บทที่ 86 ตีรันฟันแทง ! (ปลาย)
ทันทีที่สายตาจับภาพของกลุ่มคนที่ตามมา ท่าทีของเยี่ยฉวนพลันแปรเปลี่ยน เขาละสายตาจากภาพ นั้นหันมาที่โม่อวิ๋นฉี “เจ้าช่วยอะไรข้าสักอย่าง ช่วยพาน้องสาวของข้ากลับไปสถานศึกษาฉางหลานที !”
เยี่ยหลิงได้ยินพี่ชายแล้ว คราแรกนางตั้งท่าจะประท้วง แต่แล้วกลับหุบปากลงอย่างเชื่อฟังด้วยสายตาจ้องแกมบังคับของพี่ชาย
ชายที่ถูกขอร้องเหลือบมองหลังครั้งหนึ่ง ก่อนที่เขาจะหันมาคว้าตัวเด็กหญิงขึ้นมาอุ้ม ก่อนจะใช้พลัง ลมบ่าวิถีเกิดเป็นพายุหนุนใต้ฝ่าเท้า ภายในเวลาเสี้ยววินาทีทั้งชายหนุ่มและเยี่ยหลิงก็เหินออกไปไกลหลาย สิบลี้แล้ว
เมื่อเห็นเช่นนั้น เยี่ยฉวนก็หันกลับมาทางไป๋เจ๋อ “เจ้าสมควรกลับไปด้วย !”
แต่ทว่าชายหนุ่มนั่นกลับสั่นศีรษะปฏิเสธหนักแน่น
ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปาก “ต้นเหตุครั้งนี้เป็นเพราะข้า !”
ไป๋เจ๋อส่ายหน้าอีก “จุดมุ่งหมายของพวกเขาคือสถานศึกษาฉางหลาน ฉะนั้นต่อให้เจ้าไม่อยู่ที่นั่น พวกมันก็คงพุ่งเป้ามาที่เจ้าตัวแสบแซ่โม่และข้าอยู่วันยังค่ำ”
ได้ฟังดังนั้นเยี่ยฉวนจึงไม่กล่าวอะไรอีก เขากระโดดลงจากรถม้าบรรทุกของและเดินตรงเข้าหากลุ่ม ศิษย์แห่งสถานศึกษาฉางมู่ โดยมีไป๋เจ๋อเคียงข้างมาด้วยกัน
ทั้งสองจับตามองกลุ่มศิษย์ฉางมู่ที่ดาหน้าตรงเข้ามา สีหน้าและแววตาของเยี่ยฉวนเปลี่ยนไปกลายเป็นทั้งโหดเหี้ยมและป่าเถื่อน
ต่อสู้ ?!
การต่อสู้ คือสิ่งสุดท้ายที่คนเช่นเขาจะกลัว !!
เหตุที่ชายหนุ่มสำเร็จขั้นพลังและความแข็งแกร่ง ไม่ได้เป็นเพราะผลแห่งการฝึกปรือลมปราณ แต่เป็น เพราะการต่อสู้ โดยเฉพาะเมื่อก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูล ที่เยี่ยฉวนใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการต่อสู้ บนหนทางแห่งการต่อสู้แย่งชิงกับตระกูลอื่น
การต่อสู้ เสมือนเป็นชีวิตประจำวันไปเสียแล้ว !
ทันใดนั้นจั้วหลีชูทวนยาวขึ้นสูง พลันเขาปรากฏกายออกเบื้องหน้าคนทั้งกลุ่ม น้ำเสียงเย็นเยียบเอ่ยขึ้น “ข้าเอง !”
ทันทีสิ้นเสียงพูด เขาพลันกระแทกฝ่าเท้าข้างขวาลงกับพื้นดินหนึ่งครั้ง
เปรี้ยง !
สิ้นเสียงพสุธากัมปนาท พลันพื้นดินใต้ฝ่าเท้าแยกออกเป็นทางยาว ! ระอุไอความร้อนดันพลุ่งขึ้นจาก รอยแยกลอยตัวสู่อากาศ ชั่วพริบตา จั้วหลีพลิกข้อมือทวนยาวพุ่งปลายมาทางเยี่ยฉวนและไป๋เจ๋อ ราวกับลำแสง !
ขั้นหลอมรวมลมปราณ !
เยี่ยฉวนชะงักกึก ฉับพลันนั้นเองที่ทวนยาวของจั้วหลีได้พุ่งออกมาอยู่เบื้องหน้าแล้ว ด้วยปฏิกิริยาตอบสนอง ชายหนุ่มจึงเคลื่อนไหวร่างกายหงายงอพับลงทางหลังเฉกเช่นกระดาษถูกพับครึ่งเพื่อเบี่ยงพ้นจากการ ปะทะแสงแห่งทวนนั้น ในเวลาเดียวกันเขาก็ส่งพลังเตะตรงกระแทกออกไปรุนแรง
เปรี้ยง !
แรงเตะส่งผลต่อทวนยาวในมือซ้ายของจั้วหลีสั่นสะท้านอย่างแรง อีกทั้งร่างของอีกฝ่ายยังล่าถอยห่างออกไปหลายจั้ง โดยไม่ทันให้ตั้งตัว เยี่ยฉวนใช้โอกาสนั้นกระโจนเข้าหาราวเสือหิวกระโจนตะครุบเหยื่อ !
จั้วหลีเหลือบตามองนิดหนึ่ง เขากำทวนแน่น ส่งออกพลังผ่านลำทวนพร้อมกวาดออกไปอย่างดุดัน “กำจัดมารพ่าย”
ฟู่ !
ลำทวนยาววาดเหวี่ยง ทะยานออกฉีกอากาศเบื้องบน อำนาจแห่งพลังชี่พลันเกิดเสียงระเบิดดังขึ้น
รอยยิ้มอำมหิตผุดขึ้นที่มุมปาก เยี่ยฉวนไม่คิดหลบหลีก ในทางกลับกัน มือขวาของชายหนุ่มพลัน กำหมัดแน่น ก่อนที่เขาจะส่งหมัดนั้นพุ่งออกข้างหน้าอย่างหนักหน่วงยิ่ง
หมัดทลายภูผา !
เมื่อเสริมด้วยเคล็ดวิชาต่อสู้ จึงส่งผลให้พลังทำลายล้างของทักษะยุทธ์ยิ่งกล้าแกร่งจนมิอาจต้านทาน
พลังแรงของหมัดปะทะพลังชี่แห่งทวน !
เปรี้ยง !
แรงปะทะส่งเสียงระเบิดกึกก้อง ร่างทั้งร่างของจั้วหลีถอยหลังกรูดไกลออกหลายจั้งโดยมือยังกำด้าม ทวนไว้แน่น แรงปะทะผลักร่างจนถอย ฝ่าเท้าอีกฝ่ายกดจิกลงพื้นจนเกิดรอยครูดบนพื้นดินเป็นร่องลึกยาว
เมื่อร่างของเขาหยุดนิ่ง เยี่ยฉวนไม่ชักช้า ชายหนุ่มทะยานเข้าใส่อีกครา ในเวลาเดียวกันก็พุ่งหมัดตรง ออกเป็นคำรบสอง !
เป็น ‘หมัดทลายภูผา !’ เช่นก่อนหน้า
ปราศจากการเสริมแรงใด ๆ เป็นเพียงการออกหมัดลุ่น ๆ ที่พุ่งตรงและรุนแรงเท่านั้น !
หาญหักต่อพลังที่ทรงอำนาจ !
ยามนี้จั้วหลีได้รู้แล้วถึงหมัดอันทรงพลังของเยี่ยฉวน เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย ไม่กล้าผลีผลาม ทำการรวบ รวมลมปราณทะยานพุ่งออกสู่ยังทวนยาวในมือ ฉับพลัน ! จึงแทงออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ปลายทวนชี้ตรงปรากฏเป็นลำแสงพุ่งออกจากปลายนั้น ก่อให้เกิดเสียงกรีดของคมทวนที่กรีดแทงผ่านอากาศ !
นั่นคือเสียงของลำทวนยาวฉีกแหวกอากาศ !
ท่ามกลางสายตาของทุกคน หมัดและทวนประสานงาด้วยระดับความรุนแรงอันหนักหน่วงยิ่ง !
เปรี้ยง !
ผลจากการแรงปะทะในครั้งแรก ทั้งเยี่ยฉวนและจั้วหลีต่างคนต่างถอยกรูด ทว่าชายหนุ่มหยุดลงอย่าง รวดเร็ว ขณะที่จั้วหลียังไม่มีทีท่าจะหยุด เมื่อเห็นเช่นนั้นเยี่ยฉวนจึงไม่รอช้า ชายหนุ่มพลันทะยานเข้าหาจั้วหลี อีกครั้ง !
ครานี้จั้วหลีมิอาจตั้งรับได้ทัน !
ดังนั้นหน้าอกของเขาจึงเป็นที่รับแรงปะทะหนักหน่วงของพลังหมัดตรงจากเยี่ยฉวนอย่างจัง
พรูดดด !
โลหิตพุ่งกระฉูดทางปาก ขณะที่ร่างกระเด็นไปกระแทกโค้งงออยู่กับพื้น
เยี่ยฉวนทำท่าจะพุ่งเข้าซ้ำ พลันกลุ่มศิษย์ฉางมู่ที่ดูเหตุการณ์ ต่างพากันพุ่งถลันเข้าหาชายหนุ่ม !
ฟากไป๋เจ๋อเมื่อเห็นเช่นนั้น เขาเองก็ทะยานเข้าปะทะต่อสู้กับกลุ่มศิษย์ด้วยแววตาของผู้ที่กำลังชี้ชะตา โลก !
ชั่วเวลาไม่นานที่เขาเดินหน้าผลักดันกลุ่มศิษย์อย่างต่อเนื่อง ทุกฝีก้าวที่ย่ำออกไป จะปรากฏร่องรอย ฝีเท้าทิ้งไว้บนพื้นดินเสมอ…
โดยไม่พูดพล่าม เยี่ยฉวนพุ่งเข้าหาเหล่าศิษย์ที่ดาหน้ากันเข้ามาอีกครา
เขาไม่เคยนึกเกรงการต่อสู้ตัวต่อตัว ทั้งไม่หวาดกลัวการรุมตีรันฟันแทงเช่นกัน !
“คอยด้วยสิ !”
เสียงของคนผู้หนึ่งดังมาจากเบื้องหลังเยี่ยฉวนและไป๋เจ๋อ
ผู้เป็นเจ้าของเสียงคือโม่อวิ๋นฉี เขาพุ่งตรงมาด้วยความแรงและรวดเร็วดุจมีลมหอบ เข้ามาถึงที่ทั้งสอง ไป๋เจ๋อและเยี่ยฉวนในชั่วพริบตาเดียว
โม่อวิ๋นฉีเหลือบมองกลุ่มชายฉกรรจ์กว่ายี่สิบซึ่งพุ่งเข้าหา เขาแสยะยิ้มพลางถาม “ฆ่ามันเลยไหม ?”
เยี่ยฉวนสวนกลับทันควัน “เจ้าจะรอให้มันมาฆ่าพวกเราหรือ ?”
“ฮ่าฮ่า…”
ได้ยินคำตอบ โม่อวิ๋นฉีอดหัวเราะไม่ได้ “ข้านี่ถามอะไรโง่ ๆ ชะมัด ฆ่ามัน ! พวกมันจะได้รู้เสียบ้างว่า ฉางหลานจะไม่ทนให้ใครรังแกอีกต่อไป !”
พูดจบ ทำท่าประกบมือทั้งสอง และทันทีที่กางมือออกจากกัน พลันปรากฏวัตถุส่องประกายวาววาบ บนฝ่ามือ
มีดบินคู่ !
ในเวลาต่อมา เป็นหัวของศิษย์ฉางมู่จำนวนหนึ่งปลิวหลุดออกจากร่าง
ศิษย์จากทั้งสองสำนักพุ่งตรงเข้าโรมรันพันตู เมื่อโม่อวิ๋นฉีกลับถูกศิษย์ฉางมู่คนหนึ่งจู่โจมโดยกระหน่ำผลักออกพลังเข้าใส่ในอากาศ พริบตาถัดมาเยี่ยฉวนจะเข้าจัดการระเบิดศีรษะของศิษย์ฉางมู่ผู้นั้นกระจายไป ซึ่งในจังหวะเดียวกัน ศิษย์ฉางมู่อีกผู้หนึ่งก็ได้ถูกเยี่ยฉวนทุบลงไปพร้อม ๆ กัน…
ทั้งลานเต็มไปด้วยเสียงเอะอะ ปนเปไปกับเสียงร้องครวญครางและเสียงลั่นจากกระดูก ดังระงมราวกับจะไม่มีวันจบสิ้นไปทั่วทุกแห่งหน !