายออกไป มันมีแต่จะทำให้เกิดความตื่นตระหนกในวงกว้าง ซึ่งยากต่อการควบคุม
นอกจากนี้ สงครามนี้กับผู้รุกรานยังเป็นการต่อสู้ระหว่างเหล่าเทพ ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับเหล่ายอดฝีมือระดับเทพเสมือนเท่านั้น มันไม่สำคัญว่าคนทั่วไปจะรับรู้ถึงสถานการณ์หรือไม่ เพื่อหลีกเลี่ยงความไม่สงบ การปกปิดความจริงจึงเป็นทางออกที่ดีสุด
หลังกำหนดแผนปฏิบัติการของพวกเขา ตอนบ่ายของวัน ตงฟางไป่ก็รวมกลุ่มคนในขอบเหวนรก
เมื่อเทพเสมือนหลายคนเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของตงฟางไป่ พวกเขาก็สามารถเดาได้แล้วว่าเรื่องที่จะประกาศย่อมไม่ใช่ข่าวดี
“สิ่งที่ข้าอยากประกาศครั้งนี้คือข่าวร้าย หลังได้ยินมัน ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะไม่ตื่นตระหนก”
“ระดับพลังสูงสุดของผู้รุกรานที่เรากำลังเผชิญครั้งนี้ไม่ใช่เทพแท้จริงขั้นต่ำ แต่เป็นเทพแท้จริงขั้นสูง มันอาจเป็นเทพแท้จริงขั้น9..”
ทันทีที่ตงฟางไป่กล่าวเช่นนี้ เกือบทุกคนก็สับสน
ขั้นต่ำกับสูงนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ไม่มีเทพแท้จริงในโลกกรวด หากศัตรูเป็นเทพแท้จริงขั้นต่ำ พวกเขาอาจสามารถพึ่งพาคุณฟ่และเทพเสมือนขั้นสูงคนอื่นได้ ในสถานการณ์เช่นนี้ อาจยังมีโอกาสชนะบ้าง
แต่ทว่า หากศัตรูคือเทพแท้จริงขั้นสูง มันหมายความว่าจะไม่มีโอกาสพลิกกระดานเลย
ไม่ว่าค่ายกลจะแกร่งแค่ไหน มันก็ยังมีขีดจำกัด
ตัดสินจากสถานการณ์ปัจจุบันของโลกกรวด ต่อให้คุณฟู่ ผู้เป็นเทพเสมือนขั้น9และเทพเสมือนขั้นสูงหลายคนร่วมมือกันสร้างค่ายกล ระดับสูงสุดที่พวกเขาจะสำแดงได้ก็แค่เทพแท้จริงขั้น3
หากพวกเขาพบเทพแท้จริงขั้น4 พวกเขาก็แทบไม่มีความสามารถสู้กลับแล้ว นับประสาอะไรกับเทพแท้จริงขั้นสูง
“เราจบสิ้นแล้ว กลับบ้านไปนอนกันเถอะ อย่างน้อยก็ยังหาความสุขใส่ตัวได้บ้าง”
“แล้วเรามาที่นี่เพื่ออะไร?ทุกอย่างที่เราทำมาตลอดนั้นทำไปเพื่ออะไร?”
“หากศัตรูเป็นแค่ขั้นต่ำ เราอาจมีหวังบ้าง แต่ด้วยเทพแท้จริงขั้นสูง มันไม่หลงเหลือความหวังใดเลย!”
..
เมื่อเห็นความสามัคคีตลอดหลายวันที่ผ่านมาสลายหายไป ตงฟางไป่ก็กำหมัด เขาคาดไว้แล้วว่าสถานการณ์แบบนี้คงเกิด
“พลังของศัตรูเหนือกว่าเรา เราสามารถพูดได้ว่าเราแทบไม่มีโอกาสชนะเลย แต่ทุกคนจะเต็มใจส่งมอบโลกเรา บ้านเกิดเราให้กับผู้รุกรานเหล่านั้นหรือ?!”
“เมื่อโลกเรากลายเป็นโลกบริวาร ทรัพยากรทั้งหมดของเราจะกลายเป็นของผู้รุกราน ไม่ใช่แค่แร่ธาตุต่างๆ แกนผลึกในมอนสเตอร์และแม้กระทั่งแก่นเทวะในตัวเราก็จะตกเป็นเป้าหมายล่าของพวกมัน”
“ยิ่งไปกว่านั้น ผู้บ่มเพาะบางคนอาจถูกขายเป็นทาส และผู้บ่มเพาะหญิงก็อาจตกเป็นเป้าสุด พวกมันไม่สนใจว่าสิ่งมีชีวิตของโลกบริวารจะอยู่หรือตาย พวกมันจะเหยียบย่ำศักดิ์ศรีความเป็นคนของเรา”
“มันเป็นไปได้ว่าหลังผ่านไปร้อยปี พวกมันจะใช้ทรัพยากรทั้งหมดของโลกนี้จนหมด เพื่อป้องกันเราจากการล้างแค้น พวกมันจะฆ่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกเรา!”
“พวกเจ้าอยากให้อนาคตของเรากลายเป็นแบบนั้นหรือยังไง?!”
“เราอาจตายหากเราต่อต้าน แต่ถ้าเราไม่ต่อต้าน พวกเราทุกคน หรือแม้แต่ลูกหลานเราจะมีชีวิตที่เลวร้ายเสียยิ่งกว่าความตาย!’
…
แม้แต่หลินฮวงก็ยังได้รับผลกระทบโดยคำพูดนี้
หลายคนที่หมดสิ้นความหวังแล้วถูกจุดประกายไฟขึ้นใหม่
การต่อต้านอาจนำไปสู่ความตาย แต่อย่างน้อยมันก็ได้ตายอย่างสมศักดิ์ศรี
แทนที่จะถูกตามล่าเหมือนสุนัข มันดีกว่าที่จะสู้ตายเหมือนหมาป่า
แต่ทว่า มีคนจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้รับแรงบันดาลใจจากคำพูดของตงฟางไป่และเลือกถอนตัว
“หัวใจจักรพรรดิจะส่งข่าววันนี้ไปยังแหวนหัวใจจักรพรรดิทั้งหมดของเหล่าเทพเสมือน แต่มันจะถูกส่งไปในรูปแบบเข้ารหัส ข้อความไม่สามารถส่งต่อได้และจะถูกลบเองภายในสิบวินาทีหลังถูกอ่าน หวังว่าทุกคนจะไม่เผิดเผยข่าวนี้ต่อสหายหรือญาติพี่น้องเพื่อหลีกเลี่ยงความตื่นตระหนก”
“หากพบว่ามีใครจงใจกระจายข่าวนี้ เราจะประหารชีวิตคนๆนั้นทันที!”
จริงๆแล้ว ตงฟางไป่ได้เก็บความลับบางอย่างไว้ เช่น หัวใจจักรพรรดิจะคอยจับตาดูแหวนหัวใจจักรพรรดิของเทพเสมือนทุกคน คำหลักทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการรุกรานของมหาพิภพจะถูกปิดกั้น และข้อมูลที่เกี่ยวข้องจะถูกลบโดยอัตโนมัติ
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหลังตงฟางไป่พูดจบ รัฐบาลกลางก็ออกประกาศต่อเทพเสมือนทั้งหมด
ด้านนอกขอบเหวนรก ทุกคนที่อ่านประกาศนี้ต่างตกตะลึง
เมื่อพวกเขาได้สติ ข่าวก็ถูกลบไปแล้ว หลายคนติดต่อรัฐบาลกลางเพื่อขอความชี้แจง ทุกคนที่ได้รับคำตอบต่างใจสลาย
ด้านข้างของขอบเหวนรก คนเจ็ดคนกำลังพยายามถอนตัวจากปฏิบัติการ
สำหรับคนที่อยู่ ส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่เพราะถูกหว่านล้อมด้วยคำพูดของตงฟางไป่ แต่เป็นเพราะทุกคนได้วิเคราะห์ข้อดีข้อเสียของเรื่องนี้แล้ว
หากพวกเขาอยู่และต่อต้าน อย่างน้อยพวกเขาก็ได้สู้
หากพวกเขาไม่ต่อต้าน พวกเขาคงใช้ชีวิตอย่างไร้สาระได้สักพัก เมื่อผู้รุกรานชนะ ไม่ช้าพวกเขาก็คงถูกกำจัดไปเช่นกัน ความเป็นไปได้มีอยู่สองอย่าง ไม่ถูกล่าก็เป็นทาส
คนที่สามารถกลายเป็นเทพเสมือนได้คือยอดฝีมือในแง่ความคิดพวกเขา หลังต่อสู้มานับไม่ถ้วน พวกเขาแทบไม่เคยถอย ดังนั้น ต่อให้พวกเขาจะรู้ว่าโอกาสชนะนั้นเป็น0 ส่วนใหญ่ก็ยังเลือกกัดกระสุนและต่อสู้กับมัน สำหรับพวกเขา การถอยโดยไม่สู้เป็นเส้นทางของผู้อ่อนแอ
เมื่อเห็นว่าคนส่วนใหญ่อยู่ หลินฮวงก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย เขาเองก็กังวลว่าข่าวอาจทำให้ทุกคนท้อใจ เหนือสิ่งอื่นใด ศัตรูของพวกเขาแข็งแกร่งกว่าและแทบไม่มีโอกาสชนะเลย โชคดี สภาพจิตของทุกคนมั่นคง บนหน้าหลายๆคน เขายังเห็นถึงความมุ่งมั่น
“ทุกคนมีกำลังใจกันมาก อย่างน้อยนี่ก็เป็นข่าวดี”คุณฟู่ยิ้ม
“ครับ ข้าเองก็กังวลว่าจิตใจของทุกคนจะแหลกสลายก่อนสงครามเริ่ม”หลินฮวงยิ้มและพยักหน้า”แต่จากที่เห็น คนเหล่านี้ไม่กลัวเลย”
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุย จู่ๆก็ความผันผวนทางมิติก็บังเกิดขึ้น
เกือบจะพร้อมกัน ความผันผวนถูกรายงานในสามสถานที่ที่ต่างกัน หลินฮวงสำรวจสภาพแวดล้อมด้วยจิตเทวะทันทีและพบว่ามีรอยแยกมิติ8แห่งกำลังปล่อยความผันผวน…