บทที่ 87 เยี่ยฉวน ผู้เยี่ยมยุทธแห่งแคว้น ! (ต้น)

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์

บทที่ 87 เยี่ยฉวน ผู้เยี่ยมยุทธแห่งแคว้น ! (ต้น)

เกิดเหตุตีรันฟันแทง !

บริเวณโดยรอบมีแต่ความยุ่งเหยิงปั่นป่วน

แม้เยี่ยฉวนและพรรคพวกจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่ทางด้านสถานศึกษาฉางมู่ก็มีจำนวนคนที่มากกว่า ดังนั้นเมื่อพวกเขาลงมือพร้อมกัน จึงทำให้พวกเยี่ยฉวนต้องรับศึกหนักพอสมควร นี่แสดงให้เห็นว่าศิษย์ของ สถานศึกษาฉางมู่ไม่มีพวกเศษเดนปะปนอย่างแท้จริง

แต่ถึงจะเก่งยังไง ทว่าเมื่อดูจากผลลัพธ์ในตอนนี้แล้ว ก็คงยากเอ่ยว่าฝ่ายไหนได้เปรียบกว่ากัน เป็น เพราะเวลานี้ศิษย์ของฉางมู่กลับต้องจบชีวิตอย่างน่าอนาถแล้วกว่าหกถึงเจ็ดคน

ผัวะ !

เยี่ยฉวนพุ่งหมัดใส่ร่างของศิษย์ฉางมู่คนหนึ่งกระเด็นหวือขึ้นไปในอากาศ และกำลังจะขยับเคลื่อนออกจากที่ ฉับพลันทวนยาวปรากฏขึ้นขัดจังหวะอย่างกะทันหัน และพุ่งลงมาจากเบื้องบนตรงเข้าหาตัว

แน่นอนว่าเป็น จั้วหลี !

ชายหนุ่มไม่คิดเลี่ยงหลบ ปล่อยให้ทวนที่พุ่งเข้าหาของจั้วหลี แทงตรงเข้าที่หน้าอกของตนเอง

เปรี้ยง !

เยี่ยฉวนผงะถอยออกไปสองสามก้าว ผลลัพธ์ครั้งนี้ทำเอาสีหน้าของคู่ต่อสู้แปรเปลี่ยนอย่างสิ้นเชิง ด้วยเห็นอย่างชัดเจนว่าเยี่ยฉวนใช้ความกล้าแกร่งของร่างกายเข้าต้านแรงปะทะ นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่คาดคิด ซึ่งการ ไม่คาดฝันครั้งนี้ย่อมส่งผลร้ายแรงตามมา

เยี่ยฉวนฉวยโอกาสนั้นคว้าปลายทวนข้างหนึ่งของจั้วหลีไว้ในกำมือ เขาขยับกำหมัดแน่น ก่อนผลัก ด้ามทวนกระแทกใส่ผู้เป็นเจ้าของ และทะยานเข้าหาอีกฝ่ายโดยฉับพลัน ก่อนจะงอเข่าตีกระแทกเข้าที่ท้องของอีกฝ่ายอย่างรุนแรง

ปัง !

ร่างของจั้วหลีกระเด็นออกไปทันทีหลายจั้ง

เปรี้ยง !

เสียงร่างของเขาตกลงกระแทกพื้นดังสนั่น โลหิตทะลักออกจากปากด้วยอวัยวะภายในที่สำคัญเสีย หายหลายส่วนจากพิษสงความแรงของพลังตีเข่าเยี่ยฉวน

เยี่ยฉวนเดินย่างสามขุมมาหยุดอยู่เบื้องหน้ามองสบตาของจั้วหลีซึ่งใบหน้าบูดบึ้งเคียดแค้น “ข้า ประมาทเจ้าเกินไป แต่ถ้าวันนี้ข้าตาย สถานศึกษาจะไม่ประมาทเจ้าอีกต่อไป !”

พูดจบ เสียงคำรามอย่างกราดเกรี้ยวดังขึ้น “ไป !”

สิ้นเสียงของจั้วหลี เหล่าศิษย์ที่เหลือทยอยหยุดชะงักลงทีละคน ทว่าเมื่อหันมาเห็นสภาพของจั้วหลี พวกเขาพลันรีบถลันตรงเข้าใส่ทางเยี่ยฉวนในพลัน

ชายหนุ่มเพียงเหลือบมองคนพวกนั้นด้วยสายตา เพียงเท่านี้พวกมันต่างก็พากันชะงักฝีเท้าที่กำลังตรงมา ที่ทำเช่นนั้นเพราะหาใช่เกรงกลัวต่อเยี่ยฉวน ทว่าพวกเขาเกรงกลัวว่าจั้วหลีจะถูกชายหนุ่มเด็ดชีพลงใน วินาทีนั้น

ทั้งไป๋เจ๋อและโม่อวิ๋นฉีต่างล่าถอยกลับมายืนขนาบด้านซ้ายขวา คนทั้งสองอยู่ในสภาพบาดเจ็บทาง ร่างกายมากบ้างน้อยบ้าง…

โดยเฉพาะโม่อวิ๋นฉี ปรากฏคราบโลหิตไหลซึมออกมาจากมุมปาก ส่วนไป๋เจ่อมีร่องรอยบาดแผลบริเวณท่อนบนลำตัว

พลังของบรรดาศิษย์ฉางมู่แต่ละคนอย่างน้อยอยู่ในขั้นหลอมรวมลมปราณ ยิ่งไปกว่านั้นบางคนยังอยู่ ในขั้นที่สูงกว่านั้น ! พวกเยี่ยฉวนสามคนต้านทานยี่สิบศิษย์ฉางมู่ ยังสามารถรักษาชีวิตไว้ได้ย่อมมิใช่ธรรมดา !

ในเวลานั้นจั้วหลีค่อยขยับลุกขึ้นยืนอยู่เบื้องหน้า ก่อนหันไปคำรามใส่ศิษย์ฉางมู่ที่อยู่ด้านหลัง “หนีไป โดยเร็ว”

เขาเป็นคนฉลาด นับจากการต่อสู้ในครั้งนี้ จึงได้เข้าใจแล้วว่าพวกตนนั้นประมาทฝีมือของคนทั้งสาม ผิดไปมากแค่ไหน !

หากยังสู้ต่อ รังแต่จะเอาชีวิตมาทิ้งเท่านั้น !

ทว่าศิษย์แห่งสถานศึกษาฉางมู่หามีผู้ใดขยับเขยื้อนจากที่แม้แต่น้อย

ทันใดนั้นกลับเป็นเยี่ยฉวนที่หันหลังและออกเดินไปเสียจากที่นั้น

ไป๋เจ๋อและโม่อวิ๋นฉีมองจั้วหลีซึ่งบาดเจ็บอวัยวะภายในจากการปะทะกับเยี่ยฉวน ก่อนเดินตามหลัง ชายหนุ่มออกไป

เบื้องหลังของคนทั้งสาม รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมผุดขึ้นมุมปากของจั้วหลี “ทำไมกัน ? เหตุใดข้าจึงต้องมา เสื่อมเสียเกียรติเพราะเจ้า ? ฮ่าฮ่า… ในฐานะศิษย์แห่งฉางมู่ ข้าขอตายเสียดีกว่าอยู่โดยเสื่อมเสียเกียรติ เพราะศิษย์ฉางหลาน !”

สิ้นคำกล่าว ท่ามกลางสายตาทุกคู่ จั้วหลีที่กำมือขวาแน่นพลันยกหมัดกระแทกใส่ลำคอของตนเอง อย่างรุนแรง

กร๊อบ !

เสียงกระดูกลั่น พลันจั้วหลีหมดลมหายใจ ณ ที่นั้น

“ศิษย์อาวุโส จั้วหลี !”

เหล่าศิษย์แห่งสถานศึกษาฉางมู่กรูเข้ารุมล้อมร่างไร้วิญญาณของศิษย์อาวุโสจั้วหลี จากนั้นเสียงร่ำไห้ดังระงม

ไม่ไกลออกไป ทางเยี่ยฉวน และโม่อวิ๋นฉีกำลังยืนปาดเช็ดคราบเลือดออกจากมุมปาก “ฉิบหาย พวก มันทำอย่างกับเราเป็นคนเลว ใครกันแน่ถูกรุมทำร้าย ?”

ไป๋เจ๋อยกฝ่ามือขึ้นถูร่างกายท่อนบน และเพียงไม่นานบาดแผลบนผิวเนื้อพลันเริ่มสมานเข้าด้วยกัน เขากลับหันมาทางเยี่ยฉวน “ร่างกายเจ้าพิสดารแท้ !”

เขาได้ประจักษ์แก่ตาถึงสมรรถนะทางร่างกายของเยี่ยฉวนจากการต่อสู้ครั้งนี้ เป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายไม่ด้อยกว่าสมรรถนะของตนเองเลย

ชายหนุ่มกระซิบตอบ “เจ้าก็เช่นเดียวกัน !”

เวลานี้มีเพียงไปเจ๋อเท่านั้นที่สามารถเทียบเคียงกับเยี่ยฉวนในเชิงความแข็งแกร่งของร่างกาย !

ขณะนั้นเอง พลันปรากฏคนผู้หนึ่งเป็นชายวัยกลางคน สวมผ้าคลุมสีทองมีสัญลักษณ์ของสถานศึกษาฉางมู่ปักที่หน้าอก

ผู้มาใหม่ซึ่งเยี่ยฉวนคุ้นหน้าคุ้นตา ด้วยเขาคือหลีซิ่วรองอาจารย์ใหญ่แห่งสถานศึกษาฉางมู่ !

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนับว่าร้ายแรงนัก !

แต่นับว่าสมควรเป็นเช่นนั้น เมื่อมีคนตาย ผลที่ตามมาย่อมต้องร้ายแรง

นัยน์ตาของหลี่ซิ่วจับจ้องมาที่เยี่ยฉวน “เจ้าสังหารคน และยังคิดจะกลับไปง่าย ๆ เช่นนี้หรือ ?”

คนถูกถามตอบกลับเสียงเยาะเย้ย “สังหารคน ? ทำไม ? มีเพียงศิษย์ของสถานศึกษาฉางมู่เท่านั้นหรือ จึงสังหารคนได้ สถานศึกษาฉางหลานไม่มีสิทธิ์เช่นนั้น ? หรือว่าฉางมู่ไม่เหลือใครแล้ว จึงต้องให้ท่าน รองอาจารย์ใหญ่ผู้ทรงเกียรติออกมาแก้แค้น ?”

หลีซิ่วออกวาจาเยาะหยัน “ยุแหย่ข้าหรือ ? วางใจเถอะ ข้าไม่รังแกเด็ก !”

พลันหันหน้าไปทางกองหินใหญ่ห่างออกไป ซึ่งมีชายชรานอนพังพาบผู้หาใช่ใครอื่น อาจารย์ใหญ่จี้ !

รองอาจารย์ใหญ่หลีซิ่วแสยะยิ้มอย่างน่ากลัว “ท่านจี้ นับแต่นี้ไปในนามของสถานศึกษาฉางมู่ ข้าขอ ประกาศสงครามกับสถานศึกษาฉางหลาน เริ่ม…”

ในทันทีนั้นเองชายชราผุดลุกขึ้นยืน และต่อหน้าทุกคน เขาพลันดึงวัชพืชมาหนึ่งขยุ้มก่อนโยนทิ้งด้วย ท่าทางปกติ

ทว่าสีหน้าของหลีซิ่วพลันเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เขาผลักฝ่ามือสองข้างออกพร้อมกัน ส่งออกพลัง แสงกระจายคลุมร่างกาย ขณะเดียวกันพลังที่ส่งออกก็ได้ปรากฏริ้วกระเพื่อมดุจคลื่นแห่งกระแสน้ำ !

พลังแรงผลักร่างเยี่ยฉวนและคนอื่นให้ล่าถอยออกไปไกลระยะหลายจั้ง

ท่ามกลางทุกคนที่กำลังมองด้วยความประหลาดใจ ก้อนวัชพืชเสมือนทำปฏิกิริยากับพลังแสงของหลีซิ่ว ราวกับถูกห้ำหั่นด้วยคมกระบี่จนกระทั่งแตกกระจายออกไป ทำให้พลังแสงของหลีซิ่วดับพลันวูบลงทันทีและ หายอย่างไร้ร่องรอย !

ฟู่ !

อีกครา หลีซิ่วผลักออกฝ่ามือข้างขวา !

ทุกอย่างสงบนิ่ง !

ภาพที่ปรากฏต่อหน้า ทำให้เยี่ยฉวนและสหายนิ่งงันด้วยความตกตะลึง