บทที่ 85 ตีรันฟันแทง ! (ต้น)

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์

บทที่ 85 ตีรันฟันแทง ! (ต้น)

ไม่เพียงแต่ไป๋เจ๋อและโม่อวิ๋นฉี ทว่าผู้คนโดยรอบก็ถึงกับตะลึงงันไม่แตกต่างกัน

“เขาทำร้ายคนแล้วหนีไป ?”

โชคยังดีที่ไป๋เจ๋อและโม่อวิ๋นฉียังพอมีไหวพริบอยู่บ้าง ทั้งสองเร่งออกตามหลังเยี่ยฉวนทันที

ณ ที่เกิดเหตุ สามศิษย์จากสถานศึกษาฉางมู่ในเวลานี้ต่างตกเป็นเป้าสายตาของคนที่กำลังมุงดู

ขณะนั้น แต่ละคนล้วนมีสีหน้าเหี้ยมเกรียมดุดัน

หลายปีที่ผ่านมา เคยหรือที่ศิษย์แห่งสถานศึกษาฉางมู่ต้องยอมจำนน ? พวกเขาหาใช่เพียงถูกทำร้าย ทว่ายังถูกลักทรัพย์โดยไม่คาดฝัน ซ้ำร้าย คนผู้นั้นยังเป็นศัตรูคู่อาฆาตอย่างสถานศึกษาฉางหลาน !

หยามหน้าอย่างร้ายแรง !

เสียงคนเป็นหัวหน้ากลุ่มศิษย์คำราม “ตามมันไป !”

ก่อนจะพุ่งตัวออกจากที่ไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นดังนั้น อีกสองคนที่เหลือจึงติดตามไปโดยกระชั้นชิด

ในยามนี้เหล่าศิษย์แห่งฉางมู่ทั้งสาม พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความอับอายอย่างยิ่งยวดโดยมิต้อง สงสัย หากไม่สามารถลบล้างความอัปยศในครั้งนี้ คนทั้งสถานศึกษาฉางมู่ต้องพากันหัวเราะเยาะพวกเขาอย่างแน่นอน หนำซ้ำยังทำให้สถานศึกษาพลอยมัวหมองอีกด้วย !

หลายปีที่ผ่านมา สถานศึกษาฉางมู่ต่างหากที่เป็นฝ่ายกระทำต่อสถานศึกษาฉางหลาน เคยมีหรือที่ สถานศึกษาฉางหลานจะกระทำต่อสถานศึกษาฉางมู่ ?!

ความอัปยศอดสูนี้ ต้องล้างด้วยเลือดจึงสาสม !

เงาแห่งการล่าสังหารปรากฏชัดในแววตาของคนทั้งสาม !

ด้วยว่าเยี่ยฉวนและพวกต้องบรรทุกสิ่งของ จึงทำให้ไม่อาจเดินทางได้รวดเร็วอย่างที่ต้องการ ในไม่ช้า ศิษย์ทั้งสามของสถานศึกษาฉางมู่จึงไล่ตามพวกเยี่ยฉวนมาทัน

ชายหนุ่มกระโดดลงจากรถบรรทุกในทันที เขาหันกลับมาประจันหน้ากับศิษย์ทั้งสามของฉางมู่ซึ่งไล่ ติดตามมา

ในไม่ช้าปรากฏร่างของศิษย์ฉางมู่ทั้งสามใกล้เข้ามาทุกขณะ ศิษย์หัวหน้าพุ่งเข้าหาเยี่ยฉวนหน้าเกรี้ยวกราดดุร้าย “ไอ้สารเลว กล้าดีอย่างไร…”

ทว่าเสียงคำรามไม่สิ้นสุดประโยค เยี่ยฉวนพลันเคลื่อนที่รวดเร็วหายไปจากที่เดิม ก่อนจะมาปรากฏอีกคราก็ตอนเขากระโดดลอยตัวพุ่งพรวดเข้ามาประชิดคนหนุ่มที่เป็นหัวหน้า โดนไม่ทันตั้งตัว ท่อนขาของเยี่ยฉวนพลันตวัดฟาดออกอย่างรุนแรง !

แรงตวัดท่อนขา มันรุนแรงเสียจนทำให้เกิดกำลังปะทะกระชากลม ฉีกอากาศ !

พลันคนหนุ่มสีหน้าเปลี่ยนกะทันหัน เขาผลักออกฝ่ามือข้างซ้ายอย่างเร่งด่วน ต้านทานแรงปะทะอย่างรวดเร็ว

เปรี้ยง !

กร๊อบ !

ขณะที่เสียงของกระดูกแตกลั่น ร่างของคนผู้นั้นถูกแรงผลักกระเด็นไปกระแทกผนังกำแพงไกลออกไป หลายจั้ง

โครม !

ผนังกำแพงสั่นสะเทือนรุนแรง ก่อนจะพังถล่มลงมาทั้งแถบ เคราะห์ดีที่คนหนุ่มผู้นั้นปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็ว เขาพลิกกลับหลังหลบซากเศษผนังที่พังลงมาได้ทันท่วงที แต่แล้วกลับต้องหยุดชะงักเมื่อปรากฏฝ่าเท้าของคนผู้หนึ่งเหยียบกดลงกลางลำตัว !

เยี่ยฉวนสายตาเยือกเย็นเหลือบมองเจ้าคนที่ถูกเหยียบเบื้องล่าง แววตาของอีกฝ่ายที่มองขึ้นมาทั้งดุดันและมุ่งร้าย “หากแน่จริงจงฆ่าข้าเสีย หาไม่ข้าจะตามจองล้างเจ้าทั้งตระกูล ! เจ้า…”

ทันใดนั้นเอง เยี่ยฉวนพลันกระทืบเข้าที่คอหอยของเจ้าหนุ่มอย่างแรง

กร๊อบ !

เสียงของเขาขาดหายไปอย่างกะทันหัน โลหิตจำนวนมากไหลทะลักออกจากปาก ก่อนจะหมดลมหายใจ นัยน์ตาทั้งคู่เบิกกว้างปรากฏแววไม่คาดฝันอยู่เด่นชัด !

ภาพของศิษย์แห่งสถานศึกษาฉางมู่ที่ถูกเยี่ยฉวนสังหารปรากฏให้เห็นต่อหน้า ทำเอาศิษย์อีกสองคน ที่เหลือชักสีหน้าวิตก !

พวกเขาไล่ติดตามพวกของเยี่ยฉวนมาเช่นนี้เป็นเพราะมั่นใจ ทั้งยังคิดไปเองด้วยว่าศิษย์จากสถาน ศึกษาฉางหลานจะไม่กล้าทำอันตรายต่อศิษย์แห่งสถานศึกษาฉางมู่ ทว่านี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกัน !

ภาพที่ปรากฏตรงหน้าพวกเขาเป็นเครื่องยืนยันอย่างดีว่ามันมิได้เป็นเช่นนั้น !!!

คนที่เหลือทั้งสองค่อย ๆ ล่าถอยอย่างช้า ๆ บัดนี้พวกเขาไม่ได้คิดถึงความอัปยศหรือเสื่อมเสียอีกต่อไป เพียงคิดแต่จะรักษาชีวิตตัวเองให้รอดเท่านั้น !

อีกฟากหนึ่ง โม่อวิ๋นฉีและไป๋เจ๋อ ทั้งสองคนต่างออกอาการกังวลอย่างเห็นได้ชัด ด้วยครั้งนี้ไม่ใช่การ วิวาทเล็กน้อยเช่นคราวก่อน

…มันเทียบกับครั้งนี้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย !

เกิดเรื่องใหญ่ !

ไม่ไกลจากจุดที่เยี่ยฉวนสังหารชายคนนั้น ชายหนุ่มพลันรีบหันกลับและกระโดดขึ้นหลังม้า “ไป !”

หลังจากนั้น เขาก็กอดเยี่ยหลิงเอาไว้แน่น ก่อนจะขับรถม้าบรรทุกของออกไป

โดยมีรถม้าบรรทุกของไป๋เจ๋อและโม่อวิ๋นฉีขับตามไป

หลังจากที่เยี่ยฉวนและพวกหายลับไปไม่นาน กลุ่มคนในชุดดำสวมผ้าคลุมสีขาวก็มาถึงยังที่เกิดเหตุ พวกเขาตรวจดูร่างคนที่นอนตายอยู่สักครู่ สีหน้าของทุกคนบ่งชี้ความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส

ในจำนวนคนทั้งหมด มีคนผู้หนึ่งมาพร้อมทวนยาวสีดำ คิ้วดำพาดตรง และนัยน์ตาฉายแววเฉลียวฉลาด กล่าวได้ว่าเป็นผู้มีรูปลักษณ์อันโดดเด่น

บุคคลผู้นี้คือยอดฝีมือหนึ่งในสามที่ถูกจับตามองจากสาขาภายนอกของสถานศึกษาฉางมู่ นามว่าจั้วหลี !

“ศิษย์อาวุโสจั้วหลี !”

เสียงของศิษย์แห่งสถานศึกษาฉางมู่คนหนึ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม “ไฉนเจ้าศิษย์แห่งสถานศึกษาฉางหลานถึงกล้ากระทำการอาจหาญสังหารศิษย์ฉางมู่ ศิษย์อาวุโสจั้วหลีข้าอาสาไปต่อสู้กับมัน ! ข้าจะสู้จนกว่าจะตายไปข้างหนึ่ง ! ถ้าข้าแพ้ให้แก่ศิษย์จากสถานศึกษาฉางหลาน ข้าจะปลิดชีพตนเองที่หน้าประตูสถาน ศึกษาเสีย !”

กล่าวจบก็ถลันพรวดออกไป แต่แล้วกลับหยุดกึกด้วยมีทวนยาวขวางไว้

เหล่าศิษย์แห่งฉางมู่จับตามองจั้วหลีเขาเพ่งสายตาออกไปในระยะไกลตามถนนสายที่ทอดยาวและ กล่าวปฏิญาณออกมาว่า “เลือดต้องล้างด้วยเลือด ถล่มสถานศึกษาฉางหลานให้สิ้นซาก !”

สิ้นสุดคำปฏิญาณ คนผู้นั้นพลันทะยานออกไปทันที

ที่ตามมาเบื้องหลัง มีศิษย์กว่ายี่สิบจากสถานศึกษาฉางมู่ตามมาติด ๆ!

กลางป่า เยี่ยฉวนกับคณะห้อตะบึงขับรถบรรทุกด้วยความรีบเร่ง

ระหว่างทางโม่อวิ๋นฉีหันมามองก่อนเอ่ยถามเยี่ยฉวน “เมื่อครู่นี้ท่านวู่วามเกินไปหรือไม่ ?”

ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ “ข้าให้โอกาสมันแล้ว !”

คู่สนทนานิ่ง

เยี่ยฉวนพูดต่อไปอีกว่า “ถ้าไม่ฆ่ามัน พวกเขาต้องไล่ตามพวกเราจนถึงที่สุด อีกอย่างถ้าข้าไว้ชีวิตมัน ต่อให้เป็นแบบนั้นมันก็คงไม่คิดที่จะหยุดตามจองล้างจองผลาญ ใช่หรือไม่ ?”

ไป๋เจ๋อได้ยินดังนั้น เขาเองก็พยักหน้าเป็นเชิงสนับสนุน “ถูกต้อง มันสมควรตาย !”

คู่สนทนายิ้มแห้ง ๆ “ใช่เขาสมควรตาย แต่พวกเราจะเป็นอย่างไรต่อไป ? สถานศึกษาฉางมู่ไม่ปล่อย พวกเราไว้แน่ !”

ชายหนุ่มหันมามองหน้าของคนพูดครั้งหนึ่ง “ถ้าคนที่มาเป็นศิษย์ทั่วไป ข้าจะรับมือพวกมัน แต่ถ้าเป็นผู้อาวุโส อาจารย์ใหญ่จี้จะจัดการเอง !”

“ถ้าเราจัดการพวกเขาไม่สำเร็จ จะเกิดอะไรขึ้น ?” เขายังมีคำถามสืบไป

คนถูกถามยักหัวไหล่ “ถ้าเราสู้ไม่ได้ ถึงตอนนั้นคงต้องปล่อยเลยตามเลย จะทำกระไรได้ ?”

โม่อวิ๋นฉีทำท่าอ้าปากจะพูดต่อ ทว่าไป๋เจ๋อที่อยู่อีกด้านหนึ่งกลับร้องสวนขัดจังหวะทันควัน “พวกเจ้า หยุดเรื่องนั้นไว้ก่อนได้หรือไม่ ?”

โม่อวิ๋นฉีปากอ้าค้าง “…”

คนทั้งหมดหันกลับไปทางเบื้องหลัง พบว่าห่างออกไปไม่เกิน 90 จั้งปรากฏกลุ่มคนกำลังไล่ตามมาทางนั้น

“ศิษย์สถานศึกษาฉางมู่ !”